เปิดผลสำรวจนิด้าโพล30%
ปลื้มรบ.บิ๊กตู่
6เดือนบริหารประเทศไปได้
แนะเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ซูเปอร์โพลกังวล‘วิ่งไล่ลุงตู่’
ปลุกมวลชน2ฝ่ายเผชิญหน้า
ผิดหวังสส.ทำงานไม่คุ้มเงิน
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการใช้ศึกษาผลกระทบจากประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ไปเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี 10 เสียง สส.ฝ่ายค้านมาช่วยเป็นองค์ประชุมแล้วนั้น แต่ในส่วนของ 6 สส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ดังกล่าว ยังคงลงมติยืนยันตามเดิม 4 ราย ประกอบด้วย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายเทพไท เสนพงศ์, นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ และนายอันวาร์ สาและ ขณะที่ นางกันตวรรณ ตันเถียร สส.พังงา และนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ สส.ตาก ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุม แต่ไม่ออกเสียงลงมติ
จ่อปรับครม.เขี่ยประชาธิปัตย์
ประเด็นดังกล่าว สร้างความไม่พอใจให้กับแกนนำระดับสูงของรัฐบาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีการกำชับกับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เพื่อให้ควบคุมการลงมติของลูกพรรค ทั้งในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และในช่วงงานเลี้ยงสังสรรค์พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.แล้ว และมีการระบุด้วยว่าหากไม่สามารถควบคุมองค์ประชุมสภาฯและควบคุม สส.รัฐบาลได้ก็อาจจำเป็นต้องยุบสภา แต่ผลปรากฏว่าทางพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่สามารถควบคุม สส.ในสังกัดได้ และไม่มีทีท่าว่าจะมีมาตรการลงโทษใดๆออกมา อีกทั้งยังปล่อยให้ สส.และผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นโจมตีรัฐบาลบ่อยครั้ง ที่สำคัญการทำงานของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา ก็ไม่เข้าขาและมีปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลหลายกรณี ทั้งในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจ รวมไปถึงกรณีการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร จึงเริ่มมีความเห็นพ้องกันของแกนนำระดับสูงในรัฐบาล ในการที่จะปรับพรรคประชาธิปัตย์ออกจากรัฐบาลในการปรับ ครม.ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2563 หรือภายหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เชื่อสส.ค่าย‘สุเทพ’ยังหนุนรบ.
“เชื่อว่าถ้าปรับพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากรัฐบาล ก็จะยังมี สส.ของพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 30 คน ยังอยู่ร่วมรัฐบาล สส.กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับ นายสุเทพ เทือกสุวรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตเลขาธิการ กปปส. ที่สนับสนุนให้ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐตั้งแต่ต้น” แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุ
แหล่งข่าวยังได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาไม่ให้กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยด้วยว่า เสียงที่อาจจะหายไป 20-30 เสียงนั้น จะทดแทนด้วยเสียงของ สส.บางส่วน ของพรรคเศรษฐกิจใหม่,พรรคอนาคตใหม่, พรรคประชาชาติ และพรรคเพื่อชาติ รวมแล้วราว10 เสียง จึงมีการประสานระหว่างแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไปยังผู้บริหารระดับสูงของพรรคเพื่อไทย ที่มีความคุ้นเคยกัน เพื่อทาบทามให้นำ สส.จำนวนหนึ่งราว 20-30 เสียง ทั้งที่มีการดูแล หรือฝากเลี้ยงไว้อยู่แล้ว รวมกับบางส่วนที่ไม่กังวลกระแสต่อต้านในพื้นที่ ให้เข้ามาแทนที่เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่ขาดหายไป โดยมีการเสนอตำแหน่งรัฐมนตรี และตำแหน่งอื่นในฝ่ายบริหารให้ตามสัดส่วนจำนวน สส.ที่เข้ามาร่วมกับรัฐบาลด้วย
แนวโน้มดึงเพื่อไทยช่วย‘ลุงตู่’
นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกันว่า ในอนาคตอาจจะดึง สส.เพื่อไทย เข้ามาช่วยงานรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น หากยังประสบปัญหาความไม่เข้าขากันของ พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้มีรายงานว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้นำประเด็นดังกล่าวไปหารือ และขอความเห็นชอบจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่เกาะฮ่องกง เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน
สนธิรัตน์ปลุกขอนแก่นเลือกพปชร.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังจากได้ลงพื้นที่ช่วยนายสมศักดิ์ คุณเงิน ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.ว่า รัฐบาลที่ได้ทำงานต่อเนื่องจะมีความสำคัญที่สุด ตอนนี้รัฐบาลไหนเข้ามาก็ต้องเจอปัญหาเดียวกันคือ สงครามการค้า ที่ช่วงเวลานี้มีแต่การต่อสู้กันไปหมด สิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาจึงคือ ความต่อเนื่องของรัฐบาล เพื่อให้ได้ทำตามสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ สิ่งที่ทำค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ เพราะถ้ารัฐบาลไม่ต่อเนื่อง มีรัฐบาลใหม่มาก็จะเริ่มทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ตนจึงขอบอกกับชาว อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่นว่า การเลือกตั้ง เขต 7 ครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือกสส.แต่ประชาชนกำลังเลือกตั้งเพื่อช่วยรัฐบาลเพิ่มเสียงในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกล่าวขอบคุณ สส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 4 คน ที่ลงมติสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ แสดงให้เห็นถึงการโหวตนี้ว่า ต้องการเห็นประเทศเดินหน้า ถือเป็นแนวทางการเมืองที่สำคัญในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน
ยัน‘บิ๊กตู่’ไม่ใช้อำนาจค้ำรัฐบาล
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ใช้อำนาจและผลประโยชน์แลกกับความอยู่รอดของรัฐบาลว่า จริงๆ แล้วตนไม่อยากตอบโต้คุณหญิงสุดารัตน์รายวัน เพราะคุณหญิงสุดารัตน์เป็น
ผู้อาวุโสทางการเมืองที่ตนแอบชื่นชม แต่พักหลังเปลี่ยนไปมากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ออกมาโจมตีรายวันชนิดพล.อ.ประยุทธ์แค่หายใจก็ผิดแล้ว ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยใช้อำนาจและผลประโยชน์แลกกับความอยู่รอดของรัฐบาล เพราะรัฐบาลอยู่รอดได้อยู่แล้วเนื่องจากเรายึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก แต่พรรคที่ใช้อำนาจและผลประโยชน์แลกกับความอยู่รอดของรัฐบาลนั้น น่าจะเป็นพรรคการเมืองที่คุณหญิงรู้จักดีใช่หรือไม่ เพราะขนาดดูดยกพรรคก็ยังเคยทำมาแล้ว ทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ จึงอยากจะเตือนความจำคุณหญิงสุดารัตน์ว่า
วันนี้พล.อ.ประยุทธ์มาตามกลไกประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง อย่าผูกขาดความเป็นประชาธิปไตยไว้แค่พรรคตัวเองพรรคเดียว
โพลล์ชี้6เดือนประยุทธ์ไปได้สวย
วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผย ผลสำรวจความเห็นของประชาชน เรื่อง “6 เดือน นายกฯประยุทธ์ ภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม 2562 จากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,278 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 8.92 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ดีมาก เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของนายกฯ พูดจริงทำจริง ชัดเจน ซื่อสัตย์สุจริต กล้าตัดสินใจ ร้อยละ 30.13 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ค่อนข้างดี เพราะดูแลจัดการบ้านเมืองได้ดี แก้ปัญหาความไม่สงบได้ ช่วยเหลือประชาชน ร้อยละ 25.98 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่ค่อยดี เพราะการทำงานยังมีจุดบกพร่อง ยังไม่เห็นผลงาน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ไม่ดีเท่าที่ควร ร้อยละ 33.72 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่ดีเลย เพราะการบริหารงานประเทศยังไม่มีประสิทธิภาพ ไม่คืบหน้า แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้
ส่วนลักษณะการทำงานในรอบ 6 เดือน ของนายกรัฐมนตรี ในด้านอุดมการณ์ในการทำงานของนายกรัฐมนตรี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 47.73 ระบุว่า มีอุดมการณ์ และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติและประชาชน ขณะที่ ร้อยละ 47.34 ระบุว่า ไม่มีอุดมการณ์ คิดแต่จะทำงานเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและพรรคพวก ด้านความกล้าตัดสินใจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.12 ระบุว่า มีความกล้าตัดสินใจในประเด็นทางการเมืองและการบริหารที่สำคัญ ขณะที่ ร้อยละ 46.32 ระบุว่า ไม่มีความกล้าตัดสินใจในประเด็นทางการเมืองและการบริหารที่สำคัญ
ด้านบุคลิกภาพผู้นำ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.36 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหาร ขณะที่ ร้อยละ 29.26 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำกึ่งแบบทหาร/แบบประชาธิปไตย ร้อยละ 6.73 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบประชาธิปไตยด้านประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.19 ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะที่ ร้อยละ 34.35 ระบุว่า มีประสิทธิภาพ ด้านความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการทำงาน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 51.49 ระบุว่า การทำงานไม่มีความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ ขณะที่ ร้อยละ 35.45 ระบุว่า การทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ไม่คอยประทับใจผลงาน‘บิ๊กป้อม’
สำหรับความประทับใจในการทำงานของคณะรัฐมนตรี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 26.21 ระบุว่า ประทับใจในการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ23.40 ระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อันดับ 3 ร้อยละ 18.00 ระบุว่านายวิษณุ เครืองาม ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อันดับ 4 ร้อยละ 17.37 ระบุว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และอันดับ 5 ร้อยละ 16.59 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ขณะที่ ความไม่ประทับใจในการทำงานของคณะรัฐมนตรี พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 57.20 ระบุว่า ไม่ประทับใจในการทำงานของ พล.อ. ประวิตรวงษ์สุวรรณ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 42.33 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อันดับ 3 ร้อยละ 38.65 ระบุว่า นายวิษณุ เครืองาม ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อันดับ 4 ร้อยละ 38.34 ระบุว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และอันดับ 5 ร้อยละ 34.98 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
อยากเห็นนักการเมืองเลิกขายเสียง
สวนดุสิตโพล โดยมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้จัดสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,263 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 3-7 ธันวาคม 2562 หัวข้อเรื่อง “การทำหน้าที่ของนักการเมือง ณ วันนี้ ในสายตาประชาชน” โดยแบ่งหัวข้อการสำรวจคือ 1.การทำหน้าที่ของนักการเมือง ณ วันนี้ แบบไหน ที่ประชาชนชื่นชม 58.90% ตอบว่า การทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต 44.34% ใช้ความรู้ความสามารถแก้ปัญหามีผลงาน 34.74% เสียสละ ทุ่มเท เป็นกลาง ตรงไปตรงมา 33.33% เป็นผู้แทนที่ดีของประชาชน เป็นปากเป็นเสียง และ 14.99% เข้าถึง
ใกล้ชิดประชาชน ดูแลสม่ำเสมอ
2.การทำหน้าที่ของนักการเมือง ณ วันนี้ แบบไหน ที่ประชาชนอยากให้ปรับปรุง 40.04% คือเรื่องการขายเสียง ทำเพื่อผลประโยชน์ เงินทอง 38.63% ไม่ทำงาน ดีแต่พูด 32.48% สร้างกระแสให้ตัวเอง 29.50% ทำงานช้า ไม่มีประสิทธิภาพ และ 24.32% ไม่เป็นประชาธิปไตย
3.สิ่งที่ประชาชนอยากฝากบอก “นักการเมือง” ณ วันนี้ 42.92% คือการเป็นการนักการเมืองที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดี 39.32% ทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ 37.28% มีจิตสำนึก มีคุณธรรมจริยธรรม 18.30% ปฏิบัติตามระบอบประชาธิปไตย และ 15.81% เลิกเล่นเกมการเมือง พัฒนาการเมืองไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี