ศาลออกหมายจับ –ปรับนายประกัน “ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์” เบี้ยวฟังคำพิพากษาฎีกากลุ่ม นปช.บุกล้มประชุมอาเซียน อ้างเป็น ส.ส. ศาลชี้ไม่เข้าข่ายรัฐธรรมนูญ คดีเสร็จสิ้นการพิจารณา ลักษณะประวิงคดี นัดอ่านอีกครั้ง 13 ม.ค.ปีหน้า ส่วนที่ร้องขอยกเลิกคำให้การเดิม จากปฏิเสธเป็นสารภาพผิด ศาลฎีกาสั่งยกคำร้อง เพราะลักษณะต้องห้าม ขณะที่ “สำเริง ประจำเรือ - นายวรชัย เหมะ” มาศาล เข้าคุกรับโทษ 4 ปี ตามฎีกาถึงที่สุด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ธันวาคม 2562 ที่ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี ศาลนัดฟังคำพิพากษา และคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3537/2552 ที่ กลุ่ม "13 นปช." ร่วมกันชุมนุม บุกรุกเข้าไปในโรงแรม รอยัลคลิฟ บีช พัทยา ก่อความวุ่นวายขัดขวางการประชุมอาเซียน ซัมมิทเมื่อ ปี 2552 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือกี้ร์ แกนนำ นปช.กับพวกรวม 18 คนเป็นจำเลย โดยระหว่างพิจารณามีจำเลย หลบหนี 3 คน
ขณะที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง 2 คน ศาลฎีกายกฟ้อง 1 คน
โดยวันนี้เป็นการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในส่วน พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) จำเลยที่ 3 , นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 และนายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 ที่ได้ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพ จากที่ก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดได้เลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาคดีนี้มาแล้วในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
ส่วน “นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง” จำเลยที่ 1 ไม่ได้มาศาลตั้งแต่นัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 ก.ย.62 ศาลจึงให้ออกหมายจับติดตามตัวมาฟังคำพิพากษาฎีกาคดีนี้ พร้อมออกหมายจับไว้ โดยปัจจุบันเชื่อว่าได้หลบหนีคดีไป เนื่องจากในนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกมีจำเลยอื่นมาฟังนั้นผลคำพิพากษาฎีกา คือ พิพากษายืนจำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท
อย่างไรก็ตามวันนี้ ในส่วนของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส. พปชร. จำเลยที่ 3 ไม่ได้มาศาล คงมีเพียงผู้รับมอบอำนาจและทนายความมาศาล โดยยื่นคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ด้วยเหตุผลว่า จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส.อยู่ระหว่างการประชุมพรรค ขณะที่ “นายสำเริง ประจำเรือ” จำเลยที่ 6 และ “นายวรชัย เหมะ” จำเลยที่ 13 มาศาล
อย่างไรก็ตามศาลพิจารณาคำร้องขอเลื่อนฟังคำพิพากษาแล้ว เห็นว่า แม้จำเลยที่ 3 เป็น ส.ส. แต่คดีนี้เสร็จการพิจารณาเสร็จแล้วไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 125 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีมีลักษณะเป็นการประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จึงให้ปรับนายประกันจำเลยที่ 3 เต็มตามสัญญาประกัน และให้ออกหมายจับสำหรับ พ.ต.ท.ไวพจน์ ส.ส.พปชร. จำเลยที่ 3 เพื่อมาฟังคำพิพากษาฎีกาในวันที่ 15 ม.ค.63 เวลา 09.00 น.
ส่วน “นายสำเริง ประจำเรือ” จำเลยที่ 6 และ “นายวรชัย เหมะ” จำเลยที่ 13ที่วันนี้มาศาล ศาลจังหวัดพัทยาก็ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้ทราบว่า ศาลฎีกาพิจารณาประเด็นที่จำเลยที่ 3, ที่ 6 , ที่ 13 ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธ เป็นรับสารภาพนั้น ศาลเห็นว่าการแก้ไขหรือเพิ่มเติมคำให้การ ต้องกระทำก่อนศาลพิพากษา การที่จำเลยทั้งสามมายื่นในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้าม ให้ยกคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ( ป วิ.อ.) มาตรา 163 วรรคสอง
ศาลฎีกาจึงพิพากษาจำคุก “นายสำเริง” จำเลยที่ 6 และ“นายวรชัย” จำเลยที่ 13 คนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่ออ่านคำพิพากษาฎีกาที่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงควบคุมตัว “นายสำเริง” จำเลยที่ 6 และ“นายวรชัย” จำเลยที่ 13 ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษพัทยา เพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป
สำหรับคดีนี้ในวันนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาครั้งแรกวันที่ 11 ก.ย.62 มีเพียงนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เพียงคนเดียว ที่มาฟังคำพิพากษาฎีกา ส่วนจำเลยอื่นๆ ไม่มาฟังคำพิพากษาอ้างเหตุจำเป็นต่าง ๆ และศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว โดยโทษยืนจำคุกคนละ 4 ปี ปรับคนละ 200 บาทเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี