“จตุพร”ชี้กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบปมส.ส.เสียบบัตรแทนกันไม่สำเร็จ หวั่นส.ส.พลังประชารัฐเป็นประธานกมธ. ไม่กล้าสอบคนทำผิดฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน เชื่อถูกยื้อเวลาออกไปแรมปี จนนำไปสู่ภาวะวิกฤตศรัทธาของสภาผู้แทนราษฎร คาด อนค.ถูกศาล รธน.ล็อกคอคดียุบพรรค ส่อแนวโน้มลำบาก ทำเกิดพะวงศึกซักฟอก
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการหยิบข่าวมาคุย ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวี ต่อกรณี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ว่า กระบวนการหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้นศาลไม่ได้วินิจฉัยเรื่องบุคคล วินิจฉัยเพียงแค่กฎหมายจะมีผลอย่างไร ดังนั้นตัวบุคคลจะเป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งขณะนี้ก็มีคนส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช.แล้ว
ในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทางเจ้าหน้าที่สภาประกาศแล้วว่า ไม่กล้าไปตรวจสอบ ส.ส.ที่เป็นต้นเรื่อง ซึ่งสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล เพราะเกรงกลัวอิทธิพล ดังนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงมอบหมายให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรไปดำเนินการ แต่ประธานกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และคนกดบัตรแทน มีทั้ง ส.ส.พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคร่วมรัฐบาล แล้วจะตรวจสอบกันได้อย่างไร
ดังนั้น เมื่อเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในชั้น ป.ป.ช.แล้ว ก็ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.พร้อมทั้งยกตัวอย่างตัวเองตอนเป็น ส.ส.ขณะนั้นก็มีการชุมนุมกัน ตนก็ลาการประชุมทุกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าไปชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ประธานสภาก็เซ็นอนุญาตถูกต้องเรียบร้อย แต่มีคนไปร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน จนมีการตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบสุดท้ายไม่ขัดต่อหลักจริยธรรม แต่กรณีการเสียบบัตรแทนกันนั้น เป็นการเอาเปรียบสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรวมถึงเป็นการเอาเปรียบประชาชนและเป็นการทรยศต่อประชาชนในเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจในการเข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชน
“การที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสั่งให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการสภาผู้แทนราษฎรเข้าไปตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวนั้น ผมเชื่อว่าไม่สำเร็จ และอาจจะถูกยื้อเวลาออกไปแรมปี จนนำไปสู่ภาวะวิกฤตศรัทธาของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ การทำให้กรณีนี้เป็นแบบอย่างของจริยธรรมทางการเมือง โดยให้ ส.ส.หยุดปฏิบัติหน้าที่ในกรณีที่ ป.ป.ช.รับคำร้องหรือชี้มูลในเบื้องต้นแล้ว และป.ป.ช.ต้องดำเนินการโดยเร็ว”
นายจตุพร กล่าวถึง กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณียุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พยายามทำคำร้องส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้มีการไต่สวนพยาน 17 ปาก แต่ศาลไม่รับคำร้องดังกล่าว เเละที่ผ่านมาในการยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย หรือพรรคมัชฌิมาธิปไตย ศาลตัดพยานออกทั้งหมด และอนุญาตให้พรรคไปแถลงการณ์ปิดคดีตอนเช้า ตกบ่ายศาลตัดสินยุบพรรค
ดังนั้น กรณีของพรรคอนาคตใหม่ การที่ศาลให้ทำบันทึกถ้อยคำพยานส่งให้ศาลภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและขยายให้ถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ แต่ยังคงนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ สะท้อนให้เห็นว่า เป็นการล็อกหัวล็อกท้ายไว้แล้ว ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีดังกล่าวเป็น 2 กรณี ศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 5 คน ต้องพ้นวาระตามกำหนดแล้ว แต่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้เพราะคำสั่งของ คสช.เพื่อรอการสรรหาใหม่มาได้ 4 คน ส่วนกรณีที่ 2 คือก่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพียง 3 วัน แทนที่พรรคอนาคตใหม่จะได้เตรียมตัว กลับต้องมาพะวงกับคดีการถูกยุบพรรค
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่ผลโพลระบุประชาชนให้ความสนใจกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในครั้งนี้ว่า สาเหตุที่คนไทยให้ความสนใจเป็นเพราะต้องการรู้ว่าที่ผ่านมากว่า 5 ปีโดยไม่มีการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี