"สุทิน"อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แนะ"นายกฯ"ลาออก หลังบริหารประเทศทำเศรษฐกิจถดถอย-เกิดความเหลื่อมล้ำสูง อัดนโยบาย"ประชารัฐ"เอื้อเอกชน ไร้ประชาชนมีส่วนร่วม จนกลายเป็น"เอกชนกับรัฐ"
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนเห็นว่า
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศด้านเศรษฐกิจเป็นประวัติศาสตร์ เพราะนโยบายของรัฐบาล ทำให้เกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจ และเกิดความเหลื่อมล้ำถึงขนาดที่ว่า คนรวยจะไม่มีโอกาสจน คนจนไม่มีโอกาสรวย ดังนั้น การชี้แจงของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (24 กุมภาพันธ์) ที่ยืนยันว่า เศรษฐกิจดีนั้น ตนรู้สึกยิ่งไม่ไว้วางใจ เพราะไม่ยอมรับความจริง ซึ่งเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาในขณะนี้
ดังนั้น ตนมีความรู้สึกว่า ตนกับรัฐมนตรี พูดปัญหากันคนละประเทศหรือไม่ เพราะรัฐบาลพร่ำบอกว่า เศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็ง แต่เมื่อไปดูความเป็นจริง ปรากฏว่า มีโรงงานทยอยปิดตัว นายจ้างไม่มีศักยภาพในการจ้างงาน ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะยกเอาสถิติการเปิดโรงงานที่ผ่านมา แต่โรงงานดังกล่าว กลับไม่สามารถสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ ขณะที่หนี้สินครัวเรือนพบว่าพุ่งขึ้นเป็น 13 ล้านล้านบาท หรือ 80% ของจีดีพี สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไปไม่ได้
"การที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ส่วนหนึ่งมาจากปมด้อยของตัวนายกฯ เอง ที่เข้าสู่อำนาจโดยยึดอำนาจ ทั่วโลกบอยคอต สหภาพยุโรปมีมาตรการลงโทษไทย ส่งผลให้ไม่สามารถส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศได้ อีกทั้งการที่เศรษฐกิจตกต่ำในขณะนี้ท่านอ้างสงครามการค้า โทษปัญหาต่างๆ แต่อันที่จริงปัญหาอยู่ที่ตัวท่านเอง จะเห็นได้ว่าการอภิปรายที่ผ่านมาสมาชิกพยายามชี้ให้เห็นถึงการเอื้อคนรวย ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า วันนี้ท่านต้องใช้คนรวยให้เหมาะสม โดยการใช้คนเหล่านี้ในการช่วยคนจน" นายสุทิน กล่าว
นายสุทิน อภิปรายต่อว่า ทั้งนี้ สารตั้งต้นของความถดถอยทางเศรษฐกิจนั้น เริ่มมาจากการที่ทางรัฐบาลได้เชิญ 24 บริษัทกลุ่มทุนใหญ่ เมื่อปี 2558 เพื่อดำเนินการโครงการ "ประชารัฐ" โดยอ้างว่า จะเป็นการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจร่วมกัน 3 ฝ่าย แต่ปรากฏว่า รัฐบาลกับไม่ให้โอกาสประชาชนในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะกังวลว่า พูดไปแล้วจะโดนมาตรา 44 อาจจะถูกปรับทัศนคติ ดังนั้น กลายเป็นว่า เป็นโครงการ "เอกรัฐ" นั่นก็คือ "รัฐกับเอกชน" เท่านั้น และเชื่อว่า บริษัทประชารัฐสามัคคีตามต่างจังหวัด ตนขอท้าเลยว่า มีไม่ถึง 5 จังหวัด ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ ที่เหลือน่าจะมีแต่โต๊ะเก้าอี้ที่มีฝุ่นเกาะเท่านั้น ทั้งๆ ที่ประชารัฐเป็นแนวคิดที่ดี แต่พอทำจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเป็นการเปิดประตูให้เอกชนเข้ามานั่งบริหารประเทศ และกำหนดไปถึงรายละเอียดผ่านคณะทำงานขับเคลื่อนร่วมภาครัฐกับเอกชน เป็นการเปิดให้เสือไปถึงห้องเนื้อสด จึงเหลือแต่เอกชนกับรัฐบาลจนกลายเป็นเอกรัฐ กลุ่มทุนประชารัฐ 24 ทุน ได้งานและโครงการมากมายมหาศาล วันนี้ไม่มีทางกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการบริโภคได้ เพราะประชาชนไม่มีเงิน โดยมาจากการที่เศรษฐกิจฐานรากถูกทำลายแล้ว และทอดทิ้งเกษตรกร
นายสุทิน กล่าวอีกว่า ความเหลื่อมล้ำจะอยู่อีกนานหรือไม่ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล คนมีเงินมากก็จะเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก ถ้าปล่อยอย่างนี้จะตายกันหมด ใน 5 ปีของนายกฯ มีข้อสรุปชัดเจน ร้านค้ารายใหญ่ขยายสาขาครอบคลุมทุกชุมชน ใครมีอำนาจก็มีเงินและยึดตลาด วันนี้เศรษฐกิจชุมชนพังพินาศ ทางแก้ไขยังพอมีอยู่ โดยรัฐบาลต้อง ถามใจตัวเองว่ายังมีชาวบ้านอยู่หรือไม่ หรือมีแต่กลุ่มทุน ถ้าหัวใจท่านแกร่งพอก็แก้ไขปัญหาได้ โดยใช้ระบบภาษีอัตราก้าวหน้าเพื่อเอามาเจือจุนคนจน
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ความเหลื่อมล้ำที่ตนว่ามาทั้งหมดบางคนอาจมองวิตกเกินไปนั้น แต่ตนมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกำลังเป็นการไล่ล่าอาณานิคมกันในประเทศด้วยคนไทยด้วยก้น โดยมีกรรมการที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คอยส่งเสริม ถ้าปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำเดินหน้าต่อ คนจนจะไม่มีกิน อาชีพถูกยึดหมด เรียนจบมาตกงานกันหมด ไปทำงานโรงงานก็เจอกับสภาพที่โรงงานปิดทุกวัน อีกทั้งหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนแรงงาน พอจะกลับไปค้าขายที่บ้านก็เจอกับทุนใหญ่ร้านสะดวกซื้ออีก เมื่อคนไม่มีทางไปย่อมจะเกิดความขัดแย้ง ซึ่งเป็นภูเขาเกลือที่เมื่อถึงจุดหนึ่งคนในสังคมจะอยู่กันไม่ได้ ท่านรักความมั่นคงขนาดไหนก็ตาม แต่มิติใหม่ในเรื่องความมั่นคงไม่ใช่เรื่องดินแดนอีกแล้ว แต่เป็นการแย่งชิงทรัพยากรเพื่อปากท้องของตัวเอง
"ชาวบ้านถามว่าจะปลดนายกฯ ได้หรือไม่ ผมบอกว่าอย่าตั้งความหวังขนาดนั้น แต่สำหรับผมเองมองข้ามไปแล้ว เพราะสนใจว่าประเทศไทยจะอยู่กันอย่างไรมากกว่า ภายใต้ความเหลื่อมล้ำ ดังนั้น ผมขอไม่ไว้วางใจให้นายกฯ อยู่ในตำแหน่งต่อไป เพราะนายกฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ถ้าอยู่ต่อไปความเหลื่อมล้ำจะมีมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีวิกฤตทางสังคมไปทั่วประเทศ ดังนั้น การยุบสภาไม่ใช่ทางออก เพราะสภาไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะฉะนั้น ตนขอให้นายกฯ ลาออกเท่านั้น" นายสุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี