จี้ฟันสส.มือบอน
มั่วเสียบบัตรแทนกัน
ต้นเหตุทำงบ’63ล่าช้า
ทุกพรรคจ่อโหวตซ้ำ
ตามคำตัดสินศาลรธน.
ซีกรัฐบาลแสดงความเชื่อมั่น หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ’63ไม่เป็นโมฆะ ทำให้นักลงทุนมั่นใจ เศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น ในขณะที่ทุกพรรคเตรียมโหวตวาระ 2 และ 3 ใหม่ พร้อมชี้ฟัน สส.ที่เสียบบัตรแทนกันจนทำให้งบประมาณล่าช้าด้าน ครป.กระทุ้ง 8 ผู้แทนลาออก
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563ไม่เป็นโมฆะว่าสภาผู้แทนราษฎรต้องพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ใหม่ซึ่งทางประธานสภาผู้แทนราษฎรได้นัดประชุมนัดพิเศษในวันที่ 13 ก.พ. ตนเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะได้พูดคุยและอภิปรายกันไปแล้ว จากนั้นเมื่อผ่านการเห็นชอบจะส่งต่อให้วุฒิสภาลงมติต่อ และนำขึ้นทูลเกล้าฯจากที่เคยคาดการณ์ไว้ในตอนแรกว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯน่าจะตราเป็นกฎหมายสมบูรณ์ได้ภายในเดือน ก.พ. หากดูจากกระบวนการทั้งหมดแล้ว ก็คงจะคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยเท่านั้น
ชูศาลรธน.ผ่าทางตันให้ประเทศ
“การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาแบบนี้ถือว่าเป็นคุโณปการ เป็นประโยชน์กับประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง ในความรู้สึกของผมนั้น ศาลรัฐธรรมนูญถือว่าออกมาแก้ปัญหาผ่าทางตันให้ประเทศ ถือว่าเป็นพระเอกตัวจริง ที่ผ่านมาหลายโครงการของรัฐต้องหยุดนิ่ง แม้ว่าจะมีการเปิดประมูลโครงการได้ แต่ยังไม่มีการเซ็นสัญญาเพราะยังไม่มีงบประมาณ ดังนั้นจากนี้ไป โครงการต่างๆของรัฐจะเดินหน้าได้อย่างเต็มตัว มีงบลงทุน มีเงินจ่ายให้กับผู้รับเหมาและบริษัทต่างๆ และพวกเขาจะได้นำเงินไปซื้อหิน ปูน ทราย ยาง มาก่อสร้าง นำเงินไปจ้างคนงาน ซึ่งจะทำให้เงินหมุนเวียนในระบบ ก่อนหน้านี้บริษัทต่างๆเหล่านี้จะไปกู้ยืมเงินมาลงทุนก็ทำได้ยาก แต่เมื่อศาลมีมติออกมาแบบนี้ พวกเขาไปกู้เงินใครก็ได้ เพราะเขารู้ว่ามีเงินลงทุนแล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว
เชื่อทำนักลงทุนเชื่อใจ-ส่งศก.ดีขึ้น
นายสมศักดิ์กล่าวว่าก่อนหน้านี้ ที่ทุกคนยังสงสัยว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯจะเป็นโมฆะหรือไม่ และจะต้องหาทางออกอย่างไร เกิดความสับสน เหมือนการที่ประเทศติดไวรัสโคโรนาแต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกมาแบบนี้เหมือนว่าประเทศได้วัคซีน หายจากอาการวิกฤต ที่ผ่านมายังไม่มีกระทรวงไหนสามารถนำงบลงทุนไปดำเนินการได้เลยแต่ขณะนี้เราเห็นทางสว่างว่างบประมาณจะสามารถนำมาใช้ได้ในอีกไม่นานจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน น่าจะช่วยฟื้นสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาให้กลับมาดีได้
พปชร.วอนฝ่ายค้านร่วมใจผ่านงบ63
นายธนกร วังบุญคงชนะโฆษก พปชร.กล่าวว่าต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่หาทางออกให้กับประเทศ รัฐบาลและทุกฝ่ายรู้สึกโล่งใจที่งบประมาณปี63ไม่โมฆะ โดยจะมีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาในวันที่ 13กุมภาพันธ์นี้โดยตนอยากขอความกรุณาพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ช่วยกันพิจารณาอย่างเร่งด่วนเพื่อผ่านงบประมาณในวาระ2-3เพื่อนำเม็ดเงินไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะหากล่าช้าไปกว่านี้ จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศในหลายๆด้านและฝากไปยัง ส.ส.ทุกคนให้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการเสียบบัตรลงคะแนน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอีก
เร่งผลักดันเม็ดเงินลงพัฒนาปท.
โฆษก พปชร.กล่าวอีกว่าเมื่องบประมาณปี 63ผ่านสภาฯรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าทุกโครงการโดยเฉพาะโครงการใหญ่ๆของรัฐบาล เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะการกระตุ้นเศษฐกิจฐานรากของประเทศผ่านมาตรการต่างๆและจะดำเนินการทันที โดยเฉพาะ ชิมช้อปใช้ เฟส4 ทั้งนี้ เมื่อเม็ดเงินเข้าไปหมุนในฐานรากของประเทศ จะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ในระดับหนึ่ง ยิ่งขณะนี้เจอการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ยิ่งทำให้ต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวอย่างมาก.
นิพิฏฐ์ชี้2ช่องเอาผิดสส.เสียบบัตร
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่เปิดประเด็น ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับคำร้องเรื่องร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี2563ไม่เป็นโมฆะว่า มีคนถามมาเยอะว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการเสียบบัตรแทนกันแล้ว จบแค่นี้หรือ ส.ส.เจ้าของบัตร หรือคนที่เอาบัตรคนอื่นมากด จะมีความผิดหรือไม่
“ผมขอตอบเลยว่าต่อไปก็เป็นเรื่องความผิดทางอาญาซึ่งมีการดำเนินได้ 2ทางคือ1.เริ่มกระบวนการสอบสวนผ่านทางสภาผู้แทนราษฎร หากผลการสอบสวนเห็นว่า เจ้าของบัตรยอมให้คนอื่นกดแทน ก็ถือว่าเป็นความผิดจริยธรรมร้ายแรง ก็ส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)และศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาลงโทษทางอาญาต่อไป ละ 2.เริ่มสอบสวนผ่านทาง ป.ป.ช.ซึ่งก็ทราบว่าตอนนี้มีผู้ยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.สอบสวนแล้วเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ส่วนจะหาตัวผู้กระทำผิดได้หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจเพราะมีคำกล่าวว่า เงินสามารถจ้างผี ให้โม่แป้งได้ซึ่งในหลายหน่วยงานผี ก็กำลังทำงานอยู่อย่างขมักเขม้นและตนก็กำลังจะจับผีอยู่หลายตัวเหมือนกัน ขอให้คอยฟัง”นายนิพฏฐ์ กล่าว
ปชป.แนะยึดคำวินิจฉัยศาลรธน.
นายราเมศ รัตนะเชวงโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเรื่องงบประมาณ ปี 2563ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ต้องถือว่ายุติผูกพันทุกองค์กรที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการให้ถูกต้องในส่วนของวาระที่ 2 และวาระที่3แล้วส่งต่อให้วุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ส่วนการจะอภิปรายวาระที่2 ส่วนตัวเห็นว่าการอภิปรายได้กระทำไปโดยชอบแล้วที่ได้มี ส.ส.อภิปรายเนื้อหากันครบถ้วน คงกลับไปดำเนินการในส่วนของการลงมติรายมาตราเพียงเท่านั้น ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ากำหนดระยะเวลา ที่กำหนดให้สภาผู้แทนฯพิจารณาให้เสร็จภายใน 105วันและวุฒิสภา ภายใน 20วัน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา143เห็นว่า เรื่องดังกล่าว มีความสมบูรณ์ตามมาตรา143 แล้วที่ทั้งสองสภา ได้ดำเนินการตามกรอบเวลา การย้อนกลับมาแก้ไขเป็นการดำเนินการตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบกฎหมายก่อนการบังคับใช้ เรื่องงบประมาณแผ่นดิน เป็นเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวข้องกับประโยชน์ของพี่น้องประชาชนและประเทศ ทุกฝ่ายควรมุ่งหน้าไปเพื่อจุดนั้น
ไล่บี้ ส.ส.เสียบบัตรลาออก
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ส่วนที่ประชาชนสนใจมากคือ จะทำอย่างไรที่จะต้องเอาผิด ส.ส.ที่กระทำการขัดต่อหลักนิติธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในการกดบัตรแทนกัน จะต้องออกไปจากการเป็นนักการเมือง ไม่ว่าสังกัดพรรคไหน เพราะถ้าอาสามาทำงานให้กับส่วนรวมแต่ไม่รับผิดชอบในหน้าที่ไม่มีจิตสำนึกต่อการกระทำ ก็ควรลาออกไป ต้นเหตุอันเป็นที่มาที่ทำให้งบประมาณแผ่นดินล่าช้าออกไป คือ ส.ส.กลุ่มนี้
ส่วนเรื่องของการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น รัฐมนตรีของพรรค ไม่ได้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ก็พร้อมชี้แจงหากถูกพาดพิง คงไม่ไปชี้แจงแทนรัฐมนตรีคนใดที่ถูกอภิปราย แต่หากเป็นประเด็นที่พาดพิงมาในส่วนของการทำงานรัฐมนตรีของพรรคโดยหลักการก็ต้องชี้แจงเป็นเรื่องปกติ ไม่มีความกังวลใดๆทั้งสิ้น” นายราเมศ กล่าว
ครป.จี้อย่าให้สส.เสียบบัตรลอยนวล
ขณะที่นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.)กล่าวว่า กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563ว่า”การเสียบบัตรแทน”หรือการกระทำโดยไม่สุจริตโดยใช้สิทธิออกเสียงลงมติแทนผู้ที่ไม่ได้อยู่ร่วมประชุมด้วยนั้น เป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของการเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยไม่อยู่ในอาณัติมอบหมายของผู้ใดและต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความชื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม จึงทำให้ขาดความชอบธรรมในการพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณฯในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ที่มีการเสียบบัตรแทนกัน ทำให้การพิจารณากฎหมายในขั้นตอนดังกล่าว เป็นโมฆียะ ต้องให้สภาผู้แทนฯ เริ่มพิจารณาลงมติใหม่นั้น เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชัดเจนแล้วว่าการเสียบบัตรแทนกัน เป็นการกระทำไม่สุจริต การออกเสียงลงคะแนนแทนกันทำไม่ได้และละเมิดหน้าที่การเป็น ส.ส. เรื่องนี้จะต้องมีการรับผิดชอบทางการเมือง และต้องมีบทลงโทษ ส.ส.ที่ตั้งใจกระทำความผิดโดยไม่ปล่อยเหตุการณ์ผ่านไป เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น จนกลายเป็นจุดด่างดำของรัฐสภาไทย
ซัดทำผิดรธน.-ข้อบังคับประชุม
เลขาฯ ครป.กล่าวว่าส.ส.ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากันในการลงคะแนนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 120 และการออกเสียงลงคะแนนจะกระทำแทนกันมิได้ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 80 อีกด้วย ดังนั้น ส.ส.ที่ลงคะแนนแทนกัน จึงทำผิดทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วย แต่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพฤติการณ์แห่งคดีเฉพาะกระบวนการตราร่างกฎหมายเท่านั้น ไม่ได้วินิจฉัยลงโทษบุคคลที่กระทำผิดจึงเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป
เรียกร้อง8สส.มีเอี่ยวลาออก
“ผมขอเรียกร้องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้กำหนดบทลงโทษที่ชัดเจนแก่สมาชิกผู้กระทำผิดร้ายแรง แม้รู้ว่าผิดหลักการ มีตัวอย่างในอดีต แต่ก็ยังช่วยเหลือกันลงคะแนนโดยมิชอบ ไม่เฉพาะกรณีของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทยเท่านั้น ที่ทำให้ประเทศเสียหาย กรณีการเสียบบัตรแทนกันตามที่เป็นข่าวมีถึง8คน จากพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังท้องถิ่นไทย จะต้องมีการสอบสวนโดยสภาและพิจารณาบทลงโทษความผิดเพื่อสร้างบรรทัดฐานต่อไป ไม่ใช่โยนความบกพร่องเหล่านี้้ให้ประชาชนรับกรรมโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น และขอเรียกร้องให้สส.ที่เกียวข้องกับการเสียบบัตร 8 คนลาออก พรรคน้องใหม่จี้เชือดส.ส.เสียบบัตร
นายรยุศด์ บุญทัน ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทยกล่าวขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้ทางออกให้ร่างพรบ.งบประมาณปี2563และสภาผู้แทนราษฎร นัดประชุมเพื่อลงมติวาระที่ 2 และ3 วันที่13ก.พ.นั้นถือว่าทางออกจากปัญหาได้เกิดขึ้นแล้ว เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างความเสียหาย ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่อยากวิงวอนขอให้มีการดำเนินการโดยเร็วคือส.ส.ที่มีรายขื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเสียบบัตรแทนกันจะมีการดำเนินการเช่นใดต่อไป สังคมจับตาเรื่องนี้รวมทั้งทำให้ภาพลักษณ์นักการเมืองเสียหายในองค์รวม
ร่างพรบ.งบประมาณ ที่ล่าช้ามาจากการลงคะแนนที่ไม่สุจริต พรรคต้นสังกัดและสภาผู้แทนราษฎรจะจัดการอย่างไร ขอฝากว่าควรที่จะมีคำตอบนี้ออกมาโดยเร็วที่สุด และความรับผิดชอบจาก ส.ส. และพรรคต้นสังกัดว่าจะเเสดงความรับผิดชอบอย่างไรเพราะสังคมเสียหายจากการกระทำเช่นนี้ ควรมีคำตอบออกมาในทุกกรณีที่อ้างว่าส.ส. เสียบบัตรแทนกัน เมื่อส.ส.บางคนทรยศคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน บทลงโทษที่มีอยู่นั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรรีบดำเนินการและวางมาตรการในอนาคตไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก
ในฐานะคนรุ่นใหม่ ขอให้นักการเมืองรุ่นพี่ที่มีบทบาทในวันนี้อย่าทรยศประชาชนอีกไม่เช่นนั้นความเสื่อมศรัทธาจะเกิดขึ้นเเละอาจเป็นชนวนที่นำไปสู่วงจรอุบาทว์อีกครั้ง
เสขาฯสภารอข้อมูลสส.ไปนอก
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันที่เกิดขึ้นในหลายกรณีว่า ขณะนี้สำนักเลขาธิกาสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง มีเพียง 2 กรณีคือ กรณีนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ส่งผลการสอบสวนให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว อีกเรื่องคือกรณี นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย การสอบข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จสิ้น อยู่ระหว่างการขอข้อมูลไป ยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)เพื่อทราบวันเวลาอย่างเป็นทางการที่นางนาทีเดินทางไปต่างประเทศในช่วงการลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯปี2563ซึ่ง ตม.ยังไม่ตอบกลับมา ต้องรอข้อมูลส่วนนี้ก่อน
ส่อโยนเสียบบัตรให้กมธ.สอบแทน
นายสรศักดิ์กล่าวว่าส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียบบัตรลงคะแนนในกรณีอื่นๆยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบหลักฐานที่ชัดเจนได้อีกทั้งขณะนี้ฝ่ายค้าน ที่ยื่นญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรแทนกันมาที่สภาผู้แทนราษฎรแล้ว ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภา จะอนุมัติให้ตั้ง กมธ.หรือไม่ หรือ อาจจะมอบให้คณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบ หรือ อาจมอบให้คณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร ที่ล่าสุด ข้อบังคับเรื่องประมวลจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎร มีผลบังคับใช้แล้วดังนั้น ควรให้สภาฯตัดสินว่าจะให้กมธ.ชุดใด หรือคณะกรรมการจริยธรรมตรวจสอบเรื่องการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน เพราะสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเท่านั้นแต่เรื่องการลงโทษ ต้องให้เป็นหน้าที่ของกมธ.ที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิจารณา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี