“มท.1” สั่งพร้อมรับมือวิกฤตแล้ง ประสาน “กรมชลฯ” ปล่อยน้ำสกัดทะเลแก้ประปาเค็ม วอนประชาชนหยุดสูบน้ำทำเกษตร ยันดูแลอาชีพไม่ให้เดือดร้อน
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 เวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ ผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการรับมือภัยแล้งว่า ในปีนี้จะมีน้ำน้อย ส่วนการประกาศพื้นที่ภัยแล้งตอนนี้มี 14 จังหวัด ถ้าเรามาดูในรายละเอียดส่วนของน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ที่มีความเสี่ยงจำนวน 22 จังหวัด สวนนอกพื้นที่ของ กปภ. และที่มีความเสี่ยงปัญหาเรื่องประปาท้องถิ่นและประปาหมู่บ้าน มี 43 จังหวัด โดย กปภ. ได้เตรียมการมาตั้งแต่เดือนก.ย.2562 แล้ว และมีแผนงานแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่ต่างๆ เมื่อน้ำลดลงก็จะจัดทำแผนงานเพิ่มซึ่งจะต้องนำน้ำมาจากที่อื่น
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการประปานครหลวง (กปน.) ก็มีปัญหาน้ำกร่อย ที่มีปริมาณ เกลือในน้ำมาก ซึ่งจะมีผลต่อสุขภาพของผู้ที่มีโรค ประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน ในเรื่องนี้ตนได้มอบหมายให้ กปน. ทำงานประสานงานกับ กรมชลประทาน ซึ่งได้ปล่อยน้ำจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่มแม่น้ำป่าสักฯ ลงมา โดยปล่อย น้ำจากเขื่อนชัยนาท 80 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีและปล่อยน้ำจากแม่น้ำแม่กลองออกมาอีก 20 กว่าลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปริมาณน้ำขนาดนี้ จะสามารถดันน้ำเค็มไม่ให้ขึ้นมาถึงสถานีสูบน้ำประปาสำแล จังหวัดปทุมธานีได้
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในบางช่วง จะมีประชาชนไปสูบน้ำ ซึ่งหากไปสูบในช่วงที่น้ำ ทะเลหนุนขึ้นมา ปริมาณเกลือที่สถานีสูบน้ำประปา สำแล จะขึ้นไปสูงถึง 1 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่จะทำให้รู้สึกถึงความเค็ม หากปริมาณเกลืออยู่ที่ 0.5 ถึง 0.6 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ก็คิดว่าน่าจะไม่ค่อย รู้สึก ตนอยากจะสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบว่า ในสถานการณ์น้ำนั้น ทางกรมชลประทานได้ปล่อย น้ำจากเขื่อนต่างๆ เพื่อให้อยู่ได้ถึงเดือนก.ค.นี้ โดยเน้นเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก ดังนั้นเกษตรกรต้องช่วยกันอย่าสูบน้ำขึ้นมา โดยเฉพาะการนำน้ำไปทำนาที่จะต้องใช้ปริมาณน้ำมาก
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 7-10 ม.ค.นี้ ทางกรมชลประทานจะปล่อยน้ำมามากกว่าปกติ ซึ่งจะมาถึงที่กรุงเทพมหานครในช่วงที่น้ำขึ้นพอดีคือวันที่ 13 ม.ค. สรุปก็คือเราจะเน้นใช้น้ำไปที่การอุปโภคบริโภค และใช้ในการเกษตรเป็นรอง ประชาชนเองก็ต้องช่วยกันประหยัดน้ำ เพราะยังเหลืออีกหลายเดือนกว่าฝนจะตก ส่วนผลกระทบภัยแล้งที่เกิดขึ้นต่อการทำมาหากินของประชาชนทางรัฐบาลก็มีแนวทางที่จะช่วยเหลือตามกฎหมายอยู่แล้ว โดยเมื่อประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งแล้ว ก็จะสำรวจความเสียหาย โดยตนจะติดตามสถานการณ์และเรียนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทราบถึงมาตรการในการช่วยเหลือประชาชน ขณะที่การช่วยเหลือในพื้นที่ส่วนนอกนั้นเราก็เตรียมการที่จะนำน้ำจากข้างนอกหรือน้ำบาดาล ส่วนในบางพื้นที่ที่ไม่มีน้ำแน่ๆ ก็จะเตรียมการส่งน้ำให้กับพี่น้องประชาชน ตนก็ยังคาดหวังว่าเราจะผ่านแล้งนี้ไปได้แม้ว่าจะรุนแรงอยู่มากพอสมควร แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า นอกจากนี้เราได้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจแก้ไขวิกฤตน้ำ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการเอง ซึ่งในส่วนพื้นที่ที่กระทรวงมหาดไทยดูแลเองเราก็จะเป็นลูกมือของศูนย์ในการปฏิบัติการรวบรวมข้อมูล และการร้องขอการแก้ไขปัญหาและประสานหน้าที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการทำงาน โดยจะทำหน้าที่เตรียมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพราะเรามีเครื่องมือที่จะลงพื้นที่ช่วยพี่น้องประชาชนได้
“พี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาด้านอาชีพและการทำมาหากินโดยเฉพาะผู้ที่ทำการเกษตรจะมี แผนการด้านการจ้างงาน และหาคือที่ใช้น้ำน้อยและเหมาะสมกับพื้นที่คงมีการพิจารณาเรื่องนี้ต่อไปซึ่งจำเป็นต้องทำ เพราะพี่น้องประชาชนไม่สามารถ ทำการเกษตรได้เลยจึงต้องสำรวจและช่วยเหลือกัน” รมว.มหาดไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี