ไร้เหตุผลออกมาชุมนุม
บิ๊กตู่ซัดอนค.
คดียุบพรรคไปว่าในศาล
ไม่พอใจรัฐบาลให้สู้ที่สภาฯ
สว.จี้ส่งหมายเรียก‘ธนาธร’
พปชร.อัดสร้างบรรยากาศไม่ดี
ทำพลาดแล้วข่มขู่องค์กรอิสระ
โฆษกรัฐบาลเผย“บิ๊กตู่”ห่วงความปลอดภัยแฟลชม็อบ แนะ“ธนาธร”ยุบพรรค ต้องสู้กันในชั้นศาลหากไม่พอใจรบ.ก็ว่ากันในรัฐสภา ช่อ-พรรณิการ์โฆษกพรรคอนาคตใหม่ อ้างชุมนุมสงบที่สกายวอล์กสี่แยกปทุมวัน กลับตามเวลา ย้ำไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่ประชาชนทนรัฐบาลไม่ได้ ขอรอดูกิจกรรมของพรรคต่อไป ในขณะที่ตำรวจเร่งรวบรวมข้อมูลชี้ชัดเบื้องต้น ผิดพ.ร.บ.การชุมนุม ในที่สาธารณะ ด้าน สว.สมชาย แสวงการ จี้พนักงานสอบสวน ออกหมายเรียก“ช่อ-ธนาธร”รับทราบข้อหา ในขณะที่พปชร.ตามยำทำพลาดเอง แล้วยังข่มขู่องค์กรอิสระ
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)กล่าวถึงการจัดชุมนุมที่สกายวอค สี่แยกปทุมวันของ อนค. เมื่อ วันที่ 14 ธันวาคมว่า ประชาชนที่มารวมตัวกันนั้น ไม่ได้มาเพื่อสร้างความวุ่นวาย ตามที่มีบางคนแสดงความกังวลแต่อย่างใด คนที่ออกมาชุมนุมล้วนทำกิจกรรมอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย จะเห็นได้ว่าแม้ตอนเลิกชุมนุมแล้ว ขยะของผู้ที่มาร่วมชุมนุมก็แทบจะไม่มีให้เห็น ในส่วนของระยะเวลาการชุมนุมนั้น แกนนำของพรรคทุกคนกลับตรงเวลา แต่ในส่วนของประชาชนนั้นอาจจะเกินเวลาไปบ้าง ซึ่งในส่วนนี้เราไม่สามารถควบคุมได้ แต่สุดท้ายก็แยกย้ายกลับก่อน 19.00น. ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า เราออกมารวมตัวกันด้วยความสงบ โดยไม่สร้างความเดือดร้อน ขณะที่จำนวนคนที่ออกมา นั้นมากกว่าที่คิดไว้แต่แรก
เมื่อถามว่า คิดว่าจุดยืนของคนที่ออกมาออกมาเพื่อปกป้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้า อนค.พรรคอนาคตใหม่หรือไม่ นางสาวพรรณิการ์กล่าวยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องการปกป้องหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้มาถึงจุดที่ไกลกว่านั้นไปแล้ว
ไม่พอใจการทำหน้าที่ของรัฐบาล
“คนส่วนใหญ่ที่มาก็คงไม่ได้ยินว่า บรรดาแกนนำพรรคปราศรัยว่าอะไร เพราะเราใช้เพียงโทรโข่งเท่านั้น แต่สิ่งที่พวกเขาต้องการแสดงออกคือ เราจะไม่ทนอีกแล้ว ขณะที่การชุมนุมดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย แต่เป็นสิทธิที่ประชาชนพึงมี ตามรัฐธรรมนูญที่ คสช.ร่างขึ้นมา บางคนเตรียมป้ายมาเองจากบ้าน แสดงตัวว่ามาจากกลุ่มไหน บ่งบอกถึงความหลากหลาย แต่ทุกคนมีจุดร่วมเดียวกันคือ ต้องการแสดงออก ว่าไม่พอใจเรื่องความ อยุติธรรม และ การทำหน้าที่ของรัฐบาล”โฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุ
เมื่อถามว่า การที่นายธนาธร บอกว่า เดือนหน้าเจอกัน หมายถึงไปร่วมงานวิ่งไล่ลุงใช่หรือไม่ นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายธนาธรเองประกาศไปแล้ว ว่าจะไปร่วมงานวิ่งไล่ลุง เช่นเดียวกับแกนนำพรรคคนอื่นๆ แต่ในส่วนของกิจกรรมของพรรคต่อไปนั้นขอให้รอดูต่อไป
ตำรวจรวบรวมหลักฐานเอาผิดม็อบ
พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) กล่าวถึงกรณีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ เชิญชวนประชาชนลุกขึ้นต่อสู้ทวงคืนความยุติธรรม เพื่อส่งเสียงให้ผู้มีอำนาจได้ยิน หลังถูก กกต.เสนอยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่บริเวณสกายวอล์ค แยกปทุมวันว่า ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้รวบรวมพยานหลักฐานว่าการกระทำของแกนนำม็อบผิดกำหมายหรือไม่อย่างไร อย่างไรก็ตามการชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ผิดกฏหมายแน่นอน คือ พ.ร.บ.ชุมนุม เพราะไม่มีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ จะทำอะระไรต้องทำตามกฎหมายบ้านเมือง
‘สมชาย’จี้ออกหมายเรียก’ธนาธร’
ประเด็นดังกล่าว นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กา “การชุมนุมที่สกายวอล์ค จะเรียกชื่อหรูลอกเลียนฝรั่ง ฮ่องกงว่าแฟลชม็อบ หรือถูกฝ่ายตรงข้ามดูแคลนว่าแฟลตม็อบ หรือโฟโต้ม็อบ หรือเฟซบุ๊กม็อบ หรือเซลฟี่ม็อบ และมีคนมาร่วมจริงประมาณ 500-800 คนก็ตาม เป็นการชุมนุมทางการเมืองที่เข้าข่ายต้องมีผู้จัดการการชุมนุม ต้องมีการขออนุญาตชุมนุม และมีข้อห้ามชุมนุมในระยะที่ต้องห่างจากเขตพระราชวังไม่น้อยกว่า 150เมตร
ซึ่งทั้ง 3ข้อนั้น มีหลักฐานยืนยันว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และน.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ โฆษณาชักจูง หรือให้สัมภาษณ์ หรือกระทำโดยวิธีใดนัดหมายคนมาร่วมชุมนุม โดยเท่ากับเป็นผู้จัดการการชุมนุม และไม่พบว่ามีการขออนุญาตและได้รับอนุญาตการชุมนุมการเมืองดังกล่าว อีกทั้งจุดที่จัดการชุมนุมบนสกายวอล์ค บริเวณใกล้สยามนั้น มีความสุ่มเสี่ยงที่จะอยู่ในรัศมี 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน ที่ห้ามการชุมนุมในบริเวณ 150 เมตรจากพระราชวัง จึงเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการชุมนุมในที่สาธารณะ 2558 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่ดำเนินการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
‘พปชร.’เดินเคาะประตูบ้านถามปชช.
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงการลงพื้นที่พบปะประชาชนและรับเรื่องร้องเรียนที่ตลาดจอมทอง และชุมชนใกล้เคียงในเขตจอมทอง กทม. พบว่า ชาวบ้านในตลาดส่วนใหญ่ต้องการให้แก้ไขปัญหาปากท้อง เช่น หาแหล่งขายสินค้าเพิ่มขึ้น และหาแนวทางดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นมาเที่ยวตลาดจอมทองบ้าง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในพื้นที่ รองลงมาคือต้องการพื้นที่ขายสินค้าเพิ่มขึ้นหรือขอให้ยกเว้นการห้ามขายสินค้าริมทางเท้าและสุดท้ายคือปัญหาขยะในบริเวณตลาด แต่ที่น่าสนใจก็คือ ชาวบ้านเข้าใจดีว่ารัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี และยังฝากให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย
ส่วนในชุมชนนั้น ปัญหาที่พบมากที่สุดคือ ปัญหาความสะอาดของชุมชน การจัดการขยะ ต้องการให้เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เสนอรให้มีร้านธงฟ้าที่ขายสินค้าราคามาตรฐานเพิ่มขึ้น ต้องการไฟฟ้าสองสว่างในทางเข้าชุมชน ให้ช่วยซ่อมแซมถนนและท่อระบายน้ำบางจุดที่ชำรุด และมาตรการความปลอดภัยในชุมชน ซึ่งปัญหาต่างๆนี้ตรจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขต่อไป
‘รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายเร่งด่วน โดยขอความร่วมมือ ส.ส. และ อดีตผู้สมัครของพรรค ‘เดินลงถนน ลงในชุมชน’ ถามปัญหาประชาชน และให้ช่วยประสานเร่งแก้ไขโดยด่วน เราใส่ใจทุกปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆของชาวบ้าน เพื่อรายงานถึงผู้บริหารพรรคและรวมเป็นนโยบายเพื่อหาทางออกให้ประชาชนเสมอ ถึงจะช้าไปบ้างแต่เราก็ทำเพื่อประชาชนโดยนำปัญหาจากประชาชนสู่นโยบาย’น.ส.ทิพานัน กล่าว
แนะ’ธนาธร’ไปถามประชาชน
รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่ายังมีหลายปัญหาของประชาชนที่ต้องการให้แก้ไข และเขาหวังพึ่งพานักการเมืองที่พวกเขาลงคะแนนเลือกตั้งไปเป็นผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ในสภาฯ เพื่อจะได้กลับมาแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา แต่สิ่งที่เราเห็นกันอยู่ในตอนนี้ คือนักการเมืองกำลังเอาปัญหาของตนเอง ไปเป็นปัญของประชาชน และกำลังใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาของตนเอง กรณีที่พรรคอนาคตใหม่ จัดชุมนุมแสดงพลังที่สกายวอล์ก หน้าหอศิลป์ ปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา สะท้อนได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยกล่าวปราศรัยหาเสียงเอาไว้ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้จะไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล แต่ก็สามารถช่วยเหลือประชาชนผ่านกลไกสภาฯได้ แทนที่จะชวนส.ส.มาลงถนน เดินสอบถามปัญหาของชาวบ้านแล้วนำไปตั้งกระทู้ถามในสภาฯ เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างนโยบายได้ แต่กลับชวนประชาชนมาลงถนน ซึ่งทำให้เกิดภาพและบรรยากาศที่น่าวิตกกังวลและความไม่เชื่อมั่นต่อสายตาของชาวต่างชาติว่าอาจจะเกิดความไม่สงบขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุน และเป็นผลร้ายต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สุดท้ายก็กระทบกับปากท้องประชาชน นอกจากนายธนาธรไม่ได้ทำตามสัญญาที่หาเสียงแล้ว ยังอาจมีเป็นเหตุในการขัดขวางหรือทำลายเศรษฐกิจอีกด้วย
“ตอนนี้ประชาชนต้องการให้แก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลักจริงๆ นักการเมือง และพรรคการเมืองที่ดีควรมุ่งแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน และส่วนรวมก่อน ควรร่วมเดินหน้าพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่ระดมมวลชลมาแก้ไขปัญหาของพรรคการเมืองของตนเอง ที่พลาดพลั้งเอง ผิดกฎหมายเอง หรือจงใจที่จะเลี่ยงบาลีในกฎหมาย เมื่อถูกจับได้ก็กล่าวโทษคนอื่น และยกพวกมาข่มขู่ องค์กรอิสระคล้ายแก๊งอันธพาลเช่นนี้” น.ส.ทิพานัน กล่าว
พปชร.ประชุมใหญ่พรรค21ธันวาคม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม.ในวที่ 21ธ.ค.โดยหนังสือขอเชิญประชุมดังกล่าว นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลงนามเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ผู้แทนสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกที่ได้รับเชิญ เข้าร่วมการประชุม นอกจากวาระแลกเปลี่ยนเพื่อหาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อกรรมการบริหารพรรคแล้ว วาระสำคัญที่ต้องจับตา คือ การเสนอปรับโครงสร้างพรรค โดยเฉพาะในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากชุดเดิมเป็นชุดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการจดจัดตั้งพรรคและเตรียมการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24มี.ค.62 เพื่อให้การบริหารงานหลังจากนี้เดินหน้าการเมืองเต็มตัว เป็นไปคามสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน และเตรียมพร้อมการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยจะมีตัวแทนส.ส.แต่ละภาคเข้าไปมีสัดส่วนในกรรมการบริหารพรรค และเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับพรรคที่กำหนดให้มีได้ถึง 45คน
แต่งตั้งกก.บห.ชุดใหม่เพิ่ม10คน
ขณะที่รายชื่อกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ชุดปัจจุบัน มีทั้งหมด 24 คน ได้แก่ 1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค 2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค 3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค 4.นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค ขณะที่กรรมการบริหารพรรค 5.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ 6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 7.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 8.นายอิทธิพล คุณปลื้ม 9.นายชวน ชูจันทร์ 10.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 11.นายณพพงศ์ ธีระวร 12.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 13.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 14.นางวลัยพร รัตนเศรษฐ 15.นายวิเชฐ ตันติวานิช 16.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 17.นายสันติ กีระนันทน์ 18.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 19.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ 20.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 21.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 22.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 23.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ และ24.นายอนุชา นาคาศัย
สำหรับคนใหม่ที่จะเข้ามา อาทิ 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 3.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 4. นายสันติ พร้อมพัฒน์ 5.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 6.นายสุชาติ ชมกลิ่น 7.นายมณเฑียร สงฆ์ประชา 8.พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ 9.นายวันชัย ปริญญาศิริ 10.นายนิพันธ์ ศิริธร ทั้งนี้ การเพิ่มรัฐมนตรีและส.ส.เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคนั้น เพื่อให้ครอบคลุมการทำงานตามสัดส่วนภาคให้มากยิ่งขึ้นตามแนวทางของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค
จับตา’อนุชา’นั่งเลขาฯพรรคคนใหม่
ขณะที่ตำแหน่งสำคัญ อย่างตำแหน่งเลขาธิการพรรค ต้องถูกจับตาเช่นเดียว โดยมีกระแสข่าวอาจมีการพิจารณาปรับเปลี่ยน เพื่อได้คนมาทำหน้าที่ประสานส.ส.ในพรรคได้อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ทั้งนี้ มีชื่อนายอนุชา นาคาศัย ส.ส. ชัยนาท ในฐานะรองประธานยุทธศาสตร์พรรค เป็นแคนดิเดต ซึ่งถูกมองว่ามีความเหมาะสมในการทำหน้าที่ประสานกลุ่มต่างๆ ทั้งในพรรคและในสภา ขณะที่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังเป็นนายอุตตม
ปชป.แนะใช้เวทีรัฐสภาสู้เต็มที่
ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เฟซบุ๊กไลฟ์วถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.) จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ที่สกายวอล์ค ปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่ารู้สึกโล่งใจและสบายใจที่เห็นการชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสลายตัวในเวลาที่กำหนดไว้ แม้การจัดการชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่สามารถชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธได้ก็ตาม แต่ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ตนเองเห็นว่า พรรคอนาคตใหม่ยังมีแนวทางการต่อสู้ที่ดีกว่านี้ ไม่อยากให้ด่วนตัดสินใจนำประชาชนออกมาสู่ท้องถนน อยากให้ไปต่อสู้ในแนวทางรัฐสภาให้ถึงที่สุดเสียก่อน การนัดชุมนุมทางการเมืองบนท้องถนนน่าจะเป็นมาตรการสุดท้ายในการเคลื่อนไหวของนักการเมือง ส่วนพรรคการเมืองต้องเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภาเท่านั้น
บอกการเมืองยังไม่ถึงทางตัน
นายเทพไท กล่าวว่า ในตอนนี้พรรคอนค. ยังมีเวทีที่จะต่อสู้ในเวทีรัฐสภาได้อย่างเต็มที่ ปัญหาของพรรคอนค.ในขณะนี้มีอยู่ 2ประเด็น คือ 1.ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ตัดเงื่อนไขการสืบทอดอำนาจของ คสช. 2.มีปัญหาเกี่ยวกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งกฎหมายทั้ง2ฉบับนี้ พรรคอนาคตใหม่สามารถใช้เสียง ส.ส.ของพรรค ร่วมเสนอแก้ไข กฎหมายทั้ง2ฉบับนี้ได้ ส่วนตัวพร้อมสนับสนุนแนวทางการต่อสู้ในระบอบรัฐสภาของทุกพรรคการเมือง และในขณะพรรคอนค.ได้เสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ส่วนการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้นตนก็พร้อมที่จะลงชื่อสนับสนุนด้วย ถ้าพรรคอนค.ต้องการจะแก้ไข เพราะพ.ร.ป.พรรคการเมืองฉบับนี้ มีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขอยู่หลายประเด็น เช่น การทำไพรมารี่โหวต การเก็บค่าสมาชิกพรรค การจัดตั้งสาขาพรรค เป็นประเด็นปัญหาที่ทุกพรรคการเมืองกำลังประสบอยู่ แต่ถ้าหากพรรคอนาคตใหม่ต้องการแก้ไข หมวดการเงินรายรับรายจ่ายของพรรคการเมืองให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก็คงจะไม่มีพรรคการเมืองไหนคัดค้าน
“ขณะนี้เห็นว่าการเมืองยังไม่ถึงทางตัน นักการเมือง พรรคการเมือง ยังมีเวทีการต่อสู้ในระบบรัฐสภาได้ ถ้าทุกคนเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภาจริง บ้านเมืองก็สามารถเดินต่อไปได้ ขอให้การเปลี่ยนแปลงใดๆทางการเมือง เป็นการเปลี่ยนแปลงในวิถีทางประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา อย่าให้อำนาจนอกระบบมาเกี่ยวข้อง ประชาธิปไตยของประเทศไทยก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง”นายเทพไท กล่าว
อดีตเพื่อนเตือน‘ธนาธร’ระวังตัว
นายพิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และเคยร่วมเคลื่อนไหวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สมัยเป็นนักศึกษาในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ค Pichit Chaimongkol ถึงการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ บริเวณลานสกายวอล์ค แยกปทุมวันเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมของนายธนาธรว่า จากขุนจะเป็นหมาก กรณีชุมนุมราชประสงค์ปีนั้น จากช่วยทักษิณ พยายามยกระดับเป็นเพื่อประชาธิปไตย ท้ายสุดก็ก้าวข้ามไม่ได้
ทั้งวิเคราะห์ว่า หากพรรคอนาคตใหม่จัดชุมนุมในระยะยาว เกมส์นี้พรรคเพื่อไทย ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะนี่คือการขับเขี้ยวของพรรคการเมือง ไม่มีมิตรแท้ในหมู่นักการเมือง ผลักเพื่อนเป็นหมากลงถนน ตนนั่งบนภูเก็บผลพลอยได้ ธนาธร คุณกำลังเดินตามเกมส์เขาแล้วละ เกมส์ของเพื่อน(พรรคร่วม)และเกมส์ของฝั่งตรงข้าม “จากขุนกลายเป็นหมาก”
ชาวบ้านเบื่อการเมืองแนะยุบสภา
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ปัญหาสภาล่ม” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 9 และ 11 - 12 ธันวาคม 2562 จำนวน 1,260 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ล่มบ่อยครั้ง พบประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.13 ระบุว่า สภาล่มบ่อยจะทำให้ประชาชนเบื่อและเกิดความเสื่อมศรัทธา รองลงมา ร้อยละ 33.02 ระบุว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เล่นเกมการเมืองมากเกินไป ร้อยละ 23.49 ระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นทุกสมัย ร้อยละ 19.92 ระบุว่า ส.ส. ไม่ค่อยเข้าประชุม ทำงานไม่คุ้มกับเงินเดือน ร้อยละ 7.86 ระบุว่า ประธานวิปพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ ร้อยละ 5.95 ระบุว่า ปัญหาเกิดจากฝ่ายรัฐบาลมีเสียงในสภามากกว่าฝ่ายค้านเพียงนิดเดียว ร้อยละ 4.76 ระบุว่า เป็นความผิดของ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลที่โดดประชุมสภา และร้อยละ 3.10 ระบุว่า เป็นความผิดของ ส.ส. ฝ่ายค้านที่สนใจแต่จะเล่นการเมือง
เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวทางการแก้ไขปัญหาสภาล่ม พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.08 ระบุให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ รองลงมา ร้อยละ 23.25 ระบุว่า ใครไม่อยากประชุมสภาก็ให้ลาออกไป ร้อยละ 20.08 ระบุว่า ควรมีการประกาศชื่อ ส.ส. ที่ไม่เข้าประชุมสภา ร้อยละ 14.76 ระบุว่า ปัญหานี้ไม่ต้องแก้ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นทุกสมัยอยู่แล้ว ร้อยละ 9.13 ระบุว่า นายกรัฐมนตรีควรรับผิดชอบหากสภาล่มเกิดจาก ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลไม่เข้าประชุมสภา ร้อยละ 5.71 ระบุว่า ควรเปลี่ยนประธานวิปพรรคร่วมรัฐบาล ร้อยละ 4.05 ระบุว่า ผู้นำฝ่ายค้านควรรับผิดชอบหากสภาล่มเกิดจาก ส.ส. ฝ่ายค้านไม่เข้าประชุมสภา ร้อยละ 2.38 ระบุว่า ปัญหานี้ แก้ไม่ได้ เพราะ เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยาก ขณะที่บางส่วนระบุว่า ส.ส. ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถ เห็นแก่ตัว เอาประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก ร้อยละ 1.90 ระบุว่า ฝ่ายรัฐบาลต้องหาทางเพิ่ม ส.ส. งูเห่า (ส.ส. ฝ่ายค้านที่หันไปสนับสนุนรัฐบาล) ร้อยละ 0.48 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ ควรมีกฎ ระเบียบ ที่ชัดเจนและเด็ดขาดสำหรับบุคคล (ส.ส.) ที่ไม่เข้าร่วมประชุม และร้อยละ 0.08 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี