‘ไพศาล’ซัดไปกันใหญ่บอก‘เสียบบัตรแทน’ไม่เสียหาย จับตา‘เชิงมวย 2 ฝ่าย’สะท้อนนักการเมืองเส็งเคร็ง
23 มกราคม 2563 นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณี ส.ส.เสียบบัตรลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 แทนกัน ผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol มีเนื้อหาดังนี้
“เสียบบัตรแทนไม่เสียหาย?
ถ้าถือว่าการเสียบบัตรแทนกันไม่เสียหาย ก็อาจทำให้ การประชุมที่ไม่ครบองค์ประชุมไม่เสียหายได้ด้วย เพราะมีคนเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันแล้ว
ก็จะไปกันใหญ่!
ทำให้นึกถึงเมื่อครั้งทำบุญประเทศในสมัยรัฐบาลทักษิณ! ในครั้งนั้น ตอนแรกลุงจิ๋วเป็นประธานกรรมการจัดเตรียมงาน ประชุมผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย กำหนดให้ งานทำบุญประเทศเป็น 2 ระดับ
คือ ระดับหลวง ซึ่งรัฐบาลจะกราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นประธาน จัดทำพิธีในวัดพระแก้ว และระดับพิธีราษฎร์ ซึ่งคุณทักษิณนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จัดที่สนามหลวง
วางลำดับว่า เมื่อเสร็จงานพิธีหลวงแล้วนายกรัฐมนตรีก็จะมาที่สนามหลวง ลุงจิ๋วแกประชุมกำหนดงานไปก็รายงานไปแถลงข่าวไปโดยลำดับ
ต่อมา ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น คุณทักษิณแกปลดลุงจิ๋วกับป๋าเหนาะ
แล้วตั้งคณะกรรมชุดใหม่ คณะกรรมการใหม่ก็ยุบ 2 ระดับพิธีเหลือพิธีการเดียว คือพิธี ที่จัดในพระอุโบสถวัดพระแก้ว แต่จัดแจงกันให้คุณทักษิณ ไปนั่งเป็นประธานในพิธี
ได้ผลชะงัด!!!!!
ชาวบ้านด่ารัฐบาลกันทั้งบ้านทั้งเมือง จนเป็นปัญหาการเมืองใหญ่โต
มาถึงวันนี้ใครที่เกี่ยวข้องในครั้งนั้นคงนึกได้นะครับว่า เหตุครั้งนั้นเกิดขึ้น ก็เพราะเชื่อว่าไม่เสียหายใช่ไหมครับ
มาหาทางปรองดองกันแล้ว ช่วยกันให้กฎหมายงบประมาณผ่านให้เร็วที่สุดไม่ดีกว่าหรือครับ”
นายไพศาล ยังโพสต์แสดงความคิดเห็นเรื่องดังกล่าวต่อเนื่อง ระบุว่า “เชิงมวยเรื่องเสียบบัตรลงคะแนนร่างกฎหมายงบประมาณ ตอนนี้เรื่องเสียบ บัตรแทนจะมีการขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็น 2 เรื่อง
1.ฝ่ายรัฐบาลก็ยื่น ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ให้กฎหมายงบประมาณ ใช้บังคับได้เลยเพราะเกินเวลา105 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
2.ฝ่ายค้านก็ไหวทันว่าอาจเกิดอภินิหารทางกฎหมาย ที่ทำให้ประเด็นเรื่องการเสียบบัตรบงคะแนนแทนกันไม่เข้าสู่การพิจารณาของศาล จึงเข้าชื่อกันขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่มีผู้อื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทน สส.เจ้าของบัตร ทำให้การลงมติไม่ชอบและมีผลให้กฎหมายงบประมาณเป็นโมฆะ ตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเคยวางบรรทัดฐานไว้ก่อนแล้ว
จึงเป็นเรื่องที่น่าติดตามดูว่า เชิงมวยอภินิหารทางกฎหมาย กับเชิงมวย ที่ยึดบรรทัดฐาน คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ นั้น เชิงไหนจะแน่กว่ากัน และทำให้คนทั้งหลายได้เห็นความเส็งเคร็งและความลำพองของนักการเมืองที่ไม่ซื่อตรงและบังอาจเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันโดยไม่เห็นรัฐธรรมนูญอยู่ในสายตาเลย อย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี