‘อนค.’เปิดเวทีระดมความเห็นแก้รธน. ‘วัฒนา-เจิมศักดิ์-พิภพ’ลงมีดสับเละ
26 มกราคม 2563 ที่ศาลาเฉลิมพระเกียรติ ศาลเจ้าพ่ออ่างทอง อ.เมือง จ.อ่างทอง พรรคอนาคตใหม่สาขาอ่างทอง จัดงานเสวนา “วาระรัฐธรรมนูญ วาระประชาชนคนอ่างทอง(คำ)” โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมวงเสวนา พร้อมกับนายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย , นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ , นายวัฒนา เมืองสุข ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย และนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ ในประเด็นเกี่ยวกับปัญหาของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต
นายวัฒนา ระบุว่า ตนอาจจะมองไม่เหมือนท่านอื่นๆ ตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความรู้สึกเห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องแก้ไข เพราะโดยตัวของรัฐธรรมนูญนี้ออกแบบมาสามอย่าง อย่างแรกทำอย่างไรให้พรรคเพื่อไทยไม่ชนะเลือกตั้ง สอง คือถึงชนะเลือกตั้งแล้วทำอย่างไรให้บริหารไม่ได้ และสุดท้าย จะจัดการกับพวกที่เข้ามาเป็นรัฐบาลอย่างไร นั่นคือความตั้งใจแรกของคนร่างรัฐธรรมนูญ แต่ต่อมาคนร่างมีการเปลี่ยนใจอยากเป็นรัฐบาลต่อ ก็กลายเป็นติดกับรัฐธรรมนูญเสียเอง ดังนั้นวันนี้ ตนเปรียบเหมือนว่ามีคนตัดสายเบรครถไว้ดักคนที่จะขึ้นมาขับ แต่คนขึ้นมาขับกลับเป็นคนละคน กลายเป็นว่าต้องมาเจอปัญหาหลายอย่างในการบริหาร เช่นการบอกที่มาของรายได้ในการทำโครงการต่างๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ตัวคนออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากำลังเจอปัญหานี้เสียเอง
“ผมเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ได้ ถ้าไม่แก้เราจะผ่านปัญหาต่างๆไปไม่ได้ อย่างแรกคือปัญหาเศรษฐกิจกำลังประสบปัญหาความเชื่อมั่น เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมาได้รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ และตราบใดที่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่รัฐบาลไม่มีวันมีเสถียรภาพ สิ่งที่จำเป็นต้องทำสำหรับประเทศไทยในวันนี้คือการแก้รัฐธรรมนูญ แต่แก้อย่างไรไม่ให้เกิดความขัดแย้ง มี 2 แบบ คือผู้แทนประชาชนทุกคนในสภาเห็นพ้องต้องกันว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเอาอำนาจคืนให้ประชาชน อีกเรื่องที่แก้ได้แน่ๆคืออำนาจองค์กรอิสระทั้งหลายที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ตัวที่สามที่แก้ได้ก็คือที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณแผ่นดิน ที่ตัวแทนของประชาชนไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาให้เป็นรัฐราชการ” นายวัฒนา กล่าว
นายวัฒนา กล่าวด้วยว่า ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ได้แน่ แต่เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ควรจะแก้โดยคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการมี สสร.ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่การแก้รายมาตรา เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้งแน่นอน ถ้าทำสำเร็จเราจะสร้างประวัติศาสตร์ที่มีรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่มีที่มาจากประชาชนและให้ความเห็นชอบโดยประชาชน
ด้านนายเจิมศักดิ์ ระบุว่า โดยหลักการแล้ว รัฐธรรมนูญคือการกำหนดตำแหน่งแห่งที่ของคนในบ้านเมืองว่าจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร มีหน้าที่ต้องทำอะไร รัฐธรรมนูญที่ดีคือรัฐธรรมนูญที่เพิ่มอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน รัฐธรรมนูญปี 60 ปัจจุบันกำลังเพิ่มอำนาจรัฐลดอำนาจประชาชน หรือลดอำนาจรัฐเพิ่มอำนาจประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะอยู่ถาวรไม่ได้เพราะไปเพิ่มอำนาจรัฐลดอำนาจประชาชน เลยเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่มีบทเฉพาะกาลวางรองรับกันไว้ มันจะใช้ไปถาวรไม่ได้ ตนคิดว่าถ้ามาดูสิ่งที่ชัดที่สุดที่เราจะเห็น ในบทเฉพาะกาลที่ให้วุฒิสมาชิก 250 คนที่แต่งตั้งโดย คสช.ให้กลับมาเลือกคนของ คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี นี่เป็นภาพสะท้อนที่ชัดที่สุดว่าเป็นการลดอำนาจประชาชน เพิ่มอำนาจรัฐและผู้มีอำนาจอยู่เดิม
นายเจิมศักดิ์ ระบุว่า แล้วอีก 5 ปีข้างหน้า ส.ว.ชุดใหม่จะมีอำนาจอย่างไร ส.ว.ชุดใหม่ก็เป็นตัวสะท้อนที่มีปัญหา เพราะเป็นการให้คนสมัครแล้วเลือกกันเองในบรรดาผู้สมัคร ส.ว.จึงไม่ได้ยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง ก็จะมีการขนคนมาสมัคร ส.ว.แล้วจะเลือกกันเอง วิธีการอันนี้ต้องมีการแก้ไข
“ผมคิดว่าวิธีการแก้ไขของ ส.ว.ต้องทันกับอำนาจของ ส.ว. ถ้าอำนาจมากก็ต้องมีที่มายึดโยงกับประชาชนให้มาก ถ้ามีอำนาจน้อยก็จะเป็นสภาในการประณีประนอมอำนาจ เพราะอำนาจประชาชนมีแน่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันยังมีอำนาจของสถาบันอื่นๆในประเทศนี้อยู่อีก เพราะฉะนั้นมันมีอำนาจได้แต่ต้องไม่มากเกินไป” นายเจิมศักดิ์ กล่าว
นายเจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่พวกตนเคยคิดกันตอนร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ทำไม่ทันคือให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ใช่เลือกตั้งแบบเขต แต่สุดท้ายเราได้เลือกตั้ง ส.ว.แบบจังหวัดเป็นเขต ได้ ส.ว.มาจังหวัดละคน หน้าตาของ ส.ว.ก็ไม่ต่างจาก ส.ส. กลายเป็นสภาทาส แต่ถ้าให้ ส.ว.ไม่ยึดโยงกับประชาชนก็ไม่ได้
ทั้งนี้ ตนเห็นว่าถ้ามีสองสภาควรต้องทำให้ชัด ถ้าจะเป็นการเลือกตั้งเลือกโดยอาชีพ เราอาจจะแบ่งกลุ่มอาชีพเป็น 10 กลุ่มอาชีพ แล้วให้ประชาชนทุกคนไปเลือกสังกัดกลุ่มอาชีพตัวเอง แล้วให้คนมาสมัครในแต่ละกลุ่มอาชีพ ประชาชนทุกคนก็จะได้เลือก นี่จะมีความยึดโยงกับประชาชนมากกว่า แต่ ส.ว.สูตรนี้จะไม่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี นั่นเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎร ส.ว.จะมีความเป็นสภาวิชาชีพ เป็นสภาผู้ใหญ่ คอยกลั่นกรองกฎหมาย และอาจมีความสำคัญในการควบคุมองค์กรอิสระ แบบนี้น่าจะไปได้ เพราะทุกวันนี้องค์กรอิสระมีปัญหามาก เพราะขาดการควบคุมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น กกต., ป.ป.ช., ศาลรัฐธรรมนูญ เราจะต้องประดิษฐ์อะไรมาควบคุมองค์กรอิสระเหล่านี้
ส่วนนายพิภพ ระบุว่า ในมุมมองของตนแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับนี้จะว่าแก้ยากก็ยากแก้ง่ายก็ง่าย ที่พูดเช่นนี้เพราะเรามีรัฐธรรมนูญที่แก้ยากมาแล้วหลายฉบับ อย่างเช่นรัฐธรรมนูญฉบับจอมพลถนอม กิตติขจร ไม่มีใครคิดว่าจะแก้ไขได้ แต่การลุกฮือของนักศึกษาประชาชนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จนสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้
นายพิภพ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2535 ก็เช่นเดียวกัน ใครคิดว่าจะแก้ได้ ตอนนั้นเป็นเรื่องของพรรคการเมืองรวมกลุ่มกันจะไม่แก้รัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่าต่อมานักการเมืองที่มีบทบาทนำตอนนั้น คือ นายบรรหาร ศิลปอาชา เอาด้วย เพราะการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่กดดันไปที่นักการเมืองก็เลยแก้ได้ แล้วเกิดรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนครั้งแรก ประชาชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเขียนรัฐธรรมนูญทั้งทางตรงและทางอ้อม
นายพิภพ ระบุว่า มาวันนี้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ถูกบล็อคไว้แล้วก็ดูเหมือนว่าจะแก้ไม่ได้ แต่การกำหนดยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง จะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ สิ่งที่ตนอยากแนะนำพรรคอนาคตใหม่ คือต้องระวังระหว่างการเคลื่อนไหวของประชาชนกับการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ถ้าอยากให้มีกระบวนการธงเชียวแบบรัฐธรรมนูญปี 2540 พรรคอนาคตใหม่ต้องไปขับเคลื่อนในสภา ในขณะเดียวกันภาคประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังหาหัวการนำไม่ได้ ต้องหาหัวการนำให้ได้ แล้วเคลื่อนไหวคู่ขนานไปกับการเคลื่อนไหวในสภา ส่วนพรรคอนาคตใหม่ก็ต้องทำแนวร่วมพรรคการเมืองในสภาให้ได้เสียงมากขึ้น
“ผมไม่กลัวว่ารัฐธรรมนูญ 2560 จะแก้ยาก เพราะเคยผ่านรัฐธรรมนูญที่ว่าแก้ยากมาแล้ว และก็เกิดการแก้ไขได้ มาจากการกำหนดยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีในการเคลื่อนไหวสองแบบ คือในรัฐสภากับภาคประชาชน จะนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญได้ในที่สุด ตนไม่เชื่อว่าวุฒิสมาชิกจะขวางได้ เขาจะขวางแน่ แต่การกำหนดยุทธศาสตร์/ยุทธวิธีที่ถูกต้องจะทำให้เขาขวางไม่ได้” นายพิภพ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี