เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย ครป. ได้แสดงความเห็น ต่อกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ ในช่วงวันที่21 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ศาลรธน.ได้นัดพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด มีเนื้อหาระบุว่า ผมไม่คิดว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมูลเหตุทางกฎหมายไม่ชัดเจน และศาลรัฐธรรมนูญต้องยึดถือรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ ทั้งนี้กฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 72 หากตีความตามตัวอักษรก็ไม่เข้าองค์ประกอบ คำตอบง่ายๆ คือพรรคการเมืองสามารถกู้เงินได้ และเงินกู้ไม่ใช่ “รายได้” แต่เป็น “หนี้สิน” ที่ต้องชดใช้ ดังที่มีพรรคการเมืองเกือบทุกพรรคกู้เงินมาใช้จ่าย เนื่องจากกฎหมายการเลือกตั้งของไทยกำหนดให้ต้องใช้ “เงิน” ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าสมัคร ส.ส. เป็นต้น จึงไม่ใช่รายได้หรือเงินบริจาคที่ห้ามเกิน 10 ล้านบาท และไม่ใช่ประโยชน์อื่นใดที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถ้าไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงิน ก็ไม่ควรกำหนดค่าใช้จ่ายต่างๆ ออกมา นอกจากนี้กฎหมายพรรคการเมืองไทยยังบังคับให้ขยายสาขาพรรคให้ครบทั้ง 4 ภาค และต้องมีสมาชิก 5,000 คนภายใน 1 ปี หรือ 10,000 คนภายใน 4 ปี ซึ่งล้วนมีค่าใช้จ่าย
ซึ่งจริงๆ แล้วการบังคับให้พรรคการเมืองต้องมีสมาชิกจำนวนเท่าใด ต้องมีสาขาพรรค และโทษยุบพรรคในกฎหมายพรรคการเมือง ล้วนขัดกับหลักการสิทธิมนุษยชนสากล รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยมีพันธกรณีอยู่ เนื่องจากการรวมกลุ่มทางการเมืองหรือเป็นพรรคการเมืองตามอุดมการณ์ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองตราบใดที่ต้องมีรัฐบาลมาจัดการปัญหาต่างๆ ของสังคม เราไม่ควรมีกฎหมายพรรคการเมืองมารอนสิทธิ์เหล่านี้ ไม่ว่า จะเป็นการยุบพรรค หรือการบังคับ ส.ส.สังกัดพรรคการเมืองด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้ กกต. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ มาตรา 72 ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่า ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการตีความทางกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามกู้เงินและการกู้เงินผิดกฎหมาย ดังนั้นประชาชนทั่วไปก็มีสิทธิแสดงความคิดเห็นและร่วมตีความกฎหมายได้เช่นกัน การล่ารายชื่อแสดงความเห็นต่างๆ จึงเป็นเพียงกิจกรรมในสังคมประชาธิปไตย ไม่ใช่การชุมนุมกดดันศาลเหมือนกรณีคดีซุกหุ้นตามกฎหมาย ป.ป.ช. จนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในขณะนั้นตัดสินคดีบกพร่องโดยสุจริต ส่วนความเห็นของพลเมืองเหล่านี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะเห็นด้วยหรือตีความต่างออกไปก็ต้องรอฟังคำตัดสินตามหลักกฎหมายของศาลต่อไป
หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินใจยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็ต้องมีการวินิจฉัยที่มีหลักกฎหมายเป็นบรรทัดฐานทางการเมืองที่ฟังขึ้น ไม่เช่นนั้นระบบกฎหมายก็จะพังทั้งระบบ ประชาชนที่คิดต่างทางการเมืองก็อาจจะไม่ยอมรับกฎหมายที่มีอยู่อีกต่อไป ดังนั้นรัฐสภาควรพิจารณาทบทวนกฎหมายที่ล้าหลัง ไม่ทันสมัย หรือไม่เป็นธรรมอีกหลายร้อยฉบับโดยเร็ว เนื่องจากมีการยุบคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายไปแล้ว แต่เขาก็มีผลงานและข้อเสนอรายงานทิ้งไว้ให้ทำต่อได้
ตามหลักการสากลจะยุบพรรคการเมืองได้ ต้องมีการกระทำที่ละเมิดหรือขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของไทย ร่วมกับกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ เนื่องจากประเทศไทยเป็นภาคี International Covenant on Civil and Political Rights – ICCPR ด้วย หากมีการยุบพรรคการเมืองที่ไม่ได้ทำผิดรัฐธรรมนูญ โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ อาจขัดต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ข้อ 22 ซึ่งการจำกัดการใช้สิทธินี้จะกระทำมิได้ นอกจากจะกำหนดโดยกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็นสำหรับสังคมประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงของชาติ หรือความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อย การสาธารณสุข หรือศีลธรรมของประชาชน หรือการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งการกู้เงินไม่อยู่องค์ประกอบเหล่านี้เลย
อย่างไรก็ตาม บางคนก็คิดว่า อาจมีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำพิพากษาบ่าย 3 ก็น่าสนใจว่า ตั้งใจอ่านคำวินิจฉัยหลังตลาดหุ้นปิดตลาดไปแล้วหรือไม่? ผมคิดว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาจวินิจฉัยไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 72 ที่จะตัดสินยุบพรรค แต่อาจตีความเข้ามาตรา 62 และมาตรา 66 ที่อาจเป็นความผิดรายบุคคลแทน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี