“เชาว์” หนุนคำ “ชวน” เสียบบัตรแทนกัน “ผิดแน่ ๆ” ทุกกรณี ชู “นิพิฏฐ์” ทำถูก ล่าผีเสียบบัตรแทนกัน ทำสภาตกต่ำ จวก ฝ่ายรัฐ พลิกลิ้น แถ เปลี่ยนหลักการปกป้องพวกตัวเอง วอน สังคมยืนหยัด รักษาหลักการ หวั่น เปลี่ยนหลักการเพื่อพวกตัวเอง สร้างขัดแย้งเพิ่ม
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2563 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Chao Meekhuad เรื่อง “เสียบบัตรคือหน้าที่ผู้แทน คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้” มีเนื้อหาว่า กรณี ส.ส. เสียบบัตรแทนกันในสภาที่เป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วบ้านทั่วเมือง มีพวกที่ยึดหลักกูกำลังแถเพื่อพวกตัวเอง แต่เชื่อว่า จะแถอย่างไรก็ไปไม่รอด สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎรขณะนี้แยกออกได้ เป็น 3 กรณี ดังนี้
กรณีแรก เป็นกรณีที่คุณนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเปิดเผยว่า มีผีในสภาตัวไม่อยู่แต่กลับถอดวิญญาณมาร่วมลงคะแนนในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วันที่ 11 มกราคม ผีที่คุณนิพิฏฐ์พูดถึงก็คือ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง ส่วนอีกคนหนึ่งคือ นางนาที รัชกิจประการ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ และเป็นบุคคลสำคัญของพรรค ที่ถูกวางตัวให้เป็นแม่ทัพภาคใต้ และยังมีคดีแจ้งทรัพย์สินเท็จ อยู่ระหว่างการพิจารณาชั้นอุทธรณ์ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองด้วย
กรณีที่สอง การลงคะแนนในวันที่ 8 มกราคม ของนายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย มีคลิปภาพจากช่อง 7 HD ว่า นายสมบูรณ์ ถือบัตร 2 ใบ แม้จะไม่มีภาพต่อเนื่องว่า มีการเสียบบัตรทั้ง 2 ใบหรือไม่ แต่ภาพที่เห็นชัดเจนว่า นายสมบูรณ์มีบัตร 2 ใบ พร้อมลงคะแนนได้ทั้ง 2 บัตร ขัดหลักการที่ส.ส.1 คนมี 1 เสียงเท่านั้น
กรณีที่สาม การลงคะแนนในวันที่ 10 มกราคม มีคลิปภาพจากช่อง 7 HD เช่นเดียวกันว่า นางสาวภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการพรรค พลังประชารัฐ ใช้บัตร 2 ใบเสียบบัตร 2 ครั้ง ซึ่งภายหลังให้เหตุผลว่า เป็นการ ช่วยนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเดียวกัน พร้อมกับมีการประดิษฐ์วาทกรรมว่า ไม่ใช่การเสียบบัตรแทนกัน แต่เป็นการช่วยเพื่อนเสียบบัตร สภาพการณ์ทั้ง 3 ปัญหา มีลิ่วล้อรัฐบาลออกมาปกป้องเล่นคำเอาสีข้างเข้าแถช่วยเหลือส.ส.เหล่านี้ ทำให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพหลักการเปลี่ยนได้ เพื่อพวกตัวเอง อย่างน่าสังเวชใจยิ่ง
นายเชาว์ ระบุว่า ผมคิดว่า สังคมต้องไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เพราะความเป็นพวก แต่ต้องยึดหลักให้มั่น ตามแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 15-18/2556 กรณีร่างพระราชบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.เป็นโมฆะ และ คำวินิจฉัยที่ 3-4/2557 ที่ให้ร่างกฎหมายเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทเป็นโมฆะ ซึ่งหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ร่างกฎหมาย 2 ฉบับนี้ตกไปก็คือ พฤติกรรมการเสียบบัตรแทนกันที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า
“การใช้บัตรแสดงตนและลงมติแทนส.ส.รายอื่นเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็นสมาชิกรัฐสภา ซึ่งถือได้ว่า เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมายหรือการครอบงำใดๆและต้องปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดต่อหลักความซื่อสัตย์ สุจริตที่ ส.ส.ปฏิญาณตนไว้ และขัดต่อหลักการออกเสียงลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 126 วรรค 3 (ในปัจจุบันคือมาตรา 120) ที่ให้สมาชิกคนหนึ่งมีเพียงหนึ่งเสียงในการออกเสียงลงคะแนนมีผลทำให้การออกเสียงลงคะแนนของสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมพิจารณานั้นเป็นการออกเสียงลงคะแนนที่ไม่สุจริต ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้แทนปวงชนชาวไทย เมื่อกระบวนการออกเสียงลงคะแนนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ จึงถือว่า มติของสภาผู้แทนราษฎรในกระบวนการตราร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” นายเชาว์ ระบุ
นอกจากนี้ในการประชุมสภา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ถามท่านประธานสภาว่า ถ้าไม่สะดวกเสียบบัตรแล้วให้เพื่อนเสียบแทนทำได้หรือไม่ ซึ่งท่านประธานชวน ตอบแบบสั้นๆแต่ได้ใจความว่า “ผิดแน่ ๆ” ซึ่งตนเห็นด้วยกับท่านประธานชวน ว่าการเสียบบัตรแทนกันไม่สามารถทำได้ในทุกกรณี ปัญหาในขณะนี้จึงรับฟังยุติว่า มีการลงคะแนนแทนกันอย่างแน่นอน แม้ตัวละครจะเปลี่ยนไป ก็ไม่ได้มีผลทำให้หลักการนี้เปลี่ยนแปลงไปด้วย หลักการต้องคงอยู่ ไม่ว่า ตัวละครจะเปลี่ยนหรือไม่ จึงจะถือเป็นการบังคับใช้กฎหมายและใช้ดุลพินิจตามหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง
“ในฐานะคนไทยที่มีความเป็นห่วงบ้านเมือง ผมก็ไม่ต้องการเห็นเศรษฐกิจ สะดุด เพราะการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า แต่จะนำเรื่องนี้มาอ้างเพื่อเอาตัวรอดจากการกระทำผิดกฎหมายไม่ได้ ที่สำคัญสังคมไทยควรขอบคุณคุณนิพิฏฐ์ ที่เปิดข้อมูลเรื่องนี้ จนทำให้ได้เห็น ความตกต่ำด้านจริยธรรมของ ส.ส. บางคน สิ่งที่ส.ส.หรือลิ่วล้อรัฐบาลควรทำจึงไม่ใช่หันมาชี้นิ้วใส่คุณนิพิฏฐ์ว่า ทำให้รัฐบาลยุ่งยาก แต่ต้องกลับไปทบทวนปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองให้สมกับการเป็นตัวแทนของปวงชนชาวไทยต่างหาก อย่าดันทุรังเปลี่ยนหลักการเพื่อปกป้องพวกตัวเอง เพราะนอกจากทำให้สังคมเสื่อมทรามแล้วยังจะกลายเป็นการเติมเชื้อแห่งความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีกด้วย”นายเชาว์ ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี