อย่าดูเบา “ความชอบธรรม”! “เกษียร”เตือนรัฐบาลปัจจุบัน ยก “ทักษิณ” เสียงท่วมท้น แต่ฝืนกระแสสังคมก็ไปไม่รอด
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2562 ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขียนบทความ “Hope vs. Fear” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวถึงความสำคัญของ “ความชอบธรรม” ว่า หากขาดส่วนนี้ไปแล้ว ต่อให้มีกำลังอำนาจก็ใช่ว่าจะดำรงอยู่ต่อไปได้ โดยยกกรณีรัฐบาลที่มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น แต่เมื่อทำอะไรฝืนกระแสสังคมมากๆ เข้าสุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันนั้นดูจะเปราะบางยิ่งกว่ารัฐบาลทักษิณเสียอีก ดังนี้
“จะว่า บังเอิญก็ใช่ แต่จะว่า ถูกกำหนดอย่างท่วมท้น (overdetermined) ก็ได้เช่นกัน คือเมื่อวาน มีเพื่อนอาจารย์และอดีตลูกศิษย์คนหนึ่งที่พบกันโดยบังเอิญถามผมไปในทำนองเดียวกันว่า ช่วงที่ผ่านมา รู้สึกหมดหวังกับการเปลี่ยนแปลง เพราะดูมันยากมาก..... และสถานการณ์บ้านเมืองเป็นไงบ้าง พอมีหวังจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม? ก็เป็นคำถามโคตะระยากที่คนสอนรัฐศาสตร์มักเจอเป็นประจำ และจากประสบการณ์ของตัวเอง ยิ่งตอบบ่อยเข้า ก็ยิ่งรู้สึกว่า ตอบยากขึ้นทุกที แวบแรกที่ผมนึกตอบไปทันควันคือ..มันมืดครับ”
“แต่พอคุยกันไป คิดกันไป ผมก็ค่อยๆ นึกเกลาแก้คำตอบบางอย่างที่ต่างไปได้ 2 ข้อ ดังนี้ครับ 1) ในทางเป็นจริง ระเบียบอำนาจปัจจุบันอ่อนแอมากทั้งทางสติปัญญา และความชอบธรรม นี่คงเป็นข้อความจริงที่สังเกตเห็นกันทั่วไปอยู่ แต่ผมเกรงว่า คนทั่วไปอาจไม่หยั่งซึ้งถึงความสำคัญของมัน คืองี้นะครับ อำนาจมีสิทธิ์ไม่รู้/โง่กว่าปกติ ยิ่งอำนาจมากก็ยิ่งมีสิทธิ์ไม่รู้/โง่มากขึ้น เพราะบริษัทบริวารทั้งหลายของอำนาจ ลังเลหวาดหวั่นที่จะรายงานความจริงที่ไม่ตรงกับความอยากเชื่อของอำนาจให้อำนาจฟัง”
“อำนาจจึงมักได้ยินได้ฟังแต่ความจริงฉบับ edited ส่วนที่ไม่ตรงหรือขัดแย้งกับความเชื่อของตนทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้อำนาจตัดสินใจบนฐานความไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงโดยภาพรวม แต่อิงเฉพาะความจริงเฉพาะส่วนที่ตนอยากเชื่ออยากฟ้งมากขึ้นทุกที โอกาสที่อำนาจจะพลาด ใช้อำนาจสวนทวนกับความจริงก็ย่อมมีมาก นอกจากนี้ ก็ไม่ควรดูเบาสิ่งนามธรรมทางการเมืองการปกครองอย่างความชอบธรรม มันอาจไม่ใช่ตำแหน่ง อาวุธยุทโธปกรณ์ กำลังคนหรือเงินตรา ฯลฯ”
“แต่ความชอบธรรมเป็นฐานรองรับหล่อเลี้ยงทรัพยากรทางอำนาจอื่นทั้งหมดนั้น ถ้าไม่มีความชอบธรรม ทรัพยากรดังกล่าวเหล่านั้น ก็ขาดพร่องได้ง่าย หรือลดทอนประสิทธิภาพลง ต่อให้มีอาวุธ ก็อาจปล่อยไม่ออกได้ ในทางกลับกัน ถ้ามีความชอบธรรมเป็นพื้นฐานมั่นคงชัดเจน ทรัพยากรอำนาจอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ถ่ายเทหลั่งไหลมาหาได้เช่นกัน”
“ผมจำได้ว่าสมัยรัฐบาลทักษิณกุมเสียงข้างมากเด็ดขาดจากการเลือกตั้งในสภาฯท่ามกลางการดำเนินนโยบายที่ขัดฝืนกระแสสังคมอย่างมากโดยมั่นใจในอำนาจและไม่แยแสเสียงคัดค้านนั้น อาจารย์เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ได้เคยเตือนรัฐบาลทักษิณว่า ตามหลักรัฐศาสตร์ อย่าดูเบาปัญหาความชอบธรรม แต่รัฐบาลทักษิณไม่ฟัง...จนมีอันเป็นไปในที่สุด ผมเกรงว่า สติปัญญาและความชอบธรรมของระเบียบอำนาจปัจจุบันของเรานั้นอ่อนเปราะยิ่งกว่าสมัยรัฐบาลทักษิณด้วยซ้ำไป”
“2) ผมอยากลองสันนิษฐานว่า การที่ผู้คนถามถึงความหวังกันมากขึ้นนั้น ไม่เพียงสะท้อนความไม่พึงพอใจในสภาพปัจจุบันดังที่เป็นอยู่ (status quo) เท่านั้น แต่ยังบ่งชี้ว่า พวกเขากลัวน้อยลงด้วย การคิดพึ่งพาอาศัยแต่กำลังบังคับ นิติอำนาจ และความกลัวมากสยบสังคมให้หยุดนิ่งยอมตาม มันอยู่ได้ตราบที่คนหมดหวัง หากคนดิ้นรนค้นหาความหวัง มุ่งหวัง ไขว่คว้าความหวังกันมากขึ้นเท่าไหร่ ความกลัวก็จะอ่อนด้อยความหมายและพลังในการหยุดความเคลื่อนไหวของสังคมลงไปเท่านั้น..ถ้าสังคมเลิกกลัว แล้ว อำนาจจะเหลืออะไร?”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี