'พงศกร'ลั่นระบบกองทัพเละเทะ ผลพวงมาจาก ‘รัฐประหาร’
วันเสาร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563, 18.31 น.
‘พงศกร’ ลั่น หากปฏิรูปกองทัพ จะไม่เกิดเหตุกราดยิงโคราช ชี้ ระบบกองทัพเละเทะ เป็นผลพวงจาก ‘รัฐประหาร’
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 16.30 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา พรรคอนาคตใหม่ จัดกิจกรรมจากโคราชสู่การปฏิรูปกองทัพ ร่วมแสดงออกถึงความหวังของประชาชนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในกองทัพ โดยในช่วงแรกได้อ่านรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง และร่วมยืนไว้อาลัยสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที
พล.ท.พงศกร รอดชมภู กล่าวว่า เราต้องการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสังคม หลายคนอาจจะเห็นว่าการปฏิรูปกองทัพเป็นเรื่องไกลตัว แต่เหตุการณ์ที่โคราชพิสูจน์แล้วว่า หากเกิดการปฏิรูปกองทัพก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ที่โคราชจะไม่เกิดขึ้น พรรคอนาคตใหม่เห็นว่า การปฏิรูปกองทัพเป็นเรื่องสำคัญ จากงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า 70 ปี หลังการรัฐประหารไม่มีประเทศไหนเลยที่มีเศรษฐกิจดีขึ้น นั้นแปลว่า การรัฐประหารนำมาซึ่งความลำบากยากแค้น สิ่งที่เกิดความขัดแย้งขึ้นทั่วโลก เป็นผลพวงจากสังคมเก่า ที่ไม่ยอมปรับตัว ไม่ยอมเปลี่ยน ผ่านการใช้อำนาจอาวุธ เมื่อไม่ยอมเปลี่ยน มันจะเกิดสงคราม เมื่อคุณใช้ความคิดแบบสมัยก่อนที่บอกว่านายสั่งคือถูกต้อง ระเบียบ กฎหมายไม่เกี่ยว หรือมาตราฐานสากล นั่นคือคนโบราณสมัยอยุธยา
รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช สืบเนื่องจากกำลังพลชั้นผู้น้อยต้องการบ้าน หรือที่อยู่อาศัย เราต้องตรวจสอบว่ามีปัญหาเรื่องเงินทอนหรือไม่ สมมติเราเอาที่ดินของกองทัพที่มีอยู่ 7 ล้าน 5 แสนไร่ แล้วเอามาทำอะไรที่มาสร้างรายได้ ซึ่งจะทำให้เกิดเงินเหลือ แล้วนำไปช่วยสวัสดิการชั้นผู้น้อย เอาไปซื้อโฉนด แล้วให้ทหารชั้นผู้น้อยผ่อนระยะยาว หากทำแบบนี้ก็จะไม่มีการโกงกัน ถ้าเราทำเรื่องนี้ได้ความคับแค้นจะไม่เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุคับแค้นใจจนระเบิด เพราะเมื่อเขาถูกเอาเปรียบก็ไม่รู้ว่าจะไปฟ้องใคร เพราะหากฟ้องอาจต้องถูกโดนเข้าคุก คือทุกอย่างมันเกิดจากระบบรัฐประหารที่เอาคนของตัวเองที่ไว้ใจมาวางไว้ในตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าคนนั้นจะทำดีหรือไม่ดี ก็ต้องอุ้มไว้ไม่เช่นนั้นจะรัฐประหารต่อไม่ได้ เมื่อไม่เห็นทางออก หรือไม่มีที่พึ่งเขาจึงต้องระเบิด หากมีช่องเหมือนทหารสมัยใหม่ ก็จะไม่มีปัญหานี้เลย ทั้แต่ทั้งหมดมันเป็นระบบศักดินาที่พวกคุณเป็นไพร่ ทำตามนายต้องการ
รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เกิดเหตุการณ์ในค่ายทหารประมาณ 50 นาที ตนวิเคราะห์ว่า เหตุเริ่มต้นจากการยิงข้างหลังทหาร แสดงว่าคนนี้มีฝีมือ แต่ยิงเพื่อนทหารจากข้างหลัง แบบนี้ทหารฝรั่งเขาไม่ทำ เขาจะไม่ยิงข้างหลังแม้คนนั้นจะเป็นศัตรู เขาก็จะไม่ยิง และไม่ยิงพลเรือน เพราะเขาได้รับการฝึกให้เป็นทหารอาชีพ ซึ่งจะไม่ยิงคนปราศจากอาวุธ เราต้องใส่การฝึกเช่นนี้เข้าไป คุณอาจจะแค้นคนนี้ แต่คุณเป็นทหาร คุณจะไม่ทำ เราต้องสร้างขึ้นมา แล้วการยึดอำนาจ ที่ข่มขู่ประชาชนจะไม่เกิดขึ้น จากนั้นหลังเกิดเหตุยิงในค่ายทหารก็ยังไม่ทำอะไรคืบหน้า เพราะรอนายสั่งการ ซึ่งนายตายไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พระนเรศวรมหาราชชนช้างกับพระมหาอุปราชา เมื่อพระมหาอุปราชา แพ้จึงแพ้ทั้งค่าย แต่สมัยใหม่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะนายไปรองมี นายไปรองมี คือทำงานตามหน้าที่ หากนายทหารเวรเห็นแล้วสั่งปิดค่าย ความเสียหายจะไม่เกิด
“สุดท้ายเรามาเพื่อจะบอกว่า สิทธิเสรีภาพที่คุณเอาไป แล้วกำลังจะมีการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้ทำให้เรามีเงินมีทอง เรารู้สึกคับแค้นใจ มันคือความจริง เราอย่าเดินตามผู้นำ ต้องอยู่ด้วยตัวเอง ดังนั้นของให้เราช่วยกันรักษาสิทธิเสรีภาพของตัวเอง และประธิปไตยจะมาเอง” พล.ท.พงศกร กล่าว