นายกฯ ชี้วางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาอย่างยั่งยืน ยันทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย แจงโรงงานเปิดตัวใหม่กว่า 3,000 แห่ง พร้อมจ้างงานเพิ่ม 100,000 ตำแหน่ง ตอกหน้าฝ่ายค้านมั่วข้อมูลคนตกงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ตนจดทุกสิ่งที่สมาชิกพูดโดยจะรับไว้พิจารณา ที่ผ่านมาตนเคยคุยกับนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ มาแล้ว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'มิ่งขวัญ'อภิปรายครั้งแรก! ชี้หนี้ครัวเรือนปี62สูงสุดเป็นประวัติการณ์) สิ่งสำคัญคือวิธีการทางกฎหมาย ทางกลไกต่างๆ ยังมีปัญหาอยู่มากพอสมควร ฉะนั้นจำเป็นต้องวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้เป็นศูนย์กลาง หากเราแตกความสามัคคีประเทศชาติไม่พร้อม ต่างชาติก็พร้อมจะอ้อมจากเราไปทันที เช่น รถไฟความเร็วสูงที่จะผ่านไทยก็เตรียมจะอ้อมไปทางประเทศเพื่อนบ้านของเราแล้ว
ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณคำแนะนำ อะไรทำได้ตนพร้อมตัดสินใจอยู่แล้ว แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องของกฎหมาย และเป็นการตัดสินใจร่วมกันของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แม้แต่รัฐบาลชุดที่แล้ว ตนก็ไม่เคยตัดสินใจคนเดียว แต่ต้องแก้ไขกฎหมายหลายร้อยฉบับถึงมีวันนี้ อย่างไรก็ตาม ขออย่ามองว่าตนเข้ามาแล้วจะสร้างความเสียหายอะไรเลย ไม่มีใครอยากทำให้เสียหาย เพราะที่นี่คือแผ่นดินไทย ตนขอใช้เวลาให้สั้นที่สุด จะได้ตั้งหลักไว้ เดี๋ยวจะหมดแรงกันเสียก่อน พรุ่งนี้(25 กุมภาพันธ์ 2563) มาสู้กันใหม่
นายกฯ ชี้แจงกรณีการปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมว่า จากข้อมูลของกระทรวงอุตสาหกรรม ตามข้อมูลการจดทะเบียนโรงงานจำพวก 2 และ 3 ของปี 2562 พบว่า แม้จะมีการยื่นขอปิดกิจการโรงงานจำนวน 1,689 โรงงาน แต่เมื่อเทียบกับการขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่ซึ่งมีถึง 3,175 โรงงาน ถือว่าโรงงานเปิดใหม่มีมากกว่าที่ปิดกิจการสูงถึงร้อยละ 88.0 หรือเกือบ 1 เท่าตัว และหากนับรวมจำนวนโรงงานที่ยื่นขอขยายกิจการเข้าไปด้วยจะมีจำนวนทั้งสิ้น 4,303 โรงงาน ซึ่งมากกว่าที่ปิดกิจการถึงร้อยละ 154.8 หรือประมาณ 1.5 เท่าตัว
นอกจากนี้ ในส่วนของผลกระทบด้านอื่นๆ จากสถานการณ์การเปิด-ปิดโรงงานพบว่า แม้ว่าจะมีการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการจำนวน 43,794 คน แต่ก็มีการจ้างงานจากการประกอบกิจการใหม่สูงถึง 96,492 คน บวกกับจ้างงานเพิ่มจากการขยายโรงงานอีกจำนวน 110,316 คน สะท้อนว่าภาวการณ์จ้างงานไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด และหากพิจารณาในแง่ของเม็ดเงินลงทุนในปี 2562 พบว่า มีเม็ดเงินลงทุนในโรงงานที่ยื่นประกอบกิจการใหม่มูลค่า 301,276.7 ล้านบาท และมีเม็ดเงินลงทุนของโรงงานที่ขอขยายกิจการมูลค่า 180,529.8 ล้านบาท รวมเป็น 481,806.5 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วถึงร้อยละ 31.60
ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในการประกอบกิจการที่เพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้โรงงานหลายแห่งต้องการรับแรงงานเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานมีตำแหน่งงานว่างกว่า 34,626 อัตรา (ณ วันที่ 21 ม.ค. 63) และกระทรวงแรงงานได้ฝึกทักษะแรงงานใหม่ให้สามารถทำงานได้ รองรับการจ้างงานที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี