อัยการลุยอุทธรณ์ 3 คดีดังที่ปชช.สนใจ เผยคดีกปปส.อุทธรณ์แล้วตั้งแต่ธ.ค. ส่วนคดี 24 นปช.ก่อการร้าย ขยายอุทธรณ์ถึง 10 ม.ค. ขณะที่คดี"โอ๊ค"ฟอกเงินกรุงไทย ขยายอุทธรณ์ถึง 25 ม.ค.นี้
เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2563 นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้กล่าวถึงการพิจารณาอุทธรณ์คดีสำคัญและซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน ที่มีศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเมื่อช่วงปี 2562 ที่ผ่านว่า สำหรับคดีกลุ่มการชุมนุมการเมืองในส่วนของ 4 แกนนำ กปปส.ชุดแรก ถูกฟ้องร่วมกบฎ , 24 แกนนำ นปช. ถูกฟ้องร่วมกันก่อการร้ายนั้น หลังจากที่ศาลอาญา พิพากษายกฟ้องแล้ว พนักงานอัยการสำนักงานคดีศาลสูงได้พิจารณาแล้วยื่นอุทธรณ์ คดีในส่วนของ 4 แกนนำ กปปส. ต่อศาลไปแล้ววันที่ 11 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ส่วนคดี 24 แกนนำ นปช. อยู่ระหว่างกาาขอคัดถ่ายเอกสารที่มีจำนวนมากกว่า 20 ลัง จึงได้ขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลอาญาแล้วซึ่งศาลอนุญาตขยายเวลายื่นอุทธรณ์ให้จนถึงวันที่ 10 ม.ค.63 นี้
นอกจากนี้ในส่วนคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตการปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยฯ กับกลุ่มธุรกิจเครือกฤษดามหานครที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายประยุทธ รองโฆษกอัยการ เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการขอคัดถ่ายเอกสารเช่นกัน โดยอัยการขออนุญาตศาลขยายเวลายื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิจารณาแล้วอนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์จนถึงวันที่ 25 ม.ค.63 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดี 4 แกนนำ กปปส. คือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 57 ปีเศษ หนึ่งในผู้บริหารสื่อเครือเนชั่นกรุ๊ป , นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 42 ปีเศษ อดีต ส.ส.กทม. ร่วมชุมนุม ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. , นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 68 ปีเศษ อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) , นายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 70 ปีเศษ นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด เป็นจำเลยที่ 1- 4 ที่ถูกฟ้องร่วมกบฎยุยงให้ร่วมกันหยุดงานร่วมกันปิดงาน , กระทำด้วยวาจาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินโดยใช้กำลังประทุษร้ายก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร , อั้งยี่ , ซ่องโจร , มั่วสุมโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ , ร่วมกันบุกรุก , ขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งฯ ในคดีหมายเลขดำ อ.1197/2557 นั้น ซึ่งศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ค.62 ยกฟ้องนั้น อัยการได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์ถึง 3 ครั้งซึ่งศาลก็อนุญาตขยายเวลายื่นอุทธรณ์จนถึง 25 ธ.ค.62 โดยอัยการได้ยื่นคำอุทธรณ์ภายในกำหนดเวลาเดือน ธ.ค.62 ไปแล้ว
ส่วนคดีของนายวีระกานต์ มุสิกะพงศ์ อายุ 71 ปีเศษอดีตประธาน นปช. , นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 54 ปีเศษ ประธาน นปช. กับพวกที่เป็นแกนนำ นปช.รวม 24 คนถูกฟ้องร่วมกันก่อการร้าย ,ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาฯ , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยผู้กระทำคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ , ร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุมฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 ในคดีหมายเลขดำ อ.2542/2533 ที่ศาลอาญา มีคำพิพากษายกฟ้องไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค.62 นั้น อัยการได้ยื่นขอขยายอุทธรณ์มาแล้วถึง 4 ครั้งโดยครั้งล่าสุดยื่นขอขยายเวลาอุทธรณ์เมื่อเดือน ธ.ค.62
ส่วนคดีฟ้องนายพานทองแท้หรือ โอ๊ค บุตรชายคนโตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ร่วมกันกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย จำนวน 10 ล้านบาท คดีหมายเลขดำ อท.245/2561 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 , 9 , 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง มีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 25 พ.ย.62 ซึ่งคดีนี้องค์คณะผู้พิพากษา 2 คนมีความเห็นต่างกันในการตัดสิน โดย 1 ในองค์คณะ มีความเห็นแย้งว่า พฤติการณ์ที่มีเช็คเงินลงชื่อนสยวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร โอนเข้าบัญชีนายพานทองแท้ เป็นความผิด เห็นควรให้ลงโทษจำคุก 4 ปีซึ่งมีการบันทึกไว้เป็นความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษาด้วย โดยหากคู่ความยื่นอุทธรณ์ความเห็นแย้งนี้ในสำนวนก็จะขึ้นสู่ศาลอุทธรณ์ทราบด้วย ซึ่งอัยการก็ขอศาลอนุญาตขยายเวลายื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลก็ให้ขยายเวลาจนถึง 25 ม.ค.63 ดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี