จับมือ7ฝ่ายค้านลงสัตยาบัน
‘ธนาธร’รุกหนัก
ขู่แก้รัฐธรรมนูญด้วยเลือด
ปลุกระดมเขย่าอำนาจรัฐ
พปชร.จวกอย่าเห็นแก่ตัว
เตือนสติจุดจบไม่สวย
โพลล์หวั่นม็อบทำศก.ทรุด
“ธนาธร” จับมือ 7 พรรคฝ่ายค้านลงสัตยาบัน ประกาศชัดพร้อมแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเลือด ก่อนโชว์พลังจัดชุมนุมเขย่าอำนาจรัฐ ด้านกลุ่มเพื่อนเก่าเตือนม็อบสีส้มจุดจบไม่สวย พปชร.หวดซ้ำอย่าเห็นแก่ตัวซูเปอร์โพลชี้ประชาชนร้อยละ 82.7ผวาม็อบวุ่นวายบานปลาย ทำเศรษฐกิจทรุดหนักกว่าเดิม
เมื่อบ่ายวันที่ 14 ธันวาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมชุมนุมในรูปแบบแฟลชม็อบที่สกายวอร์ค สี่แยกปทุมวัน เย็นวันเดียวกันว่าเป็นเพียงการชุมนุมแฟลชม็อบ ที่ใช้เวลาเพียง1ชั่วโมงเท่านั้นและเห็นว่าเป็นสถานที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถเดินได้สะดวก ขอยืนยันว่าไม่ได้อาศัยการจัดคอนเสิร์ตในพื้นที่ใกล้เคียงมาเป็นกระแสซึ่งเหตุผลการนัดชุมนุมครั้งนี้ เกิดจากปัญหากลุ่มคนที่ยึดอำนาจ เมื่อปี2557ไม่ยอมให้ระบบรัฐสภา เดินหน้าทำงานได้อย่างปกติจึงเป็นต้นตอของปัญหาความขัดแย้ง
ธนาธรปัดปลุกระดม เรื่องส่วนตัว
“ขอยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเพราะได้เชิญชวนประชาชนที่ไม่ยอมทนต่อระบอบสืบทอดอำนาจมาแสดงตนร่วมกันและไม่ใช่เรื่องของอนาคตใหม่ แต่เป็นเรื่องของอนาคตสังคม ส่วนจะทำให้เกิดความขัดแย้งแบบที่เกิดขึ้นในฮ่องกงหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรง เป็นเพียงการแสดงตน แสดงความไม่พอใจต่อระบอบการสืบทอดอำนาจ และนี่เป็นการต่อสู้ ครั้งที่ 1 เท่านั้น”นายธนาธร กล่าว
ส่วนที่มีการมองว่าการชุมนุม จะเป็นฉนวนความขัดแย้ง นายธนาธร กล่าวว่าต้องขอถามกลับว่า วันนี้ความขัดแย้งนั้น จบไปแล้วหรือ เพราะที่ผ่านมา ความขัดแย้งยังไม่จบ และจะยังไม่จบจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะได้มาจัดสรรว่าฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ศาล และองค์กรอิสระ ควรจะมีอำนาจมากเท่าไร 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ความสงบ แต่เป็นการกดขี่
ดักคอจัดกลุ่มป่วนสร้างขัดแย้ง
นายธนาธรยังระบุว่า ขณะนี้อาจมีกลุ่มคนที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อต้องการให้เกิดการเผชิญหน้า เพราะการเกลียดกลัวและการเผชิญหน้ากันเป็นเงื่อนไขของการดำรงอยู่ของระบอบเผด็จการ ถ้าประชาชนไม่เกลียดกลัว ไม่ขัดแย้งกันเอง จะไม่มีเหตุผลให้ระบบสืบทอดอำนาจดำรงอยู่
“ความเกลียดชังที่มีอยู่ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ถูกสร้างอย่างจงใจ โดยระบอบ คสช. และใช้เป็นข้ออ้างในการสืบทอดอำนาจ ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่ออกมาแสดงตนวันนี้ช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้เกิดความรุนแรง อย่าไปหลงเชื่อ คำพูดที่ว่าการชุมนุมคือความวุ่นวาย หรือความรุนแรง เพราะการชุมนุมไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐาน เป็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน”นายธนาธร ย้ำ
พร้อมสู้ทุกรูปแบบถ้ายุบอนค.
ส่วนการเตรียมความพร้อมสู้คดียุบพรรคอนาคตใหม่ นั้น นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเพราะปากกาและอำนาจการวินิจฉัยอยู่ที่ผู้มีอำนาจและไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ ก็พร้อมที่จะต่อสู้ทุกรูปแบบ จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ส่วนกระแสข่าวที่เตรียมพรรคสำรองและให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะพรรคยังไม่ถูกยุบ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังเป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังแสดงความคิดเห็นถึงเวทีต่อต้านคนชังชาติของ นพ.วร งค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่จัดขึ้นในวันนี้ (14 ธ.ค.) โดยมองว่าเป็นการสร้างความเกลียดชังเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของระบอบรัฐประหาร เป็นการพยายามนำอดีตมาฉุดรั้งอนาคต พร้อมย้ำว่า ไม่สามารถนำอดีตมาฉุดรั้งอนาคตได้
7พรรคลงสัตยาบันหนุนแก้รธน.
บ่ายวันเดียวกัน ที่ห้องLT1คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ร่วมงานเสวนา”พรรคการเมืองร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ”มีหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรค ประกอบด้วย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ดร.มนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติและนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนชาวไทย ในนามฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ร่วมลงสัตยาบัน ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อผลักดันสังคมไทยนำไปสู่สังคมที่เป็นประชาธิปไตย
โดยระบุว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านขอให้สัตยาบันร่วมกันว่า เราจะร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมกันแก้ไขเละร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน โดยยึดมั่นในหลักการระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมเห็นพ้องและตกลงกันว่าจะร่วมกับทุกภาคส่วนในสังคมอาทิภาควิชาการ นักเรียน นิสิต นักศึกษาประชาชนตลอดจนกลุ่มและองค์กรต่างๆในการดำเนินการดังกล่าวตามครรลองระบอบประชาธิปไตยพื่งให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่สะท้อนเจตนารมณ์และตอบสนองปัญหาและความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
ธนาธรขู่’แก้ด้วยเลือด’หรือ’ยินยอม’
โดยนายธนาธรกล่าวขอบคุณฝ่ายค้านทุกพรรคและประชาชนทุกคนที่สนับสนุนให้กำลังใจพวกเราซึ่งเป็นพลังให้ตนและพรรคอนาคตใหม่ก้าวเดินต่อไปเพื่อตอบสนองแรงสบับสนุนเหล่านั้น ตนยืนยันที่จะต่อสู้ และจะไม่ทรยศต่อประชาธิปไตยที่อำนาจเป็นของประชาชน สิ่งที่เราต่อสู้ ไม่ใช่รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการต่อสู้กับระบอบซึ่งระบอบนี้คือระบอบที่ต้องการแช่แข็งไม่ให้ประเทศไทยไปข้างหน้า พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างและทุกวิถีทาง โดยไม่สนต้นทุนของสังคมที่ต้องจ่ายเป็นอย่างไรและต้นทุนเหล่านั้นที่ต้องจ่าย ผู้ที่จ่ายคือประชาชน ระบอบนี้ ยังทำให้ประชาชนแตกแยก ระแวง และเกลียดชังกันเองอีกด้วย ความเกลียดชัง ไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่ความเกลียดชังนี้ จงใจสร้างขึ้น เพื่อเป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ หน้าที่ของเขาต้องการปลุกระดม ทำให้ประชาชนเกลียดชังกัน นอกจากการแช่แข็งประเทศไทยแล้ว ยังทำให้ระบอบรัฐสภาพังไปอีกด้วย และพยายามทำให้ประชาชนเกลียดนักการเมือง
“เราต้องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง การปฏิรูปคือ การจัดสรรอำนาจ แต่การปฏิรูป หรือ การรัฐประหารทุกครั้งที่ผ่านมา สิ่งที่เขาทำเป็นการดึงอำนาจเข้าหาตัวเอง ทำให้ประเทศไทยไม่เดินไปข้างหน้า ถึงเวลาแล้ววันนี้ที่เราต้องหาข้อตกลงร่วมกัน ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดทางเดียว ที่เหลืออยู่ในสังคมไทยสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียง2ทางคือแก้ด้วยเลือด หรือ แก้ด้วยการยินยอมพ้องใจกันของทุกฝ่าย นี่เป็นเวลาของการแสดงจุดยืน ไม่ใช่เวลามาเกรงใจ หรือเขินอาย เราต้องหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคสช. เราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญจากการมีส่วนร่วมของประชาชน และเพื่อประชาชน ผมเชื่อว่าของขวัญที่ดีที่สุดของประชาชนคนไทยในช่วงวันปีใหม่ที่จะถึงนี้คือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี”นายธนาธร ย้ำ
รับไม่ได้ขออนุญาต-แค่รณรงค์
ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ภายใต้ชื่อ“เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง”ที่บริเวณสกายวอล์ค สี่แยกปทุมวันในเวลา 17.00น.โดยยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ขออนุญาต หรือ ประสานไปยัง สน.ปทุมวัน เพราะเป็นการจัดกิจกรรมทางเมืองตามปกติ ไม่ใช่การนัดชุมนุมซึ่งการจัดกิจกรรมคล้ายกับการณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารที่เคยทำมา โดยกิจกรรมครั้งนี้ ต้องการให้ประชาชนออกมาส่งเสียงของตนเอง ด้วยการเขียนข้อความลงบนกระดาษโพสอิท เป็นการสะท้อนความคิด ความรู้สึก บนพื้นฐานประชาธิปไตยที่สามารถทำได้ พร้อมย้ำว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ต้องการรับฟังเสียงของประชาชนว่าเห็นอย่างไรกับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ อาจจะมีคนเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยก็ได้
เพื่อน’ทอน’เตือนสติจุดจบไม่สวย
ด้านนายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และอดีตเพื่อน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยเคลื่อนไหวสมัยอยู่ สนนท.ด้วยกัน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol หัวข้อที่น่าสนใจว่า การชุมนุม ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ง่าย สิ่งสำคัญของการชุมนุมหลัก ๆคือ1.เป้าหมายชัดเจน 2.ข้อเรียกร้องในการจัดการชุมนุม การวางจังหวะก้าว 3.วิธีการชุมนุม 4.การจัดการชุมนุม 5.มวลชนที่พร้อม
“การชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่ ผมว่าข้อ1ข้อ2หายไป คุณกำลังจะพาความคับแค้นส่วนตัวมาให้พลังคนรุ่นใหม่(คิดว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายมวลชน)เสียความชอบธรรม พลังคนรุ่นใหม่เป็นพลังที่สดใสเสมอ แต่กำลังจะถูกความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองอ่อนหัดนำมาเป็นเครื่องมือเป็นเกราะป้องกันความผิดของตัวเอง แน่นอนว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นการเช็คกระแสมวลชนเบื้องต้นแต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญของการชุมนุมคือ”ความชอบธรรมของการชุมนุม”อย่าเอาความสดใสของมวลชน มาแปะเปื้อนเพราะความ”ไร้เดียงสา”จากทีมทนายพวกคุณเลยไม่มีการชุมนุมไหนเริ่มต้นจากการ”เอาผลประโยชน์ส่วนตน”เป็นข้ออ้างจากการชุมนุมเลยครับแม้แต่ในสภา”การออกพรบ.นิรโทษเพื่อคนคนเดียว”ยังไปไม่รอดและจุดจบไม่ค่อยดี”
พปชร.ร้องตร.ให้อนค.ย้ายชุมนุม
เวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รักษาการ ผกก.สน.ปทุมวัน เพื่อให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมชุมนุมบนทางเดินสกายวอล์ค แยกปทุมวัน ในเวลา 17.00-18.00 น.ของวันนี้ โดยมี พ.ต.ต.สมพร อุทัยวรรณ์ สว.(สอบสวน)สน.ปทุมวัน เป็นผู้รับเรื่อง
โดยนายสนธิญา กล่าวว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้ มี 2 ประเด็น แต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ชุมนุม เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่สามารถกระทำได้ เพียงแต่อันดับแรก ต้องการให้ย้ายสถานที่ชุมนุมจากสกายวอร์ค ไปยังโรงยิมเนเซียม สนามกีฬาแห่งชาติ ที่ห่างกันเพียง 100 เมตร เนื่องจากการชุมนุมบนสกายวอร์ค อาจรบกวนผู้สัญจรไปมา หากเริ่มต้นการชุมนุมด้วยการลิดรอนสิทธิ์ผู้อื่นก็คงไม่เหมาะสม
ถ้ามาจริงจะแจ้งความทำผิดกม.
โดยเฉพาะตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ม.7 ระบุห้ามไม่ให้ชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานในรัศมี 150 เมตร ประกอบ ม.8 ห้ามไม่ให้ชุมนุมกีดขวางทางเข้าออก ทั้งยังกำหนดโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ไว้ชัดเจน ซึ่งทางกลุ่มของนายธนาธร มีทีมกฎหมายที่ดี น่าจะทราบขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว ให้นึกถึงสิ่งที่ตามมาว่าจะเป็นเช่นไร หากทางกลุ่มยังคงรวมตัวกันบนสกายวอร์ค ก็จะมาแจ้งความเอาผิดตามข้อกฎหมายดังกล่าวในภายหลังต่อไป
ด้าน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุเนื้อหาว่า“เตือนธร”ผู้เชิญชวน หรือ นัดให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้ง หน.สถานีตำรวจแห่งท้องที่ มีความผิดตาม ม.28 มีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และม.27 จัดใกล้วัง จำคุก ไม่เกิน6ด.นะ
ธนกรซัดเห็นแก่ตัวสร้างปมขัดแย้ง
ก่อนหน้านี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ไม่เห็นด้วยที่นายธนาธร จัดชุมนุม เพราะจะนำไปสู่ความขัดแย้งอีก หากการชุมนุมบานปลาย ใครจะรับผิดชอบ การกระทำของนายธนาธรเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุด คำนึงถึงประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก บ้านเมืองสงบมานาน ประชาชนกำลังมีความสุข ยิ่งใกล้จะปีใหม่ ทำไมต้องมาเคลื่อนไหวอีก ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่นำปัญหาต่างๆเข้าสู่การแก้ปัญหาในสภาฯ มาตลอด
“แต่วันนี้นายธนาธร กลับออกมาปลุกระดม ทำไม ไม่หาทางแก้ต่างคดียุบพรรคที่ศาลรัฐธรรมนูญ การปลุกระดมมวลชน จะนำไปสู่ปัญหาเหมือนในอดีต ที่จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย อยากจะถามนายธนาธรว่า ประชาชนไม่ได้รับความเสมอภาคตรงไหน ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมตรงไหน ประเทศเป็นของคนไทยทุกคนไม่ใช่ของนายธนาธรหากจะทำให้ประเทศชาติเสียหายประชาชน คงไม่ยอม”โฆษก พปชร.ย้ำ
ส่วนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคอนาคตใหม่นั้น ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ไม่อยากเห็นพรรคอนาคตใหม่ ใช้มวลชนกดดันจนถูกมองว่ากดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
เชื่อลึกๆปชช.ไม่เอาด้วยปลุกม็อบ
นายธนกรยังเชื่อว่าลึกๆในใจประชาชนคงไม่ต้องการเห็นประเทศเสียหายจากการชุมนุมประท้วงเหมือนอดีตที่ผ่านมา ล่าสุดเราได้เห็นความเสียหายอย่างย่อยยับที่ฮ่องกงมาแล้ว ซึ่งดูยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่แล้วไม่สบายใจอย่างมาก ทุกอย่างเหมือนวางแผนมาอย่างเป็นระบบภายใต้ความเชื่อของคนแค่2-3 คน บ้านเมืองมีขื่อมีแป เราต้องเคารพกฎหมาย และการจัดชุมนุมดังกล่าวได้รับการอนุญาตถูกต้องหรือไม่ วันนี้มีพ.ร.บ.ชุมนุมฯ โทษค่อนข้างแรง ไม่อยากเห็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อ เพราะสุดท้ายแกนนำม็อบมักจะไม่รับผิดชอบอะไรเลย ที่สำคัญ ในบริเวณดังกล่าวยังมีการจัดคอนเสิร์ต เสมือนจงใจจัดชุมนุมใกล้ๆเพื่อโมเมว่าคนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากหรือไม่
เทพไทค้าน’ทอน’ปลุกนอกสภา
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไลฟ์สดผ่านเฟชบุ๊กจากสภากาแฟร้านป้าดุลย์ เขตเทศบาลตำบลนาสาร อ.พระพรหม คัดค้านการจัดชุมนุมของนายธนาธร เพราะอาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่ และเชื่อว่าประชาชนคงไม่อยากให้ม็อบเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นม็อบเสื้อเหลือง ม็อบเสื้อแดง ม็อบหลากสี หรือม็อบนกหวีด
โพลปชช.82.7%ผวาม็อบทำศก.ทรุด
วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL)นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง กลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ(Qualitative Research) ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice) ด้วยระบบ Net Super Poll จำนวน 11,703 ตัวอย่าง ที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของนักการเมือง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” (Traditional Voice) จำนวน 1,195 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่12-14ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา
พบว่าประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุไม่เคยได้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของนักการเมืองอาทิการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร การไม่ถวายสัตย์ฯ การวิ่งไล่ลุงและอื่นๆเป็นต้น ในขณะที่ ร้อยละ14.1ระบุเคยได้รับประโยชน์ ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 70.5 ระบุความเคลื่อนไหวต่างๆเช่นการนัดวิ่ง การชวนนัดคนให้ชุมนุมประท้วง และการโน้มน้าวต่าง ๆ ทำไปเพื่อความอยู่รอดผลประโยชน์ล้วนๆของนักการเมือง ในขณะที่ร้อยละ 29.5 ระบุทำเพื่อประโยชน์แท้จริงของประเทศชาติและประชาชน
ที่น่าเป็นห่วง คือส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.7ระบุ ตอนนี้ กลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย เศรษฐกิจตกต่ำลงไปอีก ต้องการบ้านเมืองสงบสุขประเทศชาติมั่นคง ในขณะที่ร้อยละ 17.3 ไม่กลัว
โซเซียล เมินม็อบฯหวั่นบานปลาย
ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพลกล่าวว่าผลการสำรวจ“เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” (Social Media Voice)ผ่านระบบ Net Super Poll พบว่า กลุ่มเคลื่อนไหวของนักการเมืองกำลังเข้าถึงคนในโลกโซเชียลทั้งหมด 8,549,358 คนหรือ แปดล้านกว่าคน แต่มีคนที่สนใจพูดถึง กลุ่มเคลื่อนไหวของนักการเมืองนี้ในโลกโซเชียลจำนวน 101,711 คนหรือหนึ่งแสนคนเศษ โดยคนในโลกโซเชียลร้อยละ53.8ไม่ได้ตอบรับ Like การเคลื่อนไหวดังกล่าว แต่ ร้อยละ 46.2 ให้เสียงตอบรับ Like
ผลสำรวจที่ค้นพบครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่กลัวที่ความวุ่นวายบานปลาย ซึ่งคนบางกลุ่มในโลกโซเชียลไม่กลัวเพราะมีกินมีใช้อยู่ในช่วงความวุ่นวายของบ้านเมืองได้อย่างสบาย แต่คนยากจนข้นแค้น ไม่มีจะกิน ถ้าวุ่นวายวันหนึ่งกระทบต่อการทำมาหากินของพวกเขาใครจะรับผิดชอบเยียวยารายได้น่าสงสารพวกเขาขนาดไหน ดังนั้น เสียงของคนในโลกโซเชียลที่มาจากคนไทยและต่างชาติจึงมีจำนวนมากที่กลับ Like การเคลื่อนไหวของนักการเมืองเหล่านั้นที่จะนัดชุมนุมกัน จึงเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายน่าจะช่วยกันคิดถึงผลกระทบที่จะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติและซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่
“คนนอกโลกโซเชียลส่วนใหญ่ ไม่ต้องการความวุ่นวาย ต้องการความสงบ ความรักความสามัคคีของคนในชาติ ส่วนเรื่อง ความเดือดร้อนของประชาชนปัญหาปากท้องนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกรัฐบาล บ่นกันทุกรัฐบาลไปตรวจสอบย้อนหลังความรู้สึกของประชาชนช่วงรัฐบาลต่างๆในอดีตดูได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี