สังคายนากองทัพ
‘บิ๊กตู่’สั่งป้องกันเหตุซ้ำรอย
เร่งจ่ายเยียวยาจบใน7วัน
บิ๊กแดงลุยธุรกิจค่ายทหาร
ฟันไม่เลี้ยงกำลังพลมีเอี่ยว
“วิษณุ” เผย “บิ๊กตู่” กำชับจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ-ได้รับผลกระทบ เร่งเบิกจ่ายให้ครบทุกรายภายใน 7 วัน พร้อมสั่งสังคายนาป้องกันเหตุร้ายซ้ำรอย ขณะที่ “บิ๊กแดง” สั่งฟันไม่เลี้ยง กำลังพลที่มีเอี่ยวธุรกิจในค่ายทหาร สั่ง เจ้ากรมสวัสดิการ ทบ.เช็คด่วน หากพบสั่งระงับโครงการทันที ด้านญาติเข้ารับศพ’จ่าคลั่ง’เงียบๆนำกลับไปเผาที่บ้านเกิด
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา นายทหารสังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ปล้นอาวุธไปก่อเหตุสังหารประชาชนและเจ้าหน้าที่ กลางเมืองนครราชสีมา ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก กล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาในส่วนของรัฐบาลตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณารายละเอียดต่างๆให้เรียบร้อย โดยให้เบิกจ่ายตั้งแต่วันที่15 กุมภาพันธ์นี้ ทันที และให้เร่งเบิกจ่ายให้กับผู้สูญเสียทั้งหมดให้ครบภายใน 7 วัน เพราะผู้เสียชีวิตบางรายเป็นหัวหน้าครอบครัว จะได้บรรเทาเยียวยาความเดือดร้อนไปได้
“นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงและกำชับให้เร่งจ่ายเงินโดยเร็ว ให้ทั่วถึง โปร่งใส และอย่าให้รั่วใหล ผู้เสียหายสามารถตรวจสอบได้ และผมได้กำชับไปแล้วให้พิมพ์รายชื่อทุกคน ทุกรายการเบิกจ่ายและรายละเอียดต่างๆสำหรับผู้ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตไว้ให้ครบ ห้ามตกหล่น” นายวิษณุ กล่าว
รบ.จ่ายเงินเหยื่อกราดยิง17ก.พ.นี้
ต่อมา เวลา 14.00 น. นายเทวัญ ลิปตภัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ในที่ประชุมมีมติจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 27 ราย ไม่ครอบคลุมผู้ก่อเหตุและคู่กรณี 3 ราย รายละ 1 ล้านบาท ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท และผู้บาดเจ็บไม่สาหัส รายละ 100,000 บาท คาดว่าจะใช้เงินทั้งสิ้นประมาณ 37 ล้านบาท แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 27 ล้านบาท และผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ล้านบาท โดยวงเงินดังกล่าวจะส่งไปยังจังหวัดนครราชสีมาให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บริหารจัดการ ซึ่งวงเงินนี้ยังไม่รวมกับเงินบริจาค และสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานต่างๆ ที่แต่ละรายจะได้รับจากหน่วยงานต้นสังกัด อย่างไรก็ตาม คาดจะส่งเงินให้กับทางจังหวัดได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ และจะมอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ทันที ขณะที่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจะได้รับมอบเงินอย่างช้าไม่เกินวันที่ 18 กุมภาพันธ์
‘บิ๊กตู่’สั่งสังคายนากองทัพป้องซ้ำรอย
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ไปร่วมงานสวดพระอภิธรรมศพ และงานพระราชทานเพลิงศพ ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา และได้สัมผัสรับรู้ถึงความรู้สึกโศกเศร้าสูญเสียของครอบครัวและญาติมิตรผู้เสียชีวิต โดยได้พูดคุยปลอบขวัญและให้กำลังใจแก่ครอบครัว พร้อมกับย้ำว่าจะดูแลอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเห็นลูกหลานที่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าก็ยิ่งสะเทือนใจ ล่าสุดได้แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำถึงการป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นอีก โดยให้ความสำคัญกับต้นตอของปัญหาที่อาจเกิดจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ จึงต้องสังคายนาให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพกำลังดำเนินการอยู่ ขณะเดียวกันได้กำชับให้ทุกส่วนราชการไปติดตามดูแลเรื่องสภาพความเป็นอยู่และสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องเหมาะสม เป็นธรรม
“บิ๊กแดง”สั่งฟันธุรกิจในค่ายทหาร
มีรายงานจากกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ได้สั่งการไปยัง พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกำชับให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา นอกจากนี้ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 ชุด โดยชุดแรกจะให้ พล.ต.ราชิต อรุณรังษี เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก เข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับสวัสดิการของกำลังพล ร้านค้าสวัสดิการ รวมถึงธุรกิจในค่ายทหารทั้งหมด ซึ่งหากพบผิดปกติจะต้องรายงานให้ทราบทันที ส่วนชุดที่ 2 ให้ พล.ท.อยุทธ์ ศรีวิเศษ เจ้ากรมกำลังพลทหารบก รับผิดชอบในการดำเนินการกับกำลังพลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ มีส่วนใดส่วนเสียกับธุรกิจในค่ายทหาร
นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังย้ำให้ตรวจสอบทุกโครงการภายใต้การขับเคลื่อนงานของกองทัพบก ซึ่งหากพบข้อพิรุธหรือผิดปกติ จะสั่งให้ยุติทันที ซึ่งเบื้องต้นทางเจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ได้รายงานเกี่ยวกับธุรกิจในค่ายทหารให้กับผู้บัญชาการทหารบกแล้ว โดยได้รับรายงานจากทุกกองทัพภาค พบว่ามีธุรกิจในค่ายทหารที่จะต้องบูรณาเป็นเชิงพาณิชย์ รวมประมาณกว่า 40 แห่ง ซึ่งในวันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ ผบ.ทบ. จะได้ร่วมลงนามกับกระทรวงการคลัง และกรมธนารักษ์ รวมถึงจะชี้แจงผลคืบหน้ารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดระเบียบพื้นที่ต่างๆ ของกองทัพบก ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์รับเรื่องร้องเรียนที่กำลังพลได้รับผลกระทบ
ทบ.พร้อมช่วยทหารชั้นผู้น้อย
ขณะที่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม งัดหลักฐานและข้อความจากนายทหารชั้นผู้น้อยรายหนึ่งระบุว่าเปิดหลักฐานโครงการบ้านสวัสดิการบ้านทหารชั้นผู้น้อย จ.ลพบุรีเป็นหลักฐานที่มีทั้งเงินทอนและเงินค่าดำเนินการที่มีคนอมไปจากทหารชั้นผู้น้อยว่า กองทัพบกยินดีรับฟังข้อมูล และหากนายอัจฉริยะส่งเรื่องนี้มา หรือจะเป็นกำลังพลที่ได้รับความเดือดร้อนส่งเรื่องมาที่กองทัพบกก็จะรับเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ เพราะถือเป็นนโยบายของกองทัพบก และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ไม่ต้องการให้ใครมาแสวงหาผลประโยชน์ หรือสร้างความเดือดร้อนให้กับกำลังพลของเรา
แจงตรวจสุขภาพจิตกำลังพลทุกปี
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ ยังกล่าวถึงการตรวจเช็คสุขภาพจิตกำลังพล ในการตรวจสุขภาพประจำปี จะมีทีมแพทย์ เป็นผู้ตรวจและให้คำแนะนำ โดยมีการตรวจด้านความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย ตรวจเลือด ตรวจสายตา เอ็กซ์-เรย์ปอด และ การประเมินสภาพจิตใจเบื้องต้น หากผลการตรวจร่างกายพบความเสี่ยงหรือพบว่ามีโรค แพทย์ก็จะแนะนำหรือส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามขั้นตอนของโรคต่อไป ถ้าพบสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับด้านจิตใจ ก็จะแนะนำให้กับกำลังพลนั้น ไปตรวจหรือรับการประเมินเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง ด้านความเครียดที่อาจเกิดขึ้น ในขณะปฏิบัติงาน การสังเกตพฤติกรรมโดยผู้ร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา ก็เป็นสิ่งที่หน่วยให้ความสำคัญและดูแลกำลังพลอยู่แล้ว
ญาติรับศพจ่าคลั่งกลับไปเผาที่บ้านเกิด
พล.ต.ต.สุจินต์ นิจภานิชย์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ในวันนี้ทางญาติของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ ผู้ก่อเหตุ ได้มาติดต่อพนักงานสอบสวนและขอรับศพ ออกไปจากห้องเย็นนิติเวช รพ.มหาราชนครราชสีมา เพื่อนำกลับไปทำพิธีกรรมตามศาสนาที่ จ.ชัยภูมิ โดยทางญาติไม่ได้ให้ข้อมูลหรือรายละเอียดมากนัก เพราะกลัวกระแสต่อต้านกลับมารุนแรงอีก โดยญาติขอร้องและวิงวอนให้อย่ามีการต่อต้านอีกเลย
พล.ท.ธัญญา แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าไม่ได้นำร่างของ จ.ส.อ.จักรพันธ์ กลับเข้าค่ายทหารตามกระแสข่าว โดยเข้าใจว่า ครอบครัวได้นำไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.ชัยภูมิ และมีการฌาปนกิจไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนการตรวจสอบผู้บังคับหน่วยที่อาจมีเกี่ยวข้องกับการซื้อขายที่ดินนั้น ในภาพใหญ่กำลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบรายละเอียด แต่ข้อเท็จจริงแล้วบ้านดังกล่าวอยู่นอกหน่วยทหาร และไม่ใช่บ้านสวัสดิการของกองทัพ ยืนยันว่าเป็นคนละส่วนกัน เป็นเรื่องของคนที่ไปจัดสรรข้างนอก และกำลังพลของเราอยากได้ บางคนก็ไปกู้เงินจากข้างนอก บางคนก็ไปกู้เงินจากสวัสดิการของกองทัพบกที่มีให้
สธ.ตั้ง’คลินิกหมอใจ’ดูแลชาวบ้านฟรี
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีรมสุขภาพจิต กล่าวถึงความคืบหน้าการดูแลด้านจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิง ที่ จ.นครราชสีมา ว่า ผลการดำเนินงานของทีมเยียวยาจิตใจในภาวะวิกฤติ (MCATT) สะสมตั้งแต่วันที่ 8-13 กุมภาพันธ์ พบผู้ที่มีความเครียดสูง ต้องได้รับการดูแลจิตใจอย่างต่อเนื่องรวม 274 คน คิดเป็นร้อยละ 13.09 ของจำนวนที่ได้รับการตรวจทั้งหมด 2,093 คน โดยในวันนี้ ได้ปรับแผนการทำงาน 2 ส่วนคือ 1.ตั้งคลินิกหมอใจภาคสนาม ประจำที่ห้างเทอร์มินอล 21 คล้ายเป็นรพ.จิตเวชขนาดย่อย ตั้งอยู่ที่ชั้น G ของห้าง จัดผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ทั้งจิตแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาลจิตเวช เภสัชกร เป็นต้น เพื่อบริการทั้งตรวจความเครียด ปรึกษาปัญหาทางจิตใจต่างๆ ฟรี และ 2.เร่งขยายผลบริการให้ครอบคลุมชุมชนในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ สามารถโทรศัพท์ขอรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญที่ รพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ หมายเลข 044-233-999 หรือที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี