เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Kasian Tejapira" สรุปใจความสำคัญของบทความ “The ASEAN pincer: Caught between elite capture and populists” ซึ่งเขียนโดย คอร์สุ่ยเคง (Swee Kheng Khor) นักวิชาการด้านระบบและนโยบายสาธารณสุข มหาวิทยาลัยมลายา ประเทศมาเลเซีย กล่าวถึงการเมืองในกลุ่มประชาคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่ยังไม่หลุดพ้นระหว่างนักประชานิยมกับความพยายามยึดกุมอำนาจของชนชั้นนำ ดังนี้
“นักประชานิยมคืออะไร? : นักประชานิยม (populists) หมายถึงนักการเมืองจากการเลือกตั้งหรือชนชั้นนำทางการเมือง (elected politicians or political elites) ในระบอบประชาธิปไตยเต็มใบหรือครึ่งใบของอาเซียน เช่นทักษิณในไทย ฮุนเซ็นในกัมพูชา ดูแตร์เตในฟิลิปปินส์ โจโกวีในอินโดนีเซีย ซึ่งอาจเป็นป้ายยี่ห้อที่ถูกหรือผิดก็ตาม แต่ก็เรียกกันอย่างแพร่หลาย พวกเขาถูกมองเห็นได้ อยู่ในที่แจ้ง และถูกตรวจสอบถ่วงดุลโดยหลักนิติธรรม การแบ่งแยกอำนาจ สื่ออิสระ เป็นต้น ภายใต้การดูแลและกดดันจากสถาบันและพลังการเมืองทั้งในประเทศ ภูมิภาคและระหว่างประเทศ”
“ประชานิยม (populism) เป็นภัยคุกคามประชาธิปไตยได้ด้วยเหตุผล 3 ประการด้วยกัน ได้แก่ 1.ใช้รูปแบบการเมืองเอกลักษณ์ ซึ่งใกล้เคียงลัทธิเชื้อชาตินิยมและเป็นพิษภัยต่อสิทธิมนุษยชน 2.เหยียบย่ำสิทธิของเสียงข้างน้อย โดยอ้างอิงเสียงข้างมากเป็นส่วนใหญ่ 3.ดำเนินนโยบายซึ่งเป็นที่นิยมของประชาชนแต่ขาดความรับผิดชอบเพื่อชนะเลือกตั้ง โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบระยะยาว
“การยึดกุมอำนาจโดยชนชั้นนำคืออะไร? : ชนชั้นนำในที่นี่มุ่งถึงชนชั้นนำทางสังคม (social elites) ซึ่งไม่ต้องพร้อมรับผิด (unaccountable elites) เพราะไม่ได้เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งทางการเมืองอย่างเปิดเผย หากเล่นเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลังคอยแทรกแซง ชี้นำหรือส่งอิทธิพลต่อนโยบายรัฐบาล โดยที่สื่อมวลชนและสาธารณชนมองไม่เห็นหรือมองเห็นยาก อาทิ พ่อค้าเจ้าสัว อภิมหาเศรษฐี นักวิชาการ อำมาตย์ในโครงสร้างราชการศักดินา นักวิชาชีพเช่นนักกฎหมาย ที่ปรึกษาการจัดการ รวมไปถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในเมียนมาและไทย และผู้นำทางศาสนาในมาเลเซีย บรูไนและอินโดนีเซีย”
“การยึดกุมอำนาจโดยชนชั้นนำ (elite capture) เกิดขึ้นเมื่อชนชั้นนำทางสังคมเข้าสู่กระบวนการทางนโยบายของรัฐบาลอย่างไม่เหมาะสม ขยายบทบาทของตนได้เกินสัดส่วนพลเมืองสามัญทั่วอาศัยที่เข้าถึงรัฐบาลได้ใกล้ชิดสนิทแนบ มีโอกาสนำเสนอหรือส่งอิทธิพลต่อนโยบาย ให้เงินอุดหนุนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หรือดำเนินการในลักษณะผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest)”
“แม้ประชานิยมอาจเป็นอันตราย แต่การยึดกุมอำนาจโดยชนชั้นนำกลับเป็นภัยต่อประชาธิปไตยที่ร้ายกาจกว่า! ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ : 1.การยึดกุมอำนาจโดยชนชั้นนำแทบมองไม่เห็นอยู่เสมอ ขณะที่ประชานิยมนั้นปรากฏเปิดเผยโล่งแจ้ง 2.ขนชั้นนำทางสังคมไม่ตกอยู่ใต้เกณฑ์ต้องผ่านการเลือกตั้งอย่างสม่ำเสมอทุก 4 ปี 5 ปีดังที่พวกนักประชานิยมต้องเจอ”
“3.พวกนักประชานิยมถูกตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างกุมอำนาจอยู่ ทว่าชนชั้นนำทางสังคมกลับไม่โดน 4.ชนชั้นนำทางสังคมเสริมสร้างความไม่เสมอภาคข้ามรุ่นคน ขณะที่พวกนักประชานิยมทำไม่ได้ 5.เราไม่มีช่องทางเคลื่อนไหวประท้วงลงสู่ท้องถนนเพื่อขจัดขนชั้นนำทางสังคมด้วยกำลังอย่างที่ทำกับพวกนักประชานิยมได้”
“ในช่วงสองล้านปีที่มนุษยชาติดำรงอยู่นั้น เรามีประชาธิปไตยเพียงแค่ 70 ปีเท่านั้นเอง ขณะที่ประชานิยมอาจอันตราย แต่มันก็ปรากฏเปิดเผยโล่งแจ้งและอาจถูกปฏิเสธได้โดยผู้คนและสถาบันที่มีสัมมาสำนึก ในทางกลับกัน พวกชนชั้นนำทางสังคมอาจซ่อนแฝงอยู่ในเงามืดและคอยส่งอิทธิพลโดยมองไม่เห็นและไม่ต้องพร้อมรับผิด เมื่อเราออกแบบประชาธิปไตย 2.0 ในอาเซียนนั้น เราต้องพิจารณาถึงภัยล่องหนของการยึดกุมอำนาจโดยชนชั้นนำและสร้างเครื่องมือใหม่ๆ มาต่อสู้มันด้วย”
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ : https://www.newmandala.org/elite-capture-and-populists
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี