21กพ.ชี้ชะตาอนค.
ศาลรธน.ยันไม่เลื่อนวินิจฉัย
‘ปิยบุตร’เชื่อรอดถูกยุบ
อ้างมีหลายพรรคก็กู้เงิน
ศาลรัฐธรรมนูญยัน 21 กุมภาพันธ์ ชี้ชะตา “อนาคตใหม่”จะถูกยุบหรือไม่ ปมเงินกู้ 191 ล้าน ไม่มีการเลื่อนพิจารณาเตือนสื่อปฏิบัติตามระเบียบ ด้าน“กกต.”แจงแม้“พล.ท.พงศกร” ยื่นลาออกจากพรรค ต้องสิ้นสภาพสส.และถูกตัดสิทธิ์การเมืองอยู่ดี ขณะที่‘ปิยบุตร’โพสต์จะมีสถานะสส.หรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ศาลตัดสิน มั่นใจพรรคไม่ถูกยุบ ขณะที่’ปชป.’ตามขย่ม อย่าใช้ลูกไม้เก่า ปลุกมวลชนกดดันศาล ชี้ไม่เกิดผลดีต่อประเทศ
เมื่อวันที่ 17กุมภาพันธ์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล สส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซสบุ๊กหัวข้อ“ทำทุกวันให้เสมือนเป็นวันสุดท้าย” โดยระบุว่า “จนกระทั่งถึงวันนี้ ผมยังมั่นใจว่าพรรคอนาคตใหม่จะไม่ถูกยุบ เพราะไม่ว่าจะพิจารณาจากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ไม่มีเหตุตามกฎหมายใดเลยที่จะยุบพรรค อนค.ได้ ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายมาตราใด ข้อใด ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองกู้เงิน หาก พรป.พรรคการเมืองต้องการมิให้พรรคการเมืองกู้เงินก็ต้องกำหนดไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกพรรคทราบล่วงหน้า ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน มีพรรคการเมืองจำนวนมากที่กู้เงิน พรรคการเมืองหลากหลายประเทศก็กู้เงิน เงินกู้ มิใช่ รายได้ แต่เป็นหนี้สิน จึงไม่เข้าข้อจำกัดตามที่ พรป.พรรคการเมืองกำหนดที่มาของรายได้ของพรรคการเมือง เงินกู้ มิใช่เงินบริจาคและมิใช่ประโยชน์อื่นใด พรรคอนาคตใหม่มีสัญญาเงินกู้ชัดเจน เมื่อกู้มาแล้วเป็นหนี้สิน พรรคต้องชำระหนี้คืนและได้ทยอยชำระหนี้คืนไปบางส่วนแล้ว เงินกู้ มิใช่เงินที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มิใช่เงินสกปรก มิใช่เงินจากการทำผิดกฎหมาย
‘ปิยบุตร’รอศาลตัดสินปมเงินกู้
“อย่างไรก็ตาม ปากกาไม่ได้อยู่ที่ผม แต่ปากกาอยู่ในมือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นในท้ายที่สุด การยุบพรรคอนค.จะเกิดขึ้นหรือไม่ จึงอยู่ที่อำนาจตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญและด้วยปรากฏการณ์ยุบพรรค ในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา ก็ย่อมทำให้คนจำนวนมากคาดการณ์ไปต่างๆนานาถึงชะตากรรมของพรรคอนค.ที่อยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ สตีฟ จอบส์ เคยบอกไว้ว่า ผมมองกระจกทุกเช้าและถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ผมยังจะทำสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้หรือเปล่าและเมื่อไรที่คำตอบคือไม่ ผมรู้ทันทีว่าผมต้องเปลี่ยนแปลง หากเราตระหนักว่าในแต่ละวัน อาจเป็นวันสุดท้าย แล้วเรายังคงเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำในแต่ละวันนั้นถูกต้อง สอดคล้องกับมโนธรรมสำนึกและเป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เราก็จำต้องเร่งลงมือทำสิ่งเหล่านั้น ทำทุกวันให้เสมือนเป็นวันสุดท้าย นับตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่ ผมเร่งทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างหนักหน่วงเต็มที่’ นายปิยบุตร ระบุ
ปชป.ชี้ปลุกมวลชน-ล้มหลักปชต.
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊คเรื่อง”เมื่อธนาธรเดินซ้ำรอย ทักษิณ”มีเนื้อหาระบุว่า เห็นข่าวล่ารายชื่อประชาชนเพื่อคัดค้านการยุบพรรคอนค.ปมเงินกู้ 191ล้านแล้วไม่สบายใจ เชื่อว่ากำลังมีความพยายามสร้างกระแสให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งเป็นอันตรายต่อหลักการถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตย การเอาจำนวนประชาชนมากดดันศาลไม่ใช่เพิ่งเกิดครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในยุคที่ นายทักษิณ ชินวัตร มีปัญหาเรื่องซุกหุ้น ซึ่งชะตากรรมของคนพยายามทำลายระบบเพื่อตัวเอง สุดท้ายจบไม่สวย ไม่สามารถใช้ชีวิตในประเทศไทยได้ เนื่องจากทำผิดกฎหมาย ต้องหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ
ซัดเห็นแก่ตัว-เลือกแต่สิ่งที่ถูกใจ
“ขอเตือนว่าอย่าทำอะไรที่ซ้ำรอย นายทักษิณ เพราะถ้านายธนาธรและพรรค อนค.มีเจตจำนงต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปในทิศทางที่ดีขึ้น ต้องเคารพหลักการถ่วงดุลอำนาจ ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำงานอย่างอิสระในการพิจารณาคดีตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งการที่ศาลจะวินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมืองใด ย่อมต้องมีเหตุผลทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรองรับ ขอให้เชื่อมั่นเพราะพิสูจน์มาแล้วในคดีที่พรรค อนค.ไม่ผิด ศาลก็เคยยกคำร้อง อย่าเลือกถูกใจเฉพาะคดีที่ได้ประโยชน์ เพราะเท่ากับไม่ยึดหลักกฎหมายไม่เคารพกติกาขอย้ำว่า การล่ารายชื่อคัดค้านยุบพรรค นอกจากจะหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดอำนาจศาลแล้ว ยังสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้อง เพราะต่อไปคดีใดหากต้องการให้สมประโยชน์ก็ออกมาปั่นกระแสล่ารายชื่อคัดค้านกดดันศาลให้ตัดสินตามใจพวกตน แล้วจะมีศาลไว้ทำไม ขอย้ำให้ นายธนาธรกับพวก พึงสำเหนียกว่าการปั่นกระแสทำลายฝ่ายตุลาการเพียงเพื่อเอาตัวรอด เป็นพฤติกรรมของคนเห็นแก่ตัว ที่ไม่มีคุณค่าพอจะมาเสนอหน้าอวดตัวเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาพลิกฟื้นประเทศ เพราะสิ่งที่ทำมีแต่จะทำให้บ้านเมืองติดหล่ม ร้าวลึก ไม่ต่างจากยุควิกฤตการเมืองในอดีต” นายเชาว์ กล่าว
แจงกู้เงินต้องถูกนายทุนครอบงำ
นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ พยายามกดดันศาลรัฐธรรมนูญในการวินิจฉัยปมเงินกู้ 191ล้านบาทว่า ตนเห็นว่า ประเด็นนี้เป็นที่แน่ชัดในข้อกฎหมายอยู่แล้ว เพราะกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองก็มีเจตนาที่สำคัญว่า พรรคการเมืองที่แท้จริงจะต้องให้ทุกคนที่เป็นสมาชิกพรรค มีสิทธิ์มีเสียงในการบริหารงานเท่าๆกัน ไม่ใช่ให้ใครคนใดคนหนึ่งหรือคนไม่กี่คน ทุ่มเงินลงไปเพื่อที่จะได้มีสิทธิ์มีเสียงที่จะกำหนดทิศทางพรรคได้มากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นการกู้เงินแล้ว
ความสัมพันธ์ของคนในพรรคก็จะไม่เท่าเทียมกัน เพราะต้องคอยหาเงินเพื่อมาใช้หนี้ ซึ่งถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่สมควรในการทำงานทางการเมืองอย่างยิ่ง
ซ้ำรอยอดีตไม่ยอมรับอำนาจศาล
นายชัยชนะกล่าวต่อว่า ทั้งนี้กรณีที่เกิดขึ้น จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าตัวหัวหน้าพรรคไม่มีอาการ ปากไม่มีหูรูด เพราะถ้าไม่พูดก็จะไม่มีใครเอาไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณา รวมทั้งการกระทำที่ผ่านๆมา ตนเชื่อว่า ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่บางส่วน คงจะตั้งข้อสงสัย เพราะเป็นการทำงานการเมืองแบบเดิมๆ ที่คนส่วนหนึ่งรู้สึกเบื่อหน่าย และก่อให้เกิดปัญหาในบ้านเมืองดังเช่นที่แล้วมา ดังนั้น ตนเห็นว่า แกนนำพรรคอนาคตใหม่และผู้สนับสนุนควรกลับมาทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นว่า สาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร ไม่ใช่มัวแต่กล่าวหากฎหมายหรือกระบวนการที่ตรวจสอบ เพราะองค์กรเหล่านี้จะไม่มีอำนาจเลย ถ้าหากไม่มีการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือผิดรัฐธรรมนูญ“ผมไม่นึกว่า พวกเขาจะใช้วิธีแบบนี้ เพราะพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองบางรายในอดีต ก็เคยใช้วิธีนี้บ่อยครั้ง จนประกาศเป็นเรื่องเป็นราวว่า ไม่ยอมรับอำนาจศาลฯนั้น ที่สุดแล้ว พวกเขาก็ยอมรับคำตัดสินในสิ่งที่ศาลฯ ได้วินิจฉัยเอาไว้ ดังนั้น ผมจึงขอแนะนำว่า ขอให้หยุดการกระทำเหล่านั้น เพราะนอกจากไม่เป็นผลดีต่อพรรคแล้ว ประเทศชาติและประชาชนก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรจากวิธีการดังกล่าวด้วย”นายชัยชนะกล่าว
‘พล.ท.พงศกร’ลาออกถูกตัดสิทธิ์อยู่ดี
รายรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า กรณี พล.ท.พงศกร รอดชมภู หนึ่งในกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค อนค.ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่งกก.บห.นั้น หากในวันที่ 21ก.พ.หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินยุบพรรคอนค. พล.ท.พงศกร นอกจากต้องสิ้นสภาพ สส.แล้วจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองอยู่ดี เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาความผิดโดยยึดรายชื่อกก.บห.ณ วันที่มีการกระทำความผิด ซึ่งขณะนั้น พล.ท.พงศกร ยังคงมีชื่อเป็นกก.บห.
ศาลยัน21กพ.วันชี้ชะตาพรรคอนค.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำนักประชาสัมพันธ์ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งในกลุ่มไลน์ผู้สื่อข่าวประจำศาลรัฐธรรมนูญ ถึงกำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่ กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ในวันศุกร์ที่ 21กุมภาพันธ์ เวลา 15.00น.ทั้งนี้ ได้แจ้งให้ทราบแนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชน ว่า ในการอ่านคำวินิจฉัยศาลจะถ่ายทอดโทรทัศน์วงจรปิดลงมาบริเวณห้องรับรองสื่อมวลชน และโถงชั้น2 ขอความร่วมมือสื่อมวลชนทุกคนปฏิบัติตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล พ.ศ.2562 เช่น กรณีสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว ขอความร่วมมือสัมภาษณ์นอกเขตที่ทำการศาล และขอความร่วมมืองดเว้นการถ่ายภาพ บันทึกภาพและเสียง หรือกระทำอย่างอื่นในทำนองเดียวกันในที่ทำการศาล
‘องอาจ’นัดติวสส.รับมือศึกซักฟอก
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า พรรคปชป.ได้นัดประชุม สส.ในวันที่ 18กุมภาพันธ์ เพื่อเตรียมประชุมสภาวาระปกติและเตรียมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจสัปดาห์หน้า ถึงแม้รัฐมนตรีของพรรคไม่มีชื่อถูกอภิปราย แต่พรรคต้องเตรียมพร้อมเพราะการอภิปรายอาจพาดพิงมาถึงการทำงานของรัฐมนตรีในสังกัดพรรคปชป.รัฐมนตรีทุกคนต้องพร้อมชี้แจง การลงมติหลังเสร็จสิ้นการอภิปราย สส.ทุกท่านต้องเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียงกัน เพื่อลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ ใครเจ็บป่วยหนักไม่สามารถมาร่วมลงมติได้ ต้องแจ้งให้พรรคทราบก่อนวันลงมติ เพื่อที่พรรคจะได้ตรวจสอบจำนวนเสียงที่จะลงมติว่า มีแน่นอนเท่าไหร่ มั่นใจว่าการอภิปรายจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีอุปสรรคอะไร คิดว่ารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆได้ เพราะส่วนมากเป็นเรื่องเก่าๆที่เคยโจมตีรัฐมนตรีมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐมนตรีน่าจะทำการบ้าน เก็งข้อสอบตอบปัญหาได้ โดยภาพรวมแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกระทบกระเทือนรัฐบาล
‘กรณ์’เปิด4ข้ออุดมการณ์’พรรคกล้า’
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช ผู้ร่วมก่อตั้ง’พรรคกล้า’โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาว่า’14กพ.ที่ผ่านมา เราได้จดจองชื่อพรรคตามกฎหมาย ขณะนี้กำลังรอกกต.พิจารณาเพื่อรับรอง ถึงจะนำไปสู่การตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ รวมถึงการรับสมัครสมาชิกพรรค ตอนนี้พวกเรากำลังรวบรวมผู้ก่อตั้งให้ครบ 500 คนเพื่อเปิดประชุมใหญ่ เลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารต่อไปครับ เรามุ่งรวมพลคนมีของ มืออาชีพ คนทำงานจากทั่วประเทศยึด4หลักการ คือ 1.ปฏิบัตินิยม เน้นลงมือทำจริง มุ่งหน้าทำงาน ยึดความก้าวหน้าอย่างมั่นคงของชาติเป็นที่ตั้ง #เรามาเพื่อลงมือทำ 2.โครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ ประเทศไทยต้องก้าวให้ทันโลกยุค Disruption ด้วยการใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด #GovTechForPeople 3.รวมไทยให้เข้มแข็ง ไม่ว่าจะรุ่นใหญ่ กลาง หรือใหม่ กลุ่มไหน ภูมิภาคใด ทุกภาคส่วน ทุกเพศ ทุกวัย ต้องเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน #PolicyForAll 4.Platform รวมผู้กล้ามืออาชีพ หมดยุคที่นักการเมืองจะเป็นคนที่กำหนดทุกอย่าง เราจึงเป็นศูนย์กลางที่รวมคนเก่งในแต่ละด้านมาทำงานร่วมกัน #รวมพลคนมีของและที่สำคัญที่สุด”กล้า”ยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการทำงานเพื่อสร้างการพัฒนาที่ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อประเทศชาติ ศาสนาและเทิดทูนไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ผมคนหนึ่งที่จะให้คำมั่นว่า พวกเราจะยึดหลักการเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้ผลสำเร็จเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงเพื่อประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศไทยของพวกเราทุกคน กล้า. #เรามาเพื่อลงมือทำ’
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี