สว.มติเอกฉันท์215ต่อ0
ผ่านงบ’63แล้ว
‘วิษณุ’เชื่อหลายฝ่ายโล่งอก
ปปช.สั่งเชือด‘จารุพงศ์’
ผิดม.157-หนุนแบ่งแยก
อรรถวิชช์ตั้ง‘พรรคกล้า’
มติ สว.เอกฉันท์ 215 ต่อ 0 ผ่านงบประมาณ’63 จวกเสียบบัตรแทนกันต้นเหตุใช้เงินล่าช้า“วิษณุ”เชื่อหลายฝ่ายโล่งอก คาดมีผลมีนาคม-เมษายน ด้าน “อรรถวิชช์” แจ้งจดตั้ง
“พรรคกล้า” รวบรวมหัวกะทิชิงเก้าอี้ สส.สมัยหน้า ปัดตั้งรอรับสส.พรรคอื่น
ขณะ’ปปช.ชี้มูลความผิด’จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ’อดีตรมว.มหาดไทย-อดีตหน.เพื่อไทย ฐานสนับสนุน นปช.แบ่งแยกประเทศ ส่วน แกนนำนปช.ร่วมปราศรัย ส่งให้ตำรวจ ตามเช็คบิล
เมื่อเวลา 14.00น.วันที่ 14กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมวุฒิสภา โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ทั้งนี้ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ สว.ในฐานะประธานกรรมาธิการงบประมาณฯ ชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องพิจารณาใหม่นั้น เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติใหม่ในวาระ2และ3 เนื่องจากมีกรณีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 13ก.พ.ที่ผ่านมา อีกทั้งสิ่งที่ประธานสภาฯส่งมานั้น มีสาระคงเดิมทุกประการ ดังนั้นสว.จึงต้องพิจารณาให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อไป แต่ไม่สามารถแก้ไขเนื้อหาได้
‘สว.’ลงมติ215ต่อ0ผ่านพรบ.งบ
ทั้งนี้ สมาชิกวุฒิสภา ได้อภิปรายตำหนิพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันที่เป็นต้นเหตุต้องนำมาพิจารณาซ้ำ ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สว.ท้วงติงว่า ปัญหาร่างงบประมาณที่เกิดขึ้นทำให้เสียเวลาประเทศชาติที่รอใช้งบประมาณ กระทั่งเวลา 15.00น.ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน215ต่อ0และงดออกเสียง 6เสียง
ใช้เวลาถก1ชม.-ปท.เตรียมเดินหน้า
จากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณที่ประชุมวุฒิสภาในฐานะตัวแทนของรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่ตั้งใจมาร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย แต่ติดภารกิจเยี่ยมพี่น้องประชาชนที่ จ.นครราชสีมา หลังจากนี้วุฒิสภาต้องเก็บร่างนี้ไว้ 3วันและนายกฯต้องเก็บร่างนี้ไว้อีก 5วัน ก่อนทูลเกล้าฯแต่เนื่องจากงบประมาณปีนี้ล่าช้าจึงต้องใช้เงินจากงบประมาณกลาง 75% และโครงการต่างๆ ยังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ แต่ตอนนี้ถือว่าเร็วกว่าที่คิด รัฐบาลขอยืนยันว่า จะนำเอาสิ่งที่เป็นข้อสังเกตุทั้งหมดไปประมวลร่วมกับข้อสังเกตุของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อไปกลั่นกรอง จากนั้น นายพรเพชร ได้สั่งปิดประชุมในเวลา 15.10น.รวมเวลาพิจารณาประมาณ 1ชั่วโมง
‘วิษณุ’เชื่อหลายฝ่ายต่างโล่งอก
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่สภาฯลงมติในวาระ2และ3ใหม่ว่าตอนนี้ใจชื้นขึ้น เพราะก่อนหน้านั้นคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้เบิกจ่ายเงินตามงบประมาณเก่าไปก่อน แต่ยังไม่ได้เบิกอะไรมากนัก เพราะทุกคนรู้ว่างบประมาณใหม่กำลังจะออกและโครงการต่างๆที่อาจไม่ทันได้คัดเลือกคู่ค้าแต่ยังไม่ได้ลงนามผูกพันสัญญา เมื่องบประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับก็เรียกมาลงนามในสัญญาได้ทันที ซึ่งหน่วยงานหลายแห่งหลายจังหวัดได้ดำเนินการไปแล้ว เป็นการบรรเทาความล่าช้าไปพอสมควร
‘ผมชื่อว่าเป็นความโล่งอกและยินดีของทุกคนทุกฝ่ายไม่ใช่แต่เพียงรัฐบาล รวมถึงประชาชนผู้ประกอบการ บริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างที่เกรงว่า จะไม่ได้รับเงินจะเริ่มดำเนินการได้และโครงการต่างๆก็เริ่มดำเนินการได้เมื่อกฎหมายผ่านสภาฯโดยถูกต้องในชั้นสภาฯแล้ว ช่วงบ่ายวุฒิสภาจะพิจารณาร่างพรบ.งบฯเมื่อแล้วเสร็จ จะมีขั้นตอนกฎหมายที่ต้องทิ้งไว้ 3วัน ก่อนเสนอมาที่รัฐบาลและรัฐบาลมีเวลาอีก 5วัน เพื่อตรวจสอบ จากนั้นจะนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป เมื่อโปรดเกล้าฯแล้วก็จะประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป คาดว่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน’นายวิษณุ กล่าว
รับมือซักฟอกไม่มีติวข้อมูลรมต.
นายวิษณุยังให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่า วันที่ 18กุมภาพันธ์ วิปรัฐบาลจะแจ้งให้ ครม.รับทราบถึงการเตรียมพร้อมการอภิปราย ซึ่งเป็นรายงานไปตามวงรอบในการประชุมแต่ละสัปดาห์ของทางสภาฯ ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องติวเข้มรัฐมนตรีหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้ติว ก่อนหน้านั้นที่มีการเชิญวิปรัฐบาลและรัฐมนตรีที่มีชื่อถูกอภิปรายมาพูดคุยก็ไม่ใช่การติวหรือเตรียมการอะไร แต่เป็นเรื่องการซักซ้อมเรื่องกติกาและขั้นตอนต่างๆมากกว่า
‘อรรถวิชช์’แจ้งกกต.ตั้ง’พรรคกล้า’
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พร้อมด้วยนายวรวุฒิ อุ่นใจ นายกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย นายมนต์ชีพ ศิวะสินางกูร นักแต่งเพลง เป็นตัวแทนเข้ายื่นจดทะเบียนจดจัดตั้ง“พรรคกล้า”ที่ได้รับการโหวตชื่อจากประชาชน 120,000คน มายื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง โดยมีสัญลักษณ์พรรคเป็นลายเส้นรูปกำปั้น ซึ่งสื่อถึงการลงมือทำ โดย นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ที่พรรคชื่อนี้เพราะตั้งใจอยากจะเห็นคนที่มีความสร้างสรรค์ เป็นผู้กล้า ต้องการเปิดพื้นที่ให้คนที่เป็นผู้กล้าเข้ามาสู่การเมืองให้ได้ เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องใช้คนที่มีความรู้จากหลากหลายอาชีพเข้ามาทำงาน โดยพรรคกล้าจะเป็นการรวมกันของคน 3รุ่น รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง รุ่นใหม่ เราเชื่อว่าคนทั้ง 3รุ่น จะเป็นแรงขับเคลื่อนประเทศ จากนี้ตนและนายกรณ์ จาติกวณิช ก็จะรวบรวมรายชื่อให้ได้ผู้ก่อตั้งครบ 500คน โดยจะเดินสายเชิญบุคคลต่างๆในสังคมมาร่วมทำงานการเมือง
ไม่ใช่ไว้รองรับสส.จากพรรคอื่น
“การตั้งพรรคของเราไม่ได้ผูกติดกับการ เมืองเก่า เราอยากได้คนหลากหลายอาชีพ เราตั้งโจทย์ว่าพรรคเราต้องเป็นพรรคที่มีความกระชับ ชัดเจนและมีความเป็นมืออาชีพ ที่ผ่านมาคนที่มีความคิดสร้างสรรค์จะไม่ยอมเข้ามาสู่การเมือง แต่ครั้งนี้เราจะเปิดพื้นที่ให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์กล้าที่จะเข้ามาสู่การเมือง และที่มาตั้งพรรคในขณะนี้ก็ไม่ใช่มารองรับการย้ายพรรคของ สส.ที่อาจเกิดจากการยุบพรรคอนาคตใหม่(อนค.) เพราะเป้าหมายคือ การเลือกตั้งครั้งหน้า’ นายอรรถวิชช์ กล่าว
มุ่งชิงเก้าอี้สส.เลือกตั้งสมัยหน้า
เมื่อถามว่า มีกระแสว่าอาจมี สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ย้ายจากพรรคเดิมมาสังกัดกับพรรคกล้า นายอรรถวิชช์ ย้ำว่าเป้าหมายของพรรคคือการเลือกตั้งครั้งหน้าและการทำพรรคไม่ได้เพื่อรวบรวม สส.เพื่อไปแลกโควต้าอะไรทั้งสิ้น ส่วนจะลงสมัครผู้ว่าหรือไม่ ยังไม่ได้มองไปถึงตรงนั้น เพราะเป้าหมายของพรรคคือการเลือกตั้ง สส.และการเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่งจะต้องคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
‘ชวน’กรีดใจเสาะทิ้งพรรคขาลง
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวตอนหนึ่งในการแสดงปาฐกถา เรื่องการยกระดับพรรคการเมือง ให้เป็นสถาบันทางการเมือง ในงานนำเสนอยุทธศาสตร์ของนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่10 ของสำนักงาน กกต.โดยนายชวน กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคการเมืองดำรงอยู่ได้เพราะคนในพรรคต้องตั้งใจทำงานการเมืองจริงๆ คนเหล่านี้เมื่อประสบปัญหาเขาจะไม่หวั่นไหว ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ ไม่คิดที่จะทิ้งพรรค ไม่ว่าพรรคจะขึ้นหรือจะลงจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ถ้าผู้บริหารพรรคใจเสาะก็คงคิดว่า พรรคไปไม่รอดแล้ว เลยทิ้งพรรคไป
‘คนออกไปจากพรรคเกือบหมด นายสมัคร สุนทรเวช ก็ออกไปตั้งพรรคใหม่ กก.บห.ก็ตามออกไป ผมเป็นคนหนึ่งที่ถูกชวนให้ออกไป แต่ได้ปฏิเสธ ขอยืนหยัดอยู่กับพรรค เพราะคิดแบบคนบ้านนอก จริงใจ จริงจัง คิดแค่ว่าถ้าสิ้นสุดพรรคประชาธิปัตย์ไปจริงๆตอนนั้น ผมคงกลับไปเป็นทนายความ ไม่เคยคิดที่จะไปตั้งพรรคใหม่ เมื่อตัดสินใจทำงานการเมืองในระบบนี้ก็ต้องยืนหยัดแบบนี้’นายชวน กล่าว
ปปช.เชือด’จารุพงศ์’หนุนแบ่งแยก
วันเดียวกัน นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ปปช.ว่า ที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิด นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กรณีปราศรัยในงาน“นปช.ลั่นกลองรบ”ที่อาคารลิปตพัลลภฮอลล์ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ80พรรษา จ.นครราชสีมาถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีการยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความไม่สงบในประเทศ โดยพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าวันที่ 23ก.พ.2557กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดชุมนุมใช้ชื่อว่า นปช.ลั่นกลองรบ ภายในสนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ80พรรษา มี นายจารุพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา กับพวก13ราย ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย ถ่ายทอดสดโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทั่วประเทศ ลักษณะปราศรัยแบ่งแยกประเทศ ยุยงให้รวมตัวเข้าปิดล้อมองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งนายจารุพงศ์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรักษาการ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางถึงที่ชุมนุม รับทราบแนวทางของกลุ่ม นปช.และกล่าวปราศรัยด้วยถ้อยคำลักษณะเห็นด้วยตามแนวทางของ นปช.ซึ่งพร้อมสนับสนุน หรือส่งเสริมให้ผู้ร่วมชุมนุมกระทำการตามแนวทางของแกนนำ นปช.ปราศรัยจึงอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เกิดความขัดแย้งแตกแยกและมีลักษณะแบ่งแยกประเทศ ตามที่กล่าวปราศรัยไปก่อนหน้านี้
หลังปราศรัยดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลนำป้ายผ้าไวนิลในลักษณะขอแบ่งแยกประเทศ เป็นประเทศล้านนาไปติดประกาศในสถานที่ต่างๆเช่นที่จ.พิษณุโลก เชียงราย พะเยาและกทม.ซึ่งฝ่าฝืนบทบัญญัติกฎหมายและมีกลุ่มบุคคลถูกดำเนินคดีด้วย นอกจากนี้ยังจัดชุมนุมลักษณะเดียวกันที่สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรราชธานี ใช้ชื่อว่า นปช.ลั่นกลองรบครั้งที่1 กล่าวปราศรัยโจมตีองค์กรอิสระและคำตัดสินขอศาลแพ่ง พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า อาจเคลื่อนกำลังพลเข้าไป กทม.
ชี้ผิดกฎหมายอาญาม.157-116
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายจารุพงศ์ ในฐานะรักษาการ รมว.มหาดไทย มีหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข การรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน อำนวยความเป็นธรรมของสังคม และความมั่นคงภายใน แต่กลับปราศรัยยุยงส่งเสริม กระทำการตามแนวทางของ นปช.ตามข้อเสนอมุ่งก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นภายในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157และ116(1) (3)
ส่งแกนนำนปช.ให้ตำรวจเช็คบิล
สำหรับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นรวม 13ราย เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เข้าร่วมชุมนุมและกล่าวปราศรัยนั้น เป็นเรื่องนอกหน้าที่ราชการ และกรณีของผู้ถูกกล่าวหาอื่นที่มิได้มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าพนักงานของรัฐนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้แจ้งข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
‘ธนาธร’ซักฟอก รบ.พินอคคีโอ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า เราเตรียมอภิปรายใช้รหัสว่า‘โปรเจ็กต์ พินอคคีโอ’เพราะตัวละครพินอคคีโอคือตัวละครที่ทำผิดซ้ำซากและพยายามปกปิดความผิดไปเรื่อยๆจนเรื่องบานปลาย เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เราต้องการใช้การอภิปรายในครั้งนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพาประเทศไทยไปผิดทาง เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนและสภา เห็นความล้มเหลวและเหตุผลควรลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี