“เชาว์” ชี้ สังคมไทย อยู่กลาง “เขาควาย” ห่วง “หมอวรงค์- สุเทพ” ปลุก ปชช. ต้านลัทธิชังชาติ ขณะที่ “ธนาธร-ปิยบุตร” ยกปัญหาตัวเป็นปัญหาชาติ แนะ สังคมรั้งสติ ถอดบทเรียน “กปปส. นปช.” บ้านเมืองเสียหาย ประชาชน ติดคุก บาดเจ็บล้มตาย หวั่น เกิดรัฐประหารอีกรอบ
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง “อย่านำคนไปตาย อย่าลากประเทศไทยสู่วังวนรัฐประหาร” มีเนื้อหาระบุว่า ผมอ่านข่าวนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม จะร่วมกับคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เปิดเวทีทั่วประเทศเพื่อต่อต้าน สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า ลัทธิชังชาติ แล้วไม่สบายใจอย่างยิ่ง เพราะเห็นถึงสัญญาณอันตรายของการปลุกเร้ามวลชน ให้แบ่งขั้วแยกข้างชิงชัง ซึ่งกันและกันจนกลายเป็นว่าจะอยู่ร่วมบนแผ่นดินเดียวกันไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับความพยายามที่ต้องการให้ประเทศไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข
เราไม่จำเป็นต้องรักกัน ไม่จำเป็นต้องเข้าใจกันในทุกเรื่อง แต่ต้องเคารพความเห็น ซึ่งกันและกัน บนความหลากหลายทางความคิด และใช้วิจารณญาณตัดสิน เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ด้วยหลักเหตุผล บนความถูกต้องไม่ใช่ความถูกใจ นี่คือสิ่งที่ทุกคนในสังคมไทยต้องช่วยกันรั้งสติตัวเองเพื่อนำพาชาติเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งที่มีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล หัวหน้าและเลขาพรรคอนาคตใหม่ ก็กำลังปลุกเร้าสังคมให้เกิดความเข้าใจผิดคิดว่า มีกระบวนการใช้กฎหมายเล่นงานพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่า จะเป็นการต้องสิ้นสภาพความเป็น ส.ส หรือกรณีล่าสุดที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ล้วนเป็นผลจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้น เพราะเรื่องการถือครองหุ้นสื่อ ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัยที่มีเหตุผลรองรับอย่างชัดเจนว่าบริษัทวี-ลัคมีเดียไม่เคยไปยกเลิกจดแจ้งการพิมพ์แสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะประกอบกิจการสื่อมวลชนได้ทุกเมื่อ อีกทั้งการโอนหุ้นก็มีพิรุธหลายอย่างว่า ไม่ได้โอนกันจริง เช่นเดียวกับกรณีนายธนาธรปล่อยเงินกู้ให้กับพรรคตัวเอง 191.2 ล้านบาท
ทั้งๆที่กฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 62 ไม่ได้เปิดช่องให้พรรคการเมืองมีรายได้อื่นๆ เหมือนกฎหมายพรรคการเมืองในอดีต การกู้เงินจึงทำไม่ได้ เข้าข่ายเป็นเงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 72 จนนำไปสู่มติกกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ การที่นายปิยบุตร ซึ่งเป็นถึงอาจารย์กฎหมายมหาชน อ้างว่าเมื่อกฎหมายไม่ห้ามถือว่าทำได้ เป็นการตีความ ที่ผิดหลักการ แบบไม่น่าให้อภัย เพราะกฎหมายมหาชนมีความแตกต่างกับกฎหมายเอกชน กฎหมายเอกชนถ้าไม่เขียนห้ามถือว่าทำได้ แต่กฎหมายมหาชนเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจ ถ้าไม่เขียนไว้ถือว่าทำไม่ได้ ซึ่งเชื่อว่านายปิยบุตรก็รู้ดี แต่จงใจ บิดเบือนหลักการกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง กลายเป็นเหมือนกิ้งกือตกท่อมีความรู้กฎหมายท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอด
ปัญหาหรือต้นตอที่ทำให้เกิดการตรวจสอบทั้งสองกรณีล้วนมาจากปากของนายธนาธรทั้งสิ้นเรื่องแรกเกิดจากนายธนาธรคุยโม้เรื่องจะทำบลายด์ทรัสต์ จนมีสื่อมวลชนไปขุดคุ้ยเรื่องการถือหุ้นสื่อออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะส่วนเรื่องเงินกู้ 191 ล้านบาทก็ออกจากปากนายธนาธรที่ไปพูดกับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จริงไม่ต่างอะไรกับปลาหมอที่ตายเพราะปาก แต่ในขณะนี้นายธนาธรกับพวก กำลังเอาปัญหาส่วนตัว มาเปลี่ยนเป็นปัญหาของระบบเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประเทศตามที่คนเหล่านี้ตั้งธงเอาไว้
“ขณะนี้ประเทศไทยจึงอยู่ ระหว่างเขาควายที่กำลังจะขวิดกัน ฝ่ายหนึ่งเกาะเกี่ยวอยู่กับขั้วอำนาจไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการล้มอำนาจเดิมเพื่อสถาปนาอำนาจใหม่โดยมีตัวเองเป็นผู้ถืออำนาจ หากปล่อยให้ความขัดแย้ง 2 ฝ่ายลุกลามบานปลายไปเรื่อยๆความเสียหายจะเกิดขึ้นเหมือนอดีต และจะเป็นเงื่อนไขในการทำรัฐประหารอีกรอบ”
จึงอยากให้ทุกคนตั้งสติให้ดี ชาติบ้านเมืองเป็นของทุกคน อย่าสร้างวาทกรรมซังชาติขึ้นมาแบ่งแยกคนชาติ อย่าปลุกเร้ามวลชนให้เข้าใจผิดในข้อเท็จจริงว่ามีการใช้กฎหมายเล่นงานตนเองและพวก อดีตเราเคยเจ็บปวดกับเรื่องเหล่านี้มามากต่อมาก ไม่ว่าจะเป็นกรณีกปปส.หรือกรณีนปช.คนเสื้อแดง ล้วนแต่ทิ้งซากปรักหักพังไว้ให้ชาติบ้านเมือง ส่วนพี่ของประชาชนที่ออกไปต่อสู้ต้องบาดเจ็บล้มตายติดคุกติดราง เพราะใคร...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี