‘วิษณุ’งัดม.143
ยันพรบ.งบใช้ได้ตามปกติ
หลังเกินเงื่อนเวลา105วัน
‘ชวน’ลงนามส่งศาลรธน.
วินิจฉัยเสียบบัตรแทนกัน
ค้านให้‘สแกนนิ้ว-ม่านตา’
“ชวน” ส่งศาลรธน.วินิจฉัย ปมเสียบบัตรแทนกัน ลงมติร่างพ.ร.บ.งบฯ คาดสมัยหน้าใช้ห้องสุริยัน ปัญหาน่าจะลดลง ไม่รับใช้ระบบอัตลักษณ์ ด้าน “วิษณุ” แย้ม ม.143 ทางออกช่วยพ.ร.บ.งบประมาณฯผ่าน หากผ่าน 105 วันกฎหมายเดินหน้าอัตโนมัติ ระบุออกพ.ร.ก.เงินกู้ไม่ใช่ทางออกดีที่สุด หากตกทั้งฉบับมีทางแก้ไข6-7 ช่องทาง ขณะที่ “โภคิน” ชี้ตรากฎหมายไม่ชอบ ส่อตกทั้งฉบับ ประธานป.ป.ช.ยันไม่เหมือนปมสส.เพื่อไทย
เมื่อวันที่ 24มกราคม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า บ่ายวันที่ 24มกราคมนี้ จะลงนามในหนังสือส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตามที่ สส.ฝ่ายค้านและรัฐบาลเข้าชื่อนำเสนอมา หลังจากมีการเปิดเผยว่า มีการกดบัตรแทนกัน ในการพิจารณาร่าง พรบ.ดังกล่าว ขณะนี้ยังอยู่ในเงื่อนเวลา 3วัน นับตั้งแต่วันที่วุฒิสภาพิจารณาเสร็จแล้วก็สามารถส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้
‘คาดว่าปัญหาจะน้อยลงเมื่อเปิดสมัยประชุมรัฐสภาหน้าเดือนพฤษภาคม เพราะจะสามารถใช้ห้องประชุมสุริยัน ซึ่งมีจำนวนที่นั่งครบและเครื่องลงมติเพียงพอ ส่วนข้อเสนอให้ใช้อัตลักษณ์สแกนม่านตา หรือลายนิ้วมือนั้น ต้องดูความเหมาะสม การพยายามทำทุกอย่างโดยสิ้นเปลืองงบประมาณเกินความจำเป็น จะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่ป้องกันหมด โดยไม่เชื่อถือกันเลย ก็อาจจะมีปัญหา กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องเตือนให้สส.ต้องระมัดระวังด้วย’นายชวน กล่าว
‘วิษณุ’ให้แยกการลงมติ-แสดงตน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันระหว่างลงมติร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ2563 ว่า ต้องรอ2อย่างคือ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสภาผู้แทนราษฎรและรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม บัตรประจำตัว สส.จะใช้ 2กรณี ได้แก่ แสดงตนและลงมติ ปัญหาคือ มีการแสดงตนและกดลงมติหรือไม่ อย่างการลงมติในวาระ2 ร่าง พรบ.งบประมาณฯ มีการทำผิดๆถูกๆตั้งแต่มาตรา31ขึ้นไป ตรงนั้นไม่ต้องแสดงตน เพราะแสดงไปแล้วในตอนต้น แต่พอจบวาระ2จะขึ้นวาระ3 ต้องแสดงตนใหม่ จึงต้องดูว่าเป็นไปได้อย่างไรว่ามีการเสียบบัตรคาไว้ แล้วเด้งออกมาเป็นการแสดงตน จากนั้นเด้งออกมาเป็นการลงมติ ต้องตรวจสอบตรงนี้ ถ้าตอนแสดงตนไม่แสดงตนตอนลงมติก็จะไม่เกิด หากเจ้าตัวไม่อยู่แล้วบัตรเสียบคาไว้จริงอย่างที่อ้าง การที่บัตรคาอยู่มันจะไม่เกิดผลอะไรทั้งนั้น ดังนั้นต้องให้เขาตรวจสอบ
ไม่มีวิบัติ-เงินเดือนขรก.ยังได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายกังวลกันไปหมด นายวิษณุ กล่าวว่า ตนบอกไปแล้วว่าไม่มีอะไร แต่ถ้าล่าช้านั้นเรื่องจริง วันนี้ความกังวลคือ การล่าช้า แต่ถ้ากังวลว่าจะเกิดความเสียหายร้ายแรงนั้น มันไม่เกิด อย่าไปพูดให้เกิดความกังวล มีคนออกมาพูดก่อนว่า จะวิบัติ ตนจึงย้ำว่า ไม่วิบัติ อย่างไรก็ทำได้ ข้าราชการได้เงินเดือน เพราะสำนักงบประมาณได้เตรียมวิธีแก้ปัญหาไว้แล้ว พอดีพอร้ายเผลอๆโครงการต่างๆ อาจมีช่องทางไปได้ แต่โครงการลงทุนใหม่อาจจะยาก ซึ่งขอให้รู้ก่อนว่า ความผิด บกพร่อง เกิดขึ้นที่ตรงไหน จะแก้อย่างไร ส่วนการออก พรก.เงินกู้ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด นั่นเป็นทางสุดท้าย
เมื่อถามว่า รัฐบาลมีทางออกอยู่แล้วใช่หรือไม่ แต่ไม่มั่นใจจึงประสานวิปรัฐบาลให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ไม่มั่นใจ มั่นใจแต่ไม่บอก ต่อข้อถามว่า กรณีนี้สามารถขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเร่งด่วนได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ศาลรู้อยู่แล้ว เพราะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันเหมือนกับทุกคน ส่วนจะรวดเร็วแค่ไหนนั้น ก็ไม่ควรจะเร็วกว่ากำหนดเวลาที่ควรจะเป็น
ยกม.143เกิน105วันผ่านฉลุย
รองนายกฯ กล่าวว่า กรณีนี้ต่างกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี56และ57และความต่างยังมีอีกว่ากรณีปี 56 เป็นกระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนปี57 เป็น ร่าง พรบ.กู้เงิน 2ล้านล้านบาท ซึ่งเสียไปเพราะกระบวนการไม่ถูกต้อง วันนี้สังเกตหรือไม่ว่าไม่มีใคร โดยเฉพาะฝ่ายค้านพูดถึงกระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อปี56 พูดแต่ พรบ.กู้เงินปี57 โดยทั้ง 2กรณีเป็นการเสียบบัตรแทนกันโดยคนๆเดียวกัน และตอนนั้นการพิจารณากฎหมายทั้งสองฉบับ ไม่มีกำหนดเวลา เมื่อเสียคือเสียไป แต่บังเอิญร่าง พรบ.งบประมาณฯนั้น ในมาตรา143 ของรัฐธรรมนูญ เขียนไว้ชัดว่าหากพิจารณาไม่แล้วเสร็จใน 105วัน ให้ถือว่าสภาฯเห็นชอบ ที่เขียนไว้เช่นนั้นเพราะเขากลัวสภาฯแช่ไว้ แปรญัตติกันไปกันมา จึงเขียนว่าถ้าไม่เสร็จให้ถือว่าเสร็จ ดังนั้นจึงเป็นความต่างอยู่ แต่หากศาลบอกว่า ไม่ต่างก็แล้วแต่ศาล
“ลองคิดเอาง่ายๆ 105วัน ครบเมื่อต้นเดือนมกราคม ผมไม่ได้สรุป แต่ชี้ให้เห็นว่า มีนัยยะที่ต่างจากสองเรื่องที่เคยเกิดขึ้น หากมาตรา143 สามารถใช้ได้กับเรื่องนี้ มันจะกลับไปสู่ร่าง พรบ.งบประมาณฯที่เสนอในวาระที่1 ทุกอย่างที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณฯ ตัดๆไปจะกลับไปสู่ร่างแรก เพราะเจตนาของมาตรานี้ต้องการให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ทางออกยังมีอยู่อีก6-7ช่องทาง
เมื่อถามว่า เพราะมีมาตรา143 ใช่หรือไม่ จึงระบุว่าไม่ถึงขั้นวิบัติ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ใช่ทางออกสุดท้าย แต่เป็นทางออกหนึ่ง ซึ่งมีถึง 6-7ทางออก เมื่อถามว่า หากศาลวินิจฉัยว่าร่าง พรบ.งบประมาณฯเป็นโมฆะ จะมีผลกับรัฐบาลเหมือนร่างไม่ผ่านสภาฯหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า สมมุติว่าโมฆะหมดเลย ก็หาทางออกอื่น มีหลายทาง เมื่อถามอีกว่า หากโมฆะรัฐบาลต้องรับผิดชอบหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า รับผิดชอบอย่างไร งบประมาณก็ได้ออก ไม่มีใครเดือนร้อน ไม่มีข้าราชการคนไหนไม่ได้เงินเดือน หรือโครงการไหนดำเนินการไม่ได้ เพียงแต่มันจะช้า ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่คาดหมายว่าจะวิบัติ
‘ไพบูลย์’เชื่อไม่ขัดรธน.แน่นอน
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เรื่องยื่นคำร้องทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีเสียบบัตรแทน อาจทำให้มีปัญหากับร่าง พรบ.งบประมาณฯต้องตกไปตนเห็นว่า สาระสำคัญของคำร้องทั้ง 2ฉบับ เกี่ยวกับเรื่องการออกเสียงที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและทั้ง 2คำร้อง ไม่มีข้อความใดระบุว่าร่าง พรบ.งบประมาณฯขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญ มาตรา148 จึงเห็นว่า ไม่น่าที่จะทำให้ร่างพรบ.งบประมาณฯต้องตกไปอย่างแน่นอน เชื่อว่าการวินิจฉัยร่างพรบ.งบประมาณฯศาลจะใช้เวลาพิจารณาไม่น่าจะเกิน 15วัน
ปปช.ยันไม่เหมือนปมสส.เพื่อไทย
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวถึงกรณีเสียบบัตรแทนกันระหว่างพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณฯ ว่า ประเด็นนี้ยังไม่ได้ร้องเรียนเข้ามา ดังนั้นต้องรอให้ร้องเรียนเข้ามาก่อน จึงจะดำเนินการไต่สวนได้ เมื่อถามว่า จะยกเหตุอันควรสงสัยเข้าไปไต่สวนเองหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ตามอำนาจหน้าที่ขอ ปปช.สามารถทำได้ แต่ประเด็นนี้ปรากฏข้อเท็จจริงเบื้องต้นผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น สำนักงาน ปปช.เฝ้าติดตามข้อเท็จจริงต่างๆที่ปรากฏผ่านสื่ออยู่ตลอด เมื่อถามว่า หากเทียบกับกรณีของ นายนริศร ทองธิราช อดีต สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่ ปปช. เคยชี้มูลความผิดในกรณีนี้ไปก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า สำหรับคดีของ นายนริศร ยังเหลือการไต่สวนในทางอาญาอยู่ อย่างไรก็ดี การเสียบบัตรแทนกันระหว่างกรณี นายนริศร กับที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น ไม่อาจเทียบกันได้ แม้จะเกิดเหตุการณ์คล้ายกัน แต่ข้อเท็จจริงอาจต่างกันก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องรอผลสรุปเบื้องต้นเสียก่อน จึงจะดำเนินการอะไรต่อไปได้
‘โภคิน’ชี้ตกหมดทั้งฉบับ-ขัดรธน.
ขณะที่ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีมีการส่งศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างพรบ.งบประมาณฯ เมื่อประธานสภาฯได้ส่งศาลรัฐธรรมนูญจะต้องรอดูว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร แต่ส่วนตัวมีความเห็นว่า หากเป็นกรณีกระบวนการตราไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ร่างพรบ.ต้องตกไปทั้งฉบับ เพราะถือว่าขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญในสาระสำคัญตามรัฐธรรมนูญมาตรา178 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยมีแนวคำวินิจฉัยเมื่อปี2557 มาแล้วว่า เมื่อกระบวนการตรากฎหมายไม่ชอบ ย่อมต้องตกไปทั้งฉบับ ไม่ได้ตกไปเฉพาะบางมาตรา ซึ่งการให้บุคคลลงคะแนนแทนตนเองไม่ว่าจะอ้างด้วยเหตุผลใด ย่อมฟังไม่ขึ้น แม้ผู้นั้นจะอยู่ในห้องประชุมขณะที่มีการลงคะแนนก็ตาม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี