ไม่วิตกกังวลเรืองปีชง
‘บิ๊กตู่’ขอทำดีสู้
บุญกุศลอาจช่วยได้บ้าง
ดักคอฝ่ายค้านยื่นซักฟอก
ทั้งที่บริหารงานแค่5เดือน
ก.ท่องเที่ยวรายงาน‘ครม.’
ขอไฟเขียวจัดบอลโลก2577
“บิ๊กตู่”นำครม.ทำบุญตักบาตรเอาฤกษ์เอาชัยรับปีหนูทองยันไม่กังวลปีชง ลั่นต้องทำความดีสู้ ถ้าเราทำด้วยหัวใจ คิดดี ทำดี ความดี มีสติ ก็จะชนะทุกอย่าง ดักคอฝ่ายค้านยื่นซักฟอก ทั้งที่เพิ่งทำงาน 5 เดือน อย่าเหมายุคเดิม มั่นใจทำงานไร้ปัญหา อย่าเอาแค้นส่วนตัวแล้วมาซักฟอก ส่วนปมประธานสภาฯเสนอแก้รธน.ไม่ให้ผบ.เหล่าทัพนั่งสว.ให้สื่อไปถาม“ชวน”ด้าน“บิ๊กป้อม”ชี้แก้รธน.
ขึ้นอยู่กับสภาปมโละผบ.เหล่าทัพพ้นสว.”วิษณุ”ชี้ต้องเสนอเข้ากมธ.ศึกษาแก้ไข รธน.ก่อนนำเข้าสภาฯ ด้าน“เสรี”ไล่ไปหาข้อยุติร่วมกันแก้ รธน.ให้ได้ก่อน เตือนอย่าแตะสว.อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง ถ้าไม่ร่วมแก้รธน.ก็จะเป็นหมัน
เมื่อวันที่ 2มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2563 โดยมีนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา คณะรัฐมนตรี ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป และทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 63รูป โดยมีสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ หน้าบริเวณสนามหญ้า ข้างตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2563 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นการทำงานวันแรกของปีเพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ ในเวลา 09.00 น. ซึ่งถือเป็นการประชุมนัดแรกของปี 2563
ทั้งนี้ ภายหลังตักบาตรเสร็จ นายกรัฐมนตรี เดินสวัสดีปีใหม่ คณะรัฐมนตรีทุกคนพร้อมกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดีจากนั้นได้ขึ้นไปสักการะพระพรหม โดยถวายผลไม้ บนตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้นเวลา 09.09น.นายกฯได้ลงมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ก่อนเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกของปี 2563 นายกฯได้อวยพรสื่อมวลชนว่า”สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุข มีเงินใช้”ผู้สื่อข่าวถามว่า ปีนี้เป็นปีชงของนายกรัฐมนตรี จะมีการแก้เคร็ดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า”ก็ทำความดี ถ้าไม่ทำความดีก็แก้อะไรไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องไปวัดไหน ถ้าทำความดีไปวัดไหนก็ได้”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้หมอดูหลายสำนักได้ออกมาทำนาย ดวงเมืองปี 2563 โดยเห็นตรงกัน ว่า ปีนี้การเมืองจะเข้าขั้นวิกฤติขัดแย้งหนัก จนคนหมดความอดทน อยู่ในเกณฑ์ปฏิวัติใหญ่ รัฐบาลหนักสุด ส่อแววยุบสภา แต่ผู้นำอาจยังเป็นคนเดิม ที่สำคัญความเชื่อทางโหราศาสตร์จีน ยังระบุว่า ปีนี้เป็นปีชงของนายกฯ เนื่องจากเกิดปีมะเมีย ซึ่งชง100%
บิ๊กตู่ไม่กังวลปีชง-ใช้ความดีสู้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงกรณีมีหมอดูหลายสำนักดูดวงเมืองโดยระบุตรงว่า ปีนี้การเมืองขัดแย้งหนักอาจถึงขั้นยุบสภา ว่า คำถามเรื่องหมอดูหมอเดานั้น หมอดูก็คือหมอดูที่เอาสถิติต่างๆ มาดู ซึ่งตนไม่ไปดูถูกและเคารพอยู่แล้ว ดังนั้นมีสิทธิแสดงความเห็นตามศาสตร์ แต่ที่สำคัญอยู่ที่จิตใจของพวกเราทุกคน ถ้าเราทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ก็ไม่น่าจะทำให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง ดังนั้นอาจพูดแรงไปหรือไม่ที่บอกว่าบอกว่าบ้านเมืองขัดแย้งหนักถึงขั้นยุบสภา จึงต้องไปดูด้วยว่าหมอดูแต่ละสำนักที่ออกมาทำนายจะถูกผิดเท่าไหร่
เมื่อถามว่า ปีนี้ตามโหราศาสตร์จีน บอกเป็นปีชง 100 % ของนายกฯ ที่เกิดปีมะเมียเป็นกังวลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมกังวลแล้วได้อะไรผมก็คือผม ผมเกิดมาแล้วเปลี่ยนวันเกิดไม่ได้อยู่แล้ว สิ่งต่างๆเหล่านี้คงไม่ใช่เรื่องดวงอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องการทำงานและการตั้งมั่นในการทำความดีบุญกุศลก็จะคุ้มครองได้บ้าง ดังนั้นทำให้ดีที่สุดก็แล้วกันผมฝากรัฐมนตรีและครม. ทุกคนด้วยซึ่งผมผ่านมาหลายครั้งแล้วปีชง ถ้าเราทำด้วยหัวใจ คิดดี ทำดี ความดี มีสติก็จะชนะทุกอย่าง เหมือนที่สมเด็จ พระสังฆราชประทานพรมาว่า วาจาอันไพเราะจะยังประโยชน์สู่ความสำเร็จ ดังนั้นผมจะใช้วาจาอันไพเราะของผมกับท่านและกับทุกคน บางทีผมพูดเร็วคิดเร็วทำเร็วและมีอารมณ์บ้างก็ให้อภัยผมบ้างแล้วกัน”
ทั้งนี้ ในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวด้วยว่า ขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบด้วย ถ้าทำนายว่าหลังปีใหม่จะตีกัน คิดอย่างไรพูดอย่างไรก็จะเป็นแบบนั้น หากไม่ชี้นำแบบนี้ทุกอย่างก็จะไม่เกิด จึงฝากทุกคนด้วย ก่อนที่นายกฯ กล่าวว่า “บ๊ายบาย ลาที ไม่ใช่ลาก่อนและเดินไปทันที”
ติงนำแค้นส่วนตัวแล้วมาซักฟอก
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหลังการประชุม ครม.ถึงกรณีการเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรี 5คนในช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ว่าขออย่าเพิ่งบอกว่ารัฐบาลมีปัญหาในการทำงาน เพราะย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้ทำงานมาได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น ขอให้จำไว้ด้วย ส่วนรัฐบาลที่แล้ว ก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่แล้ว การอภิปรายครั้งนี้เป็นรัฐมนตรีชุดนี้จึงอย่านำมาพันกันให้เสียหายทั้งหมด ทำให้สิ่งที่ทำดีๆไว้เสียหายไปด้วยและทำให้ไม่เข้าใจกันต่อไป หลายอย่างที่รัฐบาลก่อนๆทำไว้ดีรัฐบาลนี้ก็ทำต่อ ตนไม่เคยไปว่าอะไร เว้นแต่เรื่องไม่ถูกต้องไม่เป็นไปตามกฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นอย่าเอาความไม่ชอบส่วนตัวมาว่ากันเรื่องประเทศชาติ เพราะไม่มีประโยชน์กับคนไทยทั้งสิ้น ดังนั้นใครที่ถูกอภิปรายก็ให้ชี้แจงกันไป ถ้าตอบได้ก็ฟังกันบ้าง อย่าถามอย่างเดียวแล้วไม่ฟังคำตอบ ฝากประชาชาชนฟังคำตอบด้วย
โล๊ะสว.สายทหารให้ไปถาม’ชวน’
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้โละทิ้งสว.ที่มาจากผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 6คนว่าจะเสนอโละทิ้งอะไร ก็ให้ว่าไป เป็นเรื่องของประธานสภาฯจึงอยากให้ไปถามนายชวน หลีกภัยเองซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการ ที่จะต้องไปศึกษารายละเอียดว่าจะแก้ไขอะไรได้หรือไม่ ตนไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ด้วยทุกอย่างว่าตามกระบวนการ
บิ๊กป้อมชี้แก้รธน.ก็แล้วแต่สภา
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพมีตำแหน่งสว.ว่า ขึ้นอยู่กับสภาฯ ซึ่งทั้งหมดแล้วแต่สภาฯ เรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของนายชวน ทั้งนี้การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เสนอให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็น สว.เพราะต้องการให้เหล่าทัพได้ติดตามงานในสภาฯ ที่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน เพื่อนำไปชี้แจงกับกำลังพลในกองทัพ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องปฏิวัติแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ทำงานร่วมกับสว.และสส.ด้วย แต่ถ้าสภาฯเห็นชอบก็ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนทหารไม่ได้เกี่ยวข้องและคงไม่ต้องเรียกมาพูดคุย
เมินธนาธรถล่ม-ไม่หวั่นซักฟอก
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกมาระบุว่ารัฐบาลไม่ได้มีการดูแลกลุ่มชาติพันธุ์ ว่า เป็นความคิดของนายธนาธร แล้วรัฐบาลจะทำอย่างไรได้เพราะรัฐบาลยังดูแลอยู่ อีกทั้ง ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงดูแลมาโดยตลอดจนมีที่ทำกิน พืชผักผลไม้มีมากมาย อย่างไรก็ตามมุมมองของรัฐบาลมองว่า ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงงานตั้งแต่พระองค์ท่านยังเป็นหนุ่ม ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์มีที่อยู่ที่อาศัย ส่วนการลงพื้นที่ดังกล่าว เป็นการโจมตีรัฐบาลหรือไม่ จะโจมตีได้อย่างไร เพราะทำงานมาแค่ 5 เดือน ก็พูดอย่างนี้แล้วกลุ่มชาติพันธุ์ ก็คงเข้าใจแล้วมั้งเพราะอธิบายไปหมดแล้ว
พล.อ ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีไม่มีชื่ออยู่ในบุคคลที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่รู้ว่าจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ แต่หลักการหากฝ่ายค้านจะอภิปราย ก็ควรอภิปรายเฉพาะการทำงานของรัฐบาลตลอดช่วง 5 เดือนกว่าที่ผ่านมา
บิ๊กป๊อกไม่หวั่นซักฟอกเรื่องปกติ
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ฝ่ายค้านเสนอรายชื่อรัฐมนตรี 5 คน ที่ถูกเสนอชื่อ ซึ่งรวมถึงตนด้วยนั้น เรื่องนี้มองว่าเป็นเรื่องดี ซึ่งถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะมีการทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลรัฐบาล ก็ต้องใช้วิธีในสภาในการดำเนินการเพื่อที่จะสอบถาม ซึ่งถือว่าเป็นตามขั้นตอนตามระเบียบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าตน มีหน้าที่ที่จะตอบข้อซักถามของฝ่ายค้าน ให้ได้เข้าใจ ถึงประเด็นที่ฝ่ายค้านได้สอบถาม
‘บิ๊กสน’ยันพร้อมตอบซักฟอก
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังปีใหม่ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นกลไกทางเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลได้มีการติดตามและไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและปัจจัยภายนอก จากเศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายในประเทศซึ่งถือว่าเป็นภารกิจหลักของรัฐบาล โดยทางกระทรวงต่าง ๆ ก็พยายายเร่งรัดนโยบายแต่ในส่วนของกระทรวงพลังงานได้เร่งรัดนำพืชเกษตรมาทำเป็นแรงงานสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างพลังงานชุมชน
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) รัฐบาลพร้อมทำหน้าที่แกนนำรัฐบาล เพื่อตอบทุกข้อซักถามของพรรคฝ่ายค้านจึงพรรคร่วมรัฐบาลต้องช่วยกันและจะมีการหารือในการร่วมกัน พร้อมยอมรับว่าฟากฝั่งของรัฐบาลมีความหลากหลายแต่มีความแข็งแรงที่จะร่วมกันคิดร่วมกันทำ
‘วิษณุ’ชี้โละ สว.ต้องชงให้กมธ.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภา เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้โละทิ้ง สว.ที่มาจากผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง6คน ว่า ตนไม่ทราบเพราะรัฐธรรมนูญปี60ระบุไว้เช่นนั้น แต่จะเลือกแก้ไขส่วนใดก็แล้วแต่ ตนไม่มีความเห็น ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อถามว่าข้อเสนอต่างๆ ต้องเสนอในกรรมาธิการศึกษาฯ ได้ใช่หรือไม่นายวิษณุกล่าวว่าได้ เมื่อถามว่าผู้ที่จะต้องรวบรวม คือ นายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธาน กมธ.ศึกษาแก้ไขรธน. ใช่หรือไม่นายวิษณุกล่าวว่าผู้เสนอต้องเสนอมาก่อนที่กรรมาธิการจะรวบรวมเสนอเข้าที่ประชุมใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎรแล้วสภาผู้แทนฯจะว่าอย่างไรก็ยังมีขั้นตอน ที่จะต้องเดินต่อไปอีก
เมื่อถามว่า สำหรับข้อเสนอปลีกย่อยสามารถเสนอในสภาได้เลยใช่หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องเสนอต่อคณะกรรมาธิการศึกษาแก้ไข เสียก่อนหากกรรมาธิการไม่เห็นด้วยก็ตกไป แต่ถ้าเห็นด้วย ก็จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนำเข้าที่ประชุมสภา จากนั้น สภาผู้แทนราษฎรจะทำอย่างไรต่อก็แล้วแต่ เช่น 1. เสนอเป็นร่างแก้ไข 2. เสนอมายังรัฐบาล 3.อื่นๆก็ยังไม่รู้
ใช้งบทำประชาพิจารณ์2-3พันล.
เมื่อถามว่า ในชั้นนี้สามารถเสนอได้ทุกอย่างว่าใครต้องการแก้ไขมาตราใดใช่หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า เสนอได้ เพราะเขาให้ศึกษาทั้ง 270 มาตราอยู่แล้ว เมื่อถามว่า ถึงขั้นที่จะต้องทำประชาพิจารณ์ หรือไม่นายวิษณุ กล่าวว่า ยังอีกยาว เพราะจะต้องมีการยกร่างก่อนที่จะเสนอเข้าสภา รวมถึงต้องได้รับความเห็นชอบในวาระ1,2,3 ถ้าตกไป ในวาระ1,2,3 ก็ไปไม่ถึงการทำประชาพิจารณ์ ซึ่งการทำประชาพิจารณ์นั้นเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อถามว่าทำประชาพิจารณ์ก่อนได้หรือไม่นายวิษณุกล่าวว่า“จะบอกว่าทำไม่ได้ก็ไม่เชิง เพราะกฎหมาย ไม่ได้บอกให้ทำ หรือมีผลอย่างไร เนื่องจากการทำประชาพิจารณ์ ต้องใช้งบประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท เมื่อถามว่า รัฐบาลมีประเด็นใดที่จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่เคยคุยกัน
‘เสรี’ย้ำให้หาข้อยุติร่วมกันก่อน
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)กล่าวถึงกรณีข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็น ส.ว.โดยตำแหน่งว่าการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นใดควรต้องศึกษาให้เข้าใจก่อน เพราะต้องไม่ลืมว่าที่มาของส.ว. ชุดนี้เกิดจากปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศ และเป็นเรื่องที่อยู่ในบทเฉพาะกาล เพียง 5 ปีเท่านั้น ดังนั้น หากจะแก้ไขประเด็น ที่มาและอำนาจหน้าที่ของวุฒิสภา ควรต้อง พูดคุยด้วยเหตุด้วยผล หาข้อยุติ ต้องยอมรับว่าการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องอาศัยเสียงจาก ส.ว.ด้วย 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา และที่เสนอให้ตัดส.ว.โดยตำแหน่งที่มาจากฝ่ายความมั่นคง โดยให้เหตุผล ว่าไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น ยังมองไม่เห็นว่าไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน เพราะในอดีต ส.ว.ล้วนมาจากข้าราชการทั้งนั้นจึงเชื่อว่าหากเริ่มต้นแก้ไขในประเด็นอำนาจและที่มาของ ส.ว.เชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ ถ้าพูดไป จะกลายเป็นหวงอำนา จ ไม่อยากแก้ไข
อย่าแก้แตะสว.นำสู่ความขัดแย้ง
“แต่จริงๆแล้ว วุฒิสภาชุดปัจจุบันนี้เป็นชุดที่อยู่ในช่วงเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ โดยมีกำหนดระยะเวลา 5ปี ถ้าพูดตามตรงแล้วในส่วนของ ส.ว.คงไม่เห็นด้วยที่จะให้แก้ไข หากส.ส.เสนอมาเชื่อว่าจะมี ส.ว.แปรญัตติไม่เห็นด้วย และจะกลายเป็นความขัดแย้งระหว่าง2สภาจะขาดความร่วมมือ ในการจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หากเป็นเช่นนี้คงแก้ยาก หรือ อาจจะบอกว่าแก้ไม่ได้เลย เพราะไปกระทบกับส่วนอื่นๆที่มีโอกาสเกิดขึ้นอย่างไม่อาจจะคาดเดาได้ ผมเข้าใจว่าส.ว.คงไม่เอาด้วย ถ้าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาส่วนอื่นก่อน อย่าแตะหมวดของวุฒิสภา ไม่ว่าจะส่วนใดก็ตาม”อดีต ส.ส.ร.กล่าว
นายเสรี กล่าวว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ2560 ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีกลไกและวิธีการยุ่งยากซับซ้อนพอสมควร ไม่ใช่อยู่ ๆ จะเสนอแก้ไขได้เลย ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้น การที่สภาผู้แทนราษฎรจะศึกษาควรจะเริ่มดูจากสภาพปัญหาของประเทศ ประเด็นเนื้อหาสาระ การได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งฝ่ายการเมืองด้วย โดยต้องกำหนดประเด็นให้ชัด เจนไม่เช่นนั้นจะมีแต่คำถาม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถเดินหน้าไปได้
‘ไพบูลย์’ชงขอให้สื่อร่วมฟังกมธ.
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯจะมีอีกครั้งวันที่ 14 ม.ค. และ 17 ม.ค.หลังต้องรอให้การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำงบประมาณพ.ศ.2563เสร็จสิ้นในชั้นการพิจารณาวาระที่2และ3ของสภาผู้แทนราษฎรก่อน จึงได้ขอความร่วมมือให้งดการประชุมคณะกรรมาธิการเป็นการชั่วคราว
ในการประชุมในวันที่ 14 ม.ค.และ17 ม.ค.นั้น จะยังไม่มีการพิจารณาเป็นรายมาตราว่าควรจะแก้ไขในมาตราใด เพราะจะเป็นขั้นตอนการเปิดให้กรรมาธิการวิสามัญฯได้อภิปรายแสดงความคิดเห็น เพื่อสรุปเป็นสาระสำคัญเท่านั้น ส่วนตัวมีประเด็นที่จะเสนอต่อที่ประชุมในสองส่วนด้วยกัน 1.การเสนอให้สื่อมวลชนเข้ามารับฟังการประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯเพื่อที่จะได้มีการนำเสนอและสะท้อนข้อมูลของคณะกรรมาธิการวิสามัญออกไปได้ทั้งสองด้านเพื่อให้สังคมได้เห็นว่า ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยในประเด็นใดและอย่างไร จะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแสดงความคิดเห็นเพียงฝ่ายเดียว ส่วนตัวมองว่าเมื่อเวทีคณะกรรมาธิการวิสามัญฯแล้ว ก็ควรแสดงความคิดเห็นกันอย่างมีเหตุผล ไม่ควรปลุกกระแสให้เกิดความขัดแย้ง แต่ควรนำเหตุผลและข้อมูลมาอภิปรายแลกเปลี่ยนกัน
ขวางตั้งส.ส.ร.รื้อรธน.ทั้งฉบับ
นายไพบูลย์ ยังระบุว่า2.เตรียมเสนอประเด็นและเหตุผลถึงการไม่เห็นด้วยกับการให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยจะนำเสนอในภาพรวมว่าที่ไม่เห็นด้วยกับการตั้งส.ส.ร.เพราะขาดความเป็นไปได้ ขาดเหตุผล และขาดความจำเป็น และที่สำคัญจะเป็นการสร้างปัญหามากกว่าประโยชน์ที่สังคมจะได้รับจากการตั้งส.ส.ร. โดยความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรแก้ไขเป็นรายมาตรามากกว่า ซึ่งจะต้องมาจากความคิดเห็นที่ว่ามาตราดังกล่าวมีปัญหาโดยแท้และสังคมยอมรับว่าควรจะต้องมีการแก้ไข โดยเทียบเคียงกับการแก้ไขประมวลกฎหมาย เช่น ประมวลรัษฎากร หรือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งเมื่อเวลาหนึ่งที่ประมวลกฎหมายดังกล่าวมีปัญหา ฝ่ายบริหารจะเสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขเป็นรายมาตรา ไม่ได้มีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับแต่ประการใด
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากจะแก้ไขโดยอาศัยความเห็นฝ่ายเดียวย่อมจะนำมาซึ่งปัญหาได้ อีกทั้งที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ปราศจากความคิดเห็นร่วมกันจะเกิดขึ้นมาได้แม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะประสบความสำเร็จได้จะต้องมาจากความคิดเห็นร่วมกันของทุกฝ่ายที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและไม่สร้างความขัดแย้ง” นายไพบูลย์ กล่าว
หญิงหน่อยเย้ยแนวทางแก้ปากท้อง
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวใจความสรุปว่า สวัสดีปีใหม่ ปีเก่าที่เพิ่งผ่านพ้นไปถือเป็นปีที่พวกเราคนไทยมีทั้งความสมหวังและความผิดหวัง เราเริ่มต้นปี2563 ด้วยความสมหวังที่ได้มีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเสียที แต่แล้วก็ต้องงงงวยกับความผิดปกติของการจัดการเลือกตั้ง ทั้งบัตรเขย่ง บัตรออกลูกในหีบ บัตรเกินคนมาใช้สิทธิ ที่หาคำอธิบายไม่ได้ จนต้องยุติการนับคะแนนทั้งประเทศ ด้วยข้ออ้างว่าไม่มีเครื่องคิดเลข ประชาชนคนไทยได้เห็นฤทธิ์เดชของรัฐธรรมนูญฉบับคสช.โดย คสช.เพื่อ คสช.ผ่านสูตรคำนวณมหัศจรรย์ สส.ของขวัญแจกพรรคจิ๋ว สว.ทหารเกณฑ์ ที่ยกมือเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ กันอย่างพร้อมเพียง ไม่ขาดสักเสียง
แต่ประชาชนก็ยังคงยากลำบากเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา หลายคนบอกว่ายากลำบากยิ่งกว่าเก่า เป็นปีที่เกษตรลำบากจริงๆ ทำให้กำลังซื้อภายในประเทศหดหาย ส่งออกทรุด เจอสงครามการค้า แถมค่าเงินบาทแข็ง ท่องเที่ยวชลอตัว กระทบธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และธุรกิจที่ใหญ่ไม่มาก หลายแห่งต้องทยอยปิดกิจการ เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจฝืดเคืองมากจริงๆปีใหม่นี้คนไทย คงอยากเห็นนายกฯในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อนเป็นเรื่องแรก เมื่อ2วัน รัฐบาลประกาศแนวทางแก้ไขปัญหาปากท้อง ให้กับประชาชน 5 กลุ่ม ฟังแล้วยังไม่เห็นอะไรที่เป็นความหวัง ช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องได้ นอกจากโครงการประชารัฐนิยม ที่จะให้คนมาขึ้นทะเบียนบัตรประชารัฐหรือที่ชาวบ้านเรียกบัตรคนจนเพิ่มขึ้นอีก ขอเตือนว่า การแจกเงินเพื่อหวังแต่คะแนนเสียงโดยไม่หาวิธีเพิ่มรายได้ที่ยั่งยืนให้กับประชาชน จะไม่มีทางทำให้เศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชนดีขึ้นได้
มือในสภาไม่ใหญ่กว่าศรัทธาปชช.
“ขอคำตอบชัดๆว่าจะแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างไร 1.จะแก้ราคาสินค้าเกษตรอย่างไร เมื่อไหร่ที่เกษตรกรจะขายสินค้าเกษตรได้ราคาเป็นธรรม ไม่ขาดทุนอย่างทุกวันนี้ 2.จะดูแลแก้ไขปัญหาค่าเงินบาทอย่างไร เมื่อไหร่ ซึ่งขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งที่สุดในภูมิภาค แตะ 29 บาทแล้ว ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งการส่งออกและท่องเที่ยวในปีใหม่นี้อย่างมาก 3.จะเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศอย่างไร 4.จะช่วยภาคการส่งออกอย่างไรให้อยู่ได้ ไม่ต้องปิดกิจการ ที่ทำให้คนตกงานเพิ่มขึ้นทุกวัน และ5.จะช่วยธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางอย่างไร ให้พอมีกำลังและสามารถเดินต่อไปได้ ทั้งนี้ อำนาจที่ได้มาต้องมิใช่เพื่อความยิ่งใหญ่และเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง แต่อำนาจที่ได้มา ต้องเอามาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนต่างหาก มือในสภาฯ ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าศรัทธาประชาชน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี