‘ปิยบุตร’ ชิงแถลงปิดคดีเงินกู้ ชี้พรรคตั้งใหม่ต้องระดมทุน แต่ไม่มีปัญญาจัดโต๊ะจีน อ้างงานวิจัยนักวิชาการ ระบุพรรคเป็น“นิติบุคคลเอกชน” อ้างกกต.ไม่เคยบอก ห้ามกู้เงิน ย้ำไม่ใช่รายได้ แต่เป็น “หนี้สิน” ยกรัฐธรรมนูญ “ม.210” ยุบพรรคไม่ได้ วอนอย่าใช้ “นิติสงคราม” ตอกลิ่มความแตกร้าว นัดโชว์พลังเปิดรับสมัครสมาชิกวันตัดสินคดี ลั่นหนังเรื่องนี้จะไม่เหมือนเดิม
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีนอกศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่ ก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีในวันที่ 21 ก.พ. โดยระบุว่า พรรคอนาคตใหม่ได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2561 และเปิดรณรงค์การรับสมาชิกพรรคและระดมทุนและรับบริจาคทันที เหตุที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพราะกฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้งเรียกร้องให้พรรคการเมืองทำหลายเรื่องทั้งการตั้งสาขาพรรค และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด มิฉะนั้นจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่ได้ ขณะเดียวกัน ช่วงเวลานั้นมีคำสั่งคสช.ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจำนวนมาก และในท้ายที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีหนังสือแจ้งมายังพรรคว่าห้ามพรรคขายสินค้าออนไลน์ เพราะต้องขายตามหน้าร้านเท่านั้น และให้รับบริจาคได้จากกรรมการบริหารพรรคเท่านั้น ห้ามรับจากบุคคลทั่วไป และที่สำคัญ คือ ห้ามจัดกิจกรรมระดมทุน โดยต้องรอจนถึงเดือนธ.ค.2561 คสช.จึงจะปลดล็อคทางการเมือง
นายปิยบุตร กล่าวว่า เวลานั้นพรรคการเมืองที่มีอยู่และเกิดขึ้นใหม่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ดังนั้น ทุกพรรคต้องเตรียมตัวเต็มที่ สำหรับพรรคการเมืองเก่ามีงบประมาณที่ติดก้นถุงและเครือข่ายอยู่แล้ว แต่พรรคการเมืองใหม่เพิ่งได้เริ่มต้นเมื่อเดือนต.ค.2561 พรรคที่เกิดใหม่ทั้งหมดจะให้เอาเงินมาจากไหน พรรคอนาคตใหม่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเวลาจัดกิจกรรมระดมทุนและหาสมาชิกพรรคจนถึงการเลือกตั้งไม่กี่เดือน พรรคอนาคตใหม่จึงตัดสินใจกู้เงิน ขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ จัดโต๊ะจีนระดมทุน 19 ธ.ค.2561 ได้เงินมากกว่า 600 ล้านบาท บางบริษัทก็ให้บริษัทลูกสามบริษัทมาบริจาค เช่นเดียวกับ พรรครวมพลังประชาชาติไทยจัดตัดโต๊ะจีนได้เงิน มากกว่า 200 ล้านบาท แต่ละพรรคก็เลือกวิธีการที่แตกต่างกันไป
“การจัดโต๊ะจีน ถ้าเปิดรายชื่อมาดูจะพบว่าคนที่ชื่อโต๊ะจีนล้วนเป็นบริษัทใหญ่ แต่พรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องการรับเงินจากบริษัททุนผูกขาด แม้พรรคจะได้รับการติดต่อเข้ามา พรรคเราเป็นพรรคเกิดใหม่ไม่ต้องการให้มีทุนเข้ามาครอบงำ แต่กฎหมายบังคับให้เราทำเรื่องต่างๆ จำนวนมาก เช่น ค่าเช่าสำนักงาน ค่าจ้างบุคลากร งบประมาณในการเดินสายรับสมาชิกพรรค ทั้งหมดใช้เงินทั้งสิ้น จนในท้ายที่สุดเส้นตายใกล้เข้ามา จึงเหลือทางเลือกเดียว คือ การกู้เงิน เพราะพรรคอนาคตใหม่ไม่มีปัญญาจัดโต๊ะจีนแล้วจะได้เงิน 600 ล้านบาท หรือ 200 ล้านบาท”
นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อเรากู้เงินมาแล้วก็ไม่ได้ปกปิดเป็นความลับ เราประกาศชัดเจนในงบการเงิน เรื่องนี้สื่อมวลชนและนักร้องทั้งหลายรู้เรื่องนี้เพราะนายธนาธรเป็นคนบอกเอง เพื่อต้องการให้เกิดความโปร่งใส และพรรคได้ทยอยใช้คืนตามสัญญาเงินกู้ เมื่อพิจารณาตามกฎหมายพรรคการเมืองในประเทศไทยสามารถกู้เงินได้ กล่าวคือ หลักกฎหมายมหาชนจะเรียกร้องจากองค์กรรัฐว่าไม่มีกฎหมายไม่มีอำนาจ แต่กฎหมายเอกชน จะมีเสรีภาพดำเนินการใดๆก็ได้ตราบเท่าที่กฎหมายไม่ได้ห้าม พรรคการเมือง คือ นิติบุคคลเอกชน นอกจากนี้ หน่วยงานของรัฐเกิดขึ้นได้จะต้องมีกฎหมายจัดตั้งขึ้นมา แต่นิติบุคคลเอกชนเกิดได้จากการรวมตัวของบุคคล หน่วยงานของรัฐจะมีบุคคลากรของรัฐที่มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ แต่พรรคการเมือง คนที่อยู่ในพรรคการเมืองก็ล้วนเป็นบุคคลเอกชนธรรมดาเท่านั้น
“ดังนั้น พรรคการเมืองจึงเป็นนิติบุคคลเอกชน ซึ่งมีงานวิจัยและความคิดเห็นของอาจารย์ปริญญา เทวนฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุตรงกันว่าพรรคการเมืองเป็นนิติบุคคลเอกชน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เข้าหลักว่าทำได้ทุกอย่างเว้นแต่กฎหมายห้ามไม่ให้ทำ ที่ผ่านมากกต.เคยแจกเอกสารให้กับพรรคการเมืองว่าพรรคการเมืองทำอะไรได้หรือทำอะไรไม่ได้ โดยไม่มีสักบรรทัดเดียวที่ระบุว่าห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน หากในนี้เขียนชัดว่าห้ามกู้เงิน พรรคอนาคตใหม่จะไม่มีทางกู้เงินแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นหากจะมาลงโทษถึงขั้นยุบพรรคควรจะต้องตีความอย่างเคร่งครัด จะมาอาศัยการตีความแบบขยายความไม่ได้”
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า ตามกฎหมายพรรคการเมืองนั้นพรรคการเมืองถูกบังคับให้ส่งงบการเงิน ซึ่งพบว่ามี 16 พรรคระดมทุนในลักษณะเงินทดรอง และอีก 4 พรรคใช้การกู้เงิน แต่ไม่ว่าจะกรณีใดก็ล้วนเป็นนิติกรรมกู้ยืมเงินทั้งสิ้น บางพรรคการเมืองไม่มีการทำสัญญา ไม่มีกำหนดการชำระหนี้ เป็นต้น กฎหมายประเทศไทยไม่ได้ห้ามการกู้เงิน ขณะนี้มีพรรคการเมืองกู้เงินกันมากกว่า 20 พรรค หากวันนี้ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองกู้เงินก็ควรไปแก้ไขกฎหมายให้ชัดในอนาคต หรือถ้าจะให้พรรคการเมืองกู้เงินได้ก็แก้ไขกฎหมายเพื่อตั้งกองทุนให้พรรคการเมืองกู้เงินได้เพื่อความเสมอภาค เพราะแต่ละพรรคมีความสามารถในการระดมทุนไม่เท่ากัน
“ที่สำคัญเงินกู้ไม่ใช่รายได้ และเงินกู้ไม่ใช่เงินบริจาค และเงินกู้ไม่ใช่ประโยชน์อื่นใด แต่เงินกู้คือหนี้สิน งบการเงินของแต่ละพรรคที่แสดงต่อกกต.ในส่วนของเงินกู้ล้วนจัดไปอยู่ในหมวดหนี้สิน ดังนั้น การที่มาตรา 62 ไม่ได้กำหนดเรื่องรายได้ที่มาจากเงินกู้ย่อมถูกต้องตามระบบบัญชี ต่อให้กกต.จะตีความหรือขยายความว่าเรามีความผิดก็จะมีโทษแค่การปรับเท่านั้น”
นายปิยบุตร กล่าวว่า กฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 4 กำหนดนิยามคำว่าบริจาคมีความหมายว่า “การให้เงินหรือทรัพย์สินแก่พรรคการเมืองนอกจากค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมือง และให้หมายความรวมถึงการให้ประโยชน์อื่นใดแก่พรรคการเมืองบรรดาที่สามารถคํานวณเป็นเงินได้ตามที่คณะกรรมการกําหนดด้วย” ส่วนคำว่าการให้ มีนิยามในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่า ผู้ให้โอนทรัพย์สินให้โดยเสน่หาแก่ผู้รับ แต่สำหรับเงินกู้ชัดในตัวเองว่าไม่ใช่การบริจาคและไม่ใช่การให้ เพราะเงินกู้ต้องใช้คืนในฐานะเป็นหนี้สิน
“หัวหน้าพรรคยืนยันว่าจะทวงคืนเงินกู้ที่พรรคกู้ไปชัดเจน และพรรคอนาคตใหม่ได้ก็รณรงค์เพื่อช่วยกันซื้อสินค้าของพรรคเพื่อไปใช้หนี้ ที่สำคัญ ที่ผ่านมามีหนังสือสำคัญในการชำระหนี้ไปแล้วบางส่วน ถ้าถึงขนาดนี้ยังบอกว่าเป็นเงินบริจาคแล้วก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ต่างกับพรรคการเมืองอื่นที่กู้เงินโดยไม่มีสัญญาไม่มีกำหนดชำระหนี้ชัดเจน แบบนี้กรณีใดเข้าข่ายการบริจาคมากกว่ากัน กกต.ร้องไปและให้เหตุผลว่าพรรคอนาคตใหม่ไปกู้เงิน 191 ล้านบาท พร้อมกับสงสัยว่าพรรคอนาคตใหม่จะสามารถชำระหนี้คืนได้หรือไม่ ซึ่งผมก็สงสัยเหมือนกันว่ากกต.เคยไปถามพรรคการเมืองอื่นๆแบบนี้หรือไม่ ถ้าไปเปิดงบการเงินของพรรคจะพบว่าพรรคระดมทุนได้มากกว่า 70 ล้านบาทและทยอยคืนเงินให้หัวหน้าพรรค ด้วยกระแสตอนนี้พรรคจะคืนเงินให้นายธนาธรได้แน่นอน” นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า นอกจากนี้ กระบวนการในชั้นกกต.มีความผิดปกติ กรณีมาตรา 66 คณะอนุกรรมการเรียกไปพรรคเป็นพยานก่อนที่ต่อมาจะยกคำร้องว่าพรรคการเมืองกู้เงินได้ แต่กกต.ก็ยังส่งให้คณะอนุกรรมการอีกคณะ โดยมีมติเช่นเดิม สองคณะให้ยกคำร้องไปแล้ว ซึ่งตามกฎหมายจะต้องยุติแต่กกต.กลับเดินเรื่องต่อไปเรื่อยๆ ส่วนกรณีมาตรา 72 กกต.ใช้เวลาแค่สองสัปดาห์ในการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค โดยไม่เคยมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพรรคอนาคตใหม่เลยและไม่เคยมีการเรียกไปให้ข้อมูลใดๆทั้งสิ้น พรรคอนาคตใหม่รู้ว่าถูกร้องยุบพรรคพร้อมประชาชนทั่วประเทศ หลักประกันการต่อสู้คดีของพรรคอนาคตใหม่อยู่ตรงไหน กกต.เป็นองค์กรอิสระไม่ใช่นักร้องที่จะหยิบบัตรสนเท่ห์และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ กกต.จะรีบอะไรขนาดนั้น ไม่เคยสร้างหลักประกันใดๆ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีบรรทัดฐานว่าการพิจารณาคดีข้ามขั้นตอนของกกต.เป็นสาระสำคัญที่ทำให้มีการวินิจฉัยยกคำร้องมาแล้วจากกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกกล่าวหารับเงินจากเอกชน
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน อีกแง่หนึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคและไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค กล่าวคือ รัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 มาตรา 210 (3) บัญญัติว่าหน้าที่และอํานาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแล้วไม่มีมาตราใดที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค โดยอำนาจยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคมีอยู่ในมาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยก่อนว่ามาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายปิยบุตร กล่าวว่า บทลงโทษของมาตรา 66 มีแต่โทษเพิกถอนสิทธิของบุคคลที่บริจาคเงินเกินและโทษปรับบุคคลที่บริจาคเงินเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ส่วนพรรคที่รับเงินดังกล่าวก็ต้องส่งเงินคืนและเพิกถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น โดยไม่มีการยุบพรรค ที่สำคัญ กระบวนการนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการปกติ คือ กกต.พิจารณาและส่งศาลอาญาและสู้กันถึงสามศาล โดยศาลรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยว ส่วน กรณีมาตรา 72 กฎหมายมีวัตถุประสงค์ป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองเอาเงินสีเทามาใช้ในพรรค ถามว่าการกู้เงินผิดตรงไหน เพราะเงินที่มาก็มีแหล่งที่มาที่ถูกกฎหมาย ดังน้้น พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรา 72 เหตุที่ต้องหยิบ 72 มาเป็นประเด็นเพราะกกต.เห็นว่ามีโทษยุบพรรค กกต.ถึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ การมาบอกว่าเมื่อกฎหมายไม่ให้กู้เงินแล้วโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบย่อมเป็นความผิดนั้น ขอชี้แจงว่าพรรคไม่มีทางรู้ว่ากกต.จะตีความพิสดารขนาดนี้ ถ้าพิสูจน์เจตนาก็ชัดเจนว่าพรรคไม่มีทางรู้เลยว่ากกต.จะตีความแบบนี้ ดังนั้น ยืนยันได้ว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดตามมาตรา 62 มาตร 66 มาตรา 72 ศาลรัฐธรรมนูญต้องยกคำร้อง
“วันที่ 21 ก.พ. หากยุบพรรคจริง จะเป็นครั้งแรกที่ยุบพรรคฝ่ายค้านและยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน พรรคอนาคตใหม่เราได้เริ่มต้นสร้างความหวังใหม่ให้กับคนรุ่นหนุ่มสาว ถ้าเกิดการยุบพรรคขึ้นจะไม่ใช่แค่การยุบพรรคเท่านั้น แต่เป็นการยุบความหวังของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นการทุบเข้าไปที่หัวใจของคนจำนวนมากที่หวังว่าประเทศไทยจะไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิม และยังเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นที่ต้องการให้ประเทศไทยหลุดจากวงจรรัฐประหาร และการลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาการประชาธิปไตยกำลังเดินไปตามครรลอง อย่าเอานิติสงครามมาเป็นเครื่องมือ เพราะไม่เป็นคุณต่อการพัฒนาประเทศไทย ตรงกันข้ามจะตอกลิ่มให้ความแตกแยกร้าวลงไปเรื่อยๆ ผมฝากถามไปยังกกต.และผู้บริหารกกต.ในฐานะผู้ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ว่าตื่นเช้ามาในแต่ละวันส่องกระจกแล้วถามตัวเองดังๆว่าคุณต้องการยุบพรรคเพราะเป็นพรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่ และไม่ต้องการให้ธนาธรและปิยบุตรมีบทบาทในทางการเมืองใช่หรือไม่” นายปิยบุตร กล่าว
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ในวันที่ 21 ก.พ.นี้พรรคจะนัดส.ส. กรรมการบริหารพรรค และผู้สนับสนุนของพรรคมาร่วมฟังคำวินิจฉัยพร้อมกันในเวลา 15.00 น.ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ และจะเปิดทำการขายสินค้าของพรรค รับบริจาคและเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค เพื่อให้เห็นกันไปว่าพรรคที่กำลังโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กลับมีผู้มาสนับสนุนจำนวนมาก ท้ายที่สุดแล้ว หนังยุบพรรคเรื่องนี้จะไม่เหมือนเดิม เพราะพรรคอนาคตใหม่จะไม่หายไป ธนาธร และปิยบุตรจะไม่หายไป แต่จะเห็นว่าพวกเราโลดแล่นมากกว่าเดิม และส.ส.ของพรรคจะไม่เติมให้กับรัฐบาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี