ส.ว.ลงมติเห็นชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 ราย "ชั่งทอง" ไม่ได้ไปต่อ ด้านส.ว.ติงโควต้าสายอดีตอธิบดี ไม่ครบตามรธน. "พรเพชร" อ้างไม่มีอำนาจชี้ขาด ต้องแก้ข้อกม.ในอนาคต
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในที่ประชุม โดยมีระเบียบวาระเพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ตามมาตรา 12 วรรคแปด แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561
โดยก่อนการลงคะแนนนั้น ปรากฏว่า สมาชิกวุฒิสภา หารือต่อที่ประชุมเพื่อขอให้คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯ ชี้แจงรายละเอียดระยะเวลาตรวจสอบประวัติ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 5 คนที่ยาวนาน เพื่อให้สังคมเข้าใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกตั้งคำถามว่าเกี่ยวข้องกับการพิจารณาวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
พล.อ.อู้ด ชี้แจงว่า การตรวจสอบประวัติและข้อมูลเชิงลึกนั้น ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ เพราะต้องรักษาข้อมูลให้เป็นการพิจารณาแบบลับ และที่ต้องใช้เวลายาวนานในการพิจารณานั้น เพราะคณะกรรมาธิการได้รับข้อมูล ต้องส่งไปยังหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ตรวจสอบ ซึ่งระบบราชการมีความล่าช้า โดยเฉพาะการจัดเก็บเอกสารแบบโบราณ ทำให้ใช้เวลาค้นหาข้อมูลนาน ซึ่งการทำงานของกรรมาธิการสามารถตรวจสอบได้แค่นี้ ตามความยากที่ได้ข่าวสารหรือเนื้อหาต่าง ๆ ตามต้องการ ตามเวลาที่กำหนด
จากนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา หารือว่า ไม่สบายใจที่พล.อ.อู้ดระบุว่า ทำงานได้แค่นี้ เพราะทำให้ประชาชนคิดว่า ส.ว.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบประวัติบุคคลนั้นมีเงื่อนไขและข้อจำกัดด้านเวลา ซึ่งต้องการให้กรรมาธิการ ชี้แจงว่า ทำได้เต็มที่เพื่อให้บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อนั้นเป็นที่ยอมรับกับประชาชน ซึ่งพล.อ.อู้ด ได้ขอถอนคำพูดที่กล่าวว่า ทำได้แค่นี้
พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม สมาชิกวุฒิสภา หารือถึงความไม่สบายใจว่าโควต้าของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 กำหนดให้มีโควต้าของบุคคลที่ได้รับการสรรหา มาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับหรือเคยรับราชการในตำแหน่งไม่ต่ำกว่าอธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอัยการสูงสุดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ซึ่งได้รับการสรรหาจากคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 8 วรรคหนึ่ง (5) ต้องมี 2 คน แต่กรณีที่เสนอชื่อมีเพียงคนเดียว คือ นายนพดล ดังนั้นในอนาคตหากมีบุคคลร้องต่อองค์พิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญอาจมีปัญหาได้ ซึ่งขอให้นายนัฑ ผาสุข เลขาธิการวุฒิสภา ฐานะเลขานุการกรรมการสรรหา ชี้แจงด้วย
พล.อ.อ.เฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ตนอ่านรายงานของคณะกรรมการสรรหาบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโดยละเอียด ไม่พบประเด็นวินิจฉัยเพื่อแก้ปัญหา มองว่าอาจเป็นเผือกร้อนของประธานวุฒิสภา ที่มีหน้าที่นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง และเพื่อแก้ปัญหา ตนเสนอให้โยกโควต้าของนายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มาจากสายศาลรัฐธรรมนูญ เคยดำรงตำแหน่งอดีตเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่ามีตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดี ให้เข้าเงื่อนไข มาตรา 8 วรรคหนึ่ง (5) ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากโควต้าสายรัฐศาสตร์ มีเกินจำนวนที่กำหนด คือ 2 คน ซึ่งมีนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญร่วมอยู่ด้วย พล.อ.อู้ด กล่าวว่า กรณีที่เสนอไม่อยู่ในอำนาจของกรรมาธิการ
นายพรเพชร ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ไม่อนุญาตให้ถามเลขาธิการวุฒิสภาในประเด็นดังกล่าว เพราะไม่มีอำนาจให้ตนต้องปฏิบัติตาม ยอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของตนที่จะนำรายชื่อหลังจากที่วุฒิสภาเห็นชอบทูลเกล้าฯ ตามกฎหมายไม่ระบุถึงอำนาจชี้ขาดของประธานวุฒิสภาต้องตีความหรือชี้ขาดตามประเด็นที่พล.อ.อ.เฉลิมชัย หารือ ว่าขาดองค์ประกอบหรือไม่ หรือขัดแย้งกับกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีการแก้ไขหรือยกร่างกฎหมายใหม่ ควรเสนอปัญหาเพื่อให้แก้ไขให้ชัดเจน เพื่อประโยชน์ต่อคนที่ปฏิบัติหน้าที่ แต่ขณะนี้ตนต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ส่วนข้อกังวลเรื่องโควต้านั้น มีประกาศของประธานกรรมการสรรหา ที่มีนายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ยืนยันว่าคำวินิจฉัยของประธานกรรมการสรรหา ถือเป็นที่สุด ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2562 ส่วนระยะเวลาที่ใช้ตรวจสอบประวัตินานนั้น ไม่ขอแก้ตัวแทนกรรมาธิการ เพราะได้รับเวลาสรรหาครั้งแรก เพียง 45 วัน ซึ่งน้อยกว่าข้อบังคับที่วุฒิสภาเขียนขึ้นภายหลังว่า กำหนดให้ใช้เวลา 60 วัน
จากนั้นเวลา 11.30 น. ที่ประชุมได้ยุติการหารือ และเข้าสู่ขั้นตอนของการประชุมลับเพื่อพิจารณารายงานของกมธ. ต่อมาที่ประชุมได้เปิดการประชุมอีกครั้ง และให้ส.ว.ทั้งหมดลงคะแนนในคูหาที่เตรียมไว้ กระทั่งเวลา 15.15 น. พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้น ได้ประกาศผลการลงมติ ดังนี้ นายวิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เห็นชอบ 216 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 เสียง , นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานแผนกคดีคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกา เห็นชอบ 216 เสียง ไม่เห็นชอบ 3 เสียง นายจิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เห็นชอบ 217 เสียง ไม่เห็นชอบ 2 เสียง และนายนภดล เทพพิทักษ์ อดีตอธิบดีกรมเอเชียใต้ตะวันออกกลางและแอฟริกา ที่มาจากสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นชอบ 203 เสียง ไม่เห็นชอบ 12 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง เท่ากับทั้ง 4 คนดังกล่าว ได้รับคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกวุฒิสภาเท่าที่มีอยู่ทั้งหมด จึงได้รับเลือกให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนนายชั่งทอง โอภาสศิริวิทย์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ได้คะแนนเห็นชอบ 52 ไม่เห็นชอบ 139 ไม่ออกเสียง 28 เสียง ถือเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเห็นชอบให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ผ่านเกณฑ์การลงคะแนน ที่ต้องได้ 125 เสียง
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 4 คน จะไปประชุมร่วมกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ยังไม่พ้นวาระอีก 4 คน เพื่อเลือกตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะให้ประธานวุฒิสภานำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี