โพลชี้ปชช.หนุนแก้รธน.โละผบ.เหล่าทัพพ้นส.ว. มองไม่เหมาะรับเงินซ้ำซ้อนหลายทาง
5 มกราคม 2563 นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลการศึกษา เรื่อง “แก้รัฐธรรมนูญ กับ ผบ. เหล่าทัพ” กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)จำนวน 1,162 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 2 - 4 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงข้อเสนอของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการแก้รัฐธรรมนูญ ผู้บัญชาการเหล่าทัพไม่ต้องเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.4 เห็นด้วย เพราะไม่เหมาะสมที่รับเงินซ้อนหลายทาง ตำแหน่ง ผบ. เหล่าทัพสำคัญสุดทำตรงนั้นให้ดีที่สุดต่อชาติบ้านเมือง ควรแยกออกให้ชัดเจน อำนาจฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ควรทำทุกอย่างชัดเป็นอิสระจากกัน และหน้าที่ ส.ว. ไม่ใช่หน้าที่ของเหล่าทัพ เป็นต้น
ในขณะที่ ร้อยละ 24.6 ไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวาย และไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เร่งแก้เศรษฐกิจก่อนแก้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อถามถึง กลุ่มคนที่พูดแล้วทำให้รู้สึกว่า เศรษฐกิจแย่ที่สุด พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 43.7 ระบุเป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล รองลงมา คือ ร้อยละ 20.7 เป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน , ร้อยละ 12.8 เป็นนักวิชาการ , ร้อยละ 2.6 เป็นหมอดู และร้อยละ 20.2 ระบุอื่นๆ เช่น พูดกันเองปากต่อปาก นักธุรกิจ นักศึกษา คนทุกกลุ่ม เป็นต้น
ที่น่าเป็นห่วง คือ เมื่อถามถึงความรู้สึก ถ้าพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ พบว่า กลุ่มคนรู้สึกเฉย ๆ ลดฮวบลงจากร้อยละ 77.4 ในเดือนตุลาคม 2562 มาอยู่ที่ร้อยละ 42.8 ในช่วงต้นเดือนมกราคมนี้ แต่กระจายไปอยู่ในกลุ่มคนรู้สึกไม่ดี มีผลเสีย ร้อยละ 30.7 และกลุ่มคนรู้สึกดี มีผลดี ร้อยละ 26.5 นอกจากนี้ยังพบด้วยว่ากลุ่มคนที่มีความหวังจะก้าวต่อไปข้างหน้า ลดลงจากร้อยละ 68.5 ในเดือนตุลาคม 2562 มาอยู่ที่ร้อยละ 52.2 ในต้นเดือนมกราคม และกลุ่มคนรู้สึกกลัวที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 47.8
นายนพดล กล่าวว่า การประเมิน (Evaluation Poll) ตั้งแต่ต้นปีนี้ทำตามกรอบประเมินแบบสากลที่มีประเมินก่อนประเมินระหว่างและประเมินตอนจบของรัฐบาลจึงไม่เร็วเกินไปที่ประเมินตอนนี้และย่อมดีกว่าที่มีข้อมูลชี้ให้เห็นแต่เนิ่น ๆ ว่ารัฐบาลบริหารอารมณ์ของประชาชนยังไม่มีประสิทธิภาพเพราะถ้ามีประสิทธิภาพอารมณ์ของผู้คนคงไม่เป็นแบบทุกวันนี้โดยดูจากข้อมูลที่สำรวจพบจะเห็นว่าอารมณ์คนเปลี่ยนไปในทางที่แก้ยากมากขึ้นในหลายเรื่อง เช่น คนจะไม่รู้สึกเฉยๆอีกแล้วถ้ายุบพรรคอนาคตใหม่ แต่จะรู้สึกไม่ดี มีผลเสียเพิ่มขึ้น คนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มขึ้นทำให้โจทย์และความท้าทายซับซ้อนอ่อนไหวมากขึ้น และต้นตอที่ทำให้คนมองว่าเศรษฐกิจแย่ คือ คนที่ออกมาพูดของฝ่ายรัฐบาลเองที่พูดแล้วยิ่งทำให้คนรู้สึกแย่
“ผลที่ตามมาคือคนรู้สึกหวังที่จะก้าวต่อไปลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องเร่งปฏิรูปตัวเองด้านการบริหารอารมณ์ของสาธารณชน หรือทำอะไรก็รีบทำที่ทำให้ผู้คนรู้สึกดีเดี๋ยวสายไป” นายนพดล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี