ฝ่ายค้านชำแหละวันที่สอง
รุมถล่ม‘บิ๊กตู่’
ไร้ฝีมือ-ต้นตอปมเหลือมลํา
นายกฯโต้ไม่อุ้มคนทำผิดกม.
มีแผนช่วยคนจนเป็นระบบ
9สส.อนาคตใหม่หันซบภท.
ศึกซักฟอกวันที่สอง สส.ฝ่ายค้าน ยังเปิดฉากถล่ม“บิ๊กตู่”อย่างต่อเนื่อง ซัดไร้น้ำยา ไร้ประสิทธิภาพ ไร้วิสัยทัศน์อุ้มแต่เจ้าสัว-เอื้อทุนใหญ่จีน ชักศึกเข้าบ้าน ไร้เกียรติใช้ทูตแบบ “มดกับราชสีห์” “สุทิน”ซัดต้นตอความเหลื่อมล้ำ เย้ยนโยบาย“ประชารัฐ”เจ๊ง เหลือไม่ถึง 5 จว.
“บัตรคนจน” เอื้อ25ทุนใหญ่ จี้ให้ลาออก ขณะที่‘ภูมิใจไทย’ทำหนังสือถึง ปธ.สภาฯ แจ้ง 9 ส.ส.อดีต’อนาคตใหม่’สมัครเข้าพรรคเรียบร้อยแล้ว มี 61เสียง ขยับขึ้นอับดับ 3 แซง‘ปชป.’ส่วน พปชร.ยันไม่จำเป็น ต้องซื้อ สส.อ้างเสียงพอ
เมื่อวันที่ 2 5 กุมภาพันธ์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรกว่าได้พยายามควบคุมการประชุมให้อยู่ภายใต้ข้อบังคับเพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในแต่ละสมัย มักมีข้อขัดแย้ง โต้เถียง ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีกติกากำหนดเอาไว้ การอภิปรายครั้งนี้มีการตกลงร่วมกันจะใช้วิธีการอย่างไรเช่นในเรื่องของเวลาได้มีการต่อรองกันให้จบในเวลา 19.00 น.ในวันที่ 27ก.พ.
ฝ่ายค้านรับวันแรกประเมินพลาด
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่สองว่าการอภิปรายวันแรก ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากประเมินสถานการณ์ผิดพลาด เตรียมตัวมาผิดพลาดหลายอย่าง เราไม่คิดว่าข้อบังคับสภา หรือ คำวินิจฉัยของประธาน จะให้รัฐมนตรีต่างๆตอบแทน นายกฯหรือ ตอบแทนกันได้เลยทำให้การลุกขึ้นพูดเยอะมาก เวลาก็หายไป แล้วตัวผู้อภิปราย ก็เตรียมมาอีกแบบหนึ่ง ถือเป็นสถานการณ์ใหม่ และเรื่องเวลา ที่เราคาดหมายผิด ทำให้บริหารเวลาผิด บวกกับสถานการณ์ประท้วงในเรื่องที่ไม่เป็นสาระทำให้การอภิปรายของหลายคนสะดุด เมื่อคืนรัฐบาล อาจนอนหลับฝันดี คืนนี้อาจจะนอนไม่หลับ เพราะฝ่ายค้านเราจะเริ่มจัดเบอร์ใหญ่ขึ้น เมื่อวานตัวเล็กๆเยอะ วันนี้ไม่น่าจะผิดหวัง
‘วิรัช’ย้ายเข้าภท.อ้างรัก’เสี่ยหนู’
ด้าน นายวิรัช พันธุมะผล สส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าย้ายมาพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชักชวนมาหลายเดือนแล้ว แต่ขณะนั้น ยังอยู่พรรคอนาคตใหม่ และขอยืนยัน ไม่มีค่าตัวใดๆมาด้วยใจ รักในหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รู้จักกันมานาน20ปี ไม่มีลังเล ตั้งใจที่จะมาและสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 24 ก.พ. เมื่อถามว่าได้คุยกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตแกนนำพรรคแล้วหรือยัง นายวิรัช ยืนยันว่า ไม่ต้องคุย เป็นสิทธิ เมื่อพรรคถูกยุบแล้ว ถือเป็นสิทธิ์ของตน ต้องหาพรรคใหม่ ส่วนจะมี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ มาอีกหรือไม่ ตนไม่ยุ่ง มาคนเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่นายวิรัชให้สัมภาษณ์ นายอนุทินเดินมาพอดี นายวิรัชยิ้มและชี้ไปที่นายอนุทินโดยกล่าวว่า“ผมรักท่านมากที่สุด”ส่วนนายอนุทินบอกว่า“ผมรู้จักท่านมา30ปีแล้ว ท่านให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อกฎหมายเยอะมากเพราะเป็นมีความรู้ด้านกฎหมาย เราต้องการความรู้ความสามารถของท่าน”
แจ้ง9สส.อดีตอนค.สมัครเข้าภท.
รายงานข่าวจากรัฐสภาแจ้งว่านายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนของพรรคภูมิไทยได้ทำหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 25ก.พ. 2563เพื่อแจ้งให้ทราบว่า มี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 9 คน ได้ขาดจากความเป็นสมาชิกภาพพรรคอนาคตใหม่หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคและจำเป็นต้องสังกัดพรรคใหม่ภายใน 60วัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ทั้ง 9 คนได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ 1.นายวิรัช พันธุมะผล สส.บัญชีรายชื่อ 2.นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น เขต1 3.นายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.แพร่ เขต2 4.นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต1 5.ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม เขต10 6.นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต3 7.นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ เขต 1 8.นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภนมณี ส.ส.กทม. เขต 23 9.นายสำลี รักสุทธี สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อหนังสือดังกล่าว ส่งถึงนายชวน ส่งผลทำให้ พรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.ในสภาจากเดิม 52 คน เพิ่มขึ้นอีก 9 คน เป็น 61 คน กลายเป็นพรรคการเมืองที่มีลำดับใหญ่ เป็นลำดับที่ 3ของประเทศแทนพรรคประชาธิปัตย์และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล
เริ่มศึกซักฟอกเป็นวันที่สอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา09.30น.ที่รัฐสภา ได้เริ่มการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เป็นวันที่ 2ซึ่งมีศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่2 ทำหน้าที่ประธาน ได้แจ้งให้ทราบเวลาการอภิปรายวันแรก โดยไม่นับเวลาของฝ่ายใด ประธานสภาชี้แจง หรือ สมาชิกหารือ ประท้วง ใช้สิทธิพาดพิง หรือกรณีอื่นๆ ใช้ไป 1ชั่วโมง27นาที 58วินาที ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้อภิปราย 6 ท่าน ใช้เวลา 9 ชั่วโมง 47นาที 32 วินาที ส่วน ครม.อภิปรายตอบชี้แจง 7 ท่าน ใช้เวลา 2 ชั่วโมง45 นาที 19วินาที
วิปรบ.-วิปค้านขอให้บริหารเวลา
โดย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่าจากการหารือกัน จะให้เวลาฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอภิปรายจนถึงเวลา 19.00 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์จากนั้นจะให้ฝ่ายค้านกล่าวสรุปปิดญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและมาลงมติในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ต่อไปจึงขอให้ฝ่ายค้านช่วยบริหารเวลาด้วย ขณะที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวว่าฝ่ายค้านขอร้องฝ่ายรัฐบาลและรัฐมนตรีที่อภิปรายชี้แจง ขอให้ชี้แจงในประเด็นที่อยู่ในญัตติที่ถูกกล่าวหา ไม่ใช่ชี้แจงไปเรื่อยในเรื่องที่ไม่ถูกกล่าวหา แต่พยายามอธิบายเพิ่มเติม ทำให้เสียเวลา
นายกฯชี้รมต.แจงให้ปชช.รู้ข้อมูล
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมชี้แจงว่าการชี้แจงของรัฐบาล มีความจำเป็นต้องพูดถึงกระทรวงหลายกระทรวง แม้ นายกฯเป็นหัวหน้ารัฐบาลและกำหนดแนวทางการทำงานแต่ไม่ได้เป็นคนทำงานทั้งหมดเพียงผู้เดียวตั้งแต่สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ขอให้ประชาชนรับฟังข้อเท็จจริงและคำตอบเพื่อให้เกิดการรับรู้และสร้างความปรองดอง เพื่อไม่ให้เกิดการแบ่งฝ่ายโดยไม่มีหลักการ เราต้องการความร่วมมือ สภาถือว่ามีส่วนสำคัญและประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าใครจะผิดหรือถูกเราใช้เวลาของเรา ก็ตัดเวลาไป ถ้ามีเวลาเหลือก็พูด ถ้าไม่มีเวลาเหลือก็ไม่พูด
ยันไม่โกรธแต่ควรให้เกียรติกัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า“ในเรื่องการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นพลเรือนด้วยกันผมไม่ห่วงว่าจะเรียกกันว่าอะไรแต่สำหรับทหารและตำรวจทั้งหลายได้ร่วมพิธีถวายสัตย์และรับพระราชทานยศมาด้วยกัน กรุณารักษาศักดิ์ศรีของตัวเองกันไว้ด้วย ผมไม่ได้โกรธเคืองอะไรท่านเลย” และยังชี้แจงถึงการก่อสร้างหอชมเมืองว่า เป็นโครงการของเอกชนเพื่อเป็นภูมิสถานอยู่คู่กับแผ่นดินบนที่ดินราชพัสดุไม่ใช่โครงการของรัฐและไม่มีการใช้งบประมาณของรัฐ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จะยกให้กับกรมธนารักษ์ประมาณ 4,423ล้านบาท ส่วนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับกสทช.ที่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนนั้น ได้มีหนังสือขอผ่อนผันการชำระเงินทั้ง 3วาระ ทำให้ต้องมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน แต่เป็นการให้ความเป็นธรรมและต้องมีการเยียวยา
อุตตมชี้หอชมเมืองเพิ่มมูลค่าคุ้มค่า
ด้าน นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ชี้แจงอีกว่าโครงการหอชมเมืองนี้เกิดขึ้นมานานแล้วจากการรวมตัวของภาคเอกชนและสถาบันการเงินกว่า 50องค์กรที่จัดตั้งเป็นมูลนิธิหอชมเมืองขึ้นมาโดยที่ไม่แสวงหากำไรมาแบ่งกัน จดทะเบียนมูลนิธิ เมื่อวันที่ 8 ต.ค.2557แล้วมูลนิธิได้เสนอกับกรมธนารักษ์ว่าขอใช้พื้นที่ของกรมธนารักษ์ ในเขตคลองสานจำนวน4ไร่2งาน 34 ตารางวา ตรวจสอบข้อมูลพบว่าเป็นพื้นที่ว่างของที่ราชพัสดุเดิม ไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์ ไม่มีการเช่า ไม่มีการพัฒนาอย่างใดทั้งสิ้น เหตุผลหลักเพราะเป็นที่ตาบอดไม่ค่อยเหมาะสมกับการพัฒนา ทางเข้าออกไม่สะดวก เมื่อกระทรวงการคลังได้รับข้อเสนอ โดยกรมธนารักษ์ได้แจ้งไปยังมูลนิธิว่าขอให้ไปปรึกษาหารือเรื่องปัญหาจราจร ปัญหาสิ่งแวดล้อมกับ กทม.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน ถึงมาพูดจาเรื่องขอเสนอการลงทุนพัฒนาพื้นที่
ทางกรมธนารักษ์ได้จัดจ้างสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อศึกษาความเหมาะสมในการลงทุนร่วมกันดังกล่าว จากผลสรุปของการศึกษา ทางสถาบันบอกว่าที่ดินแปลงดังกล่าว มีมูลค่ารวม100.87 ล้านบาท ขณะที่มูลนิธิตามข้อเสนอจะต้องลงทุนประมาณ 4,478 ล้านบาท จะส่งผลให้ที่ดินของกรมธนารักษ์ ที่เป็นที่ตาบอด จะมีมูลค่าสูงขึ้นจากการพัฒนา ขณะที่หอชมเมืองก็มีความสูงพอสมควรเกือบ 460 เมตร เป็นหอชมเมืองที่มีความสูงระดับ 6 ในเอเชีย สามารถที่จะมีประโยชน์กระตุ้นการส่งเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวได้ เป็นรายได้สำคัญขอประเทศ ตัวเลขปี 2557รายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 1.17ล้านล้านบาท ปี 2560 เพิ่มเป็น1.83ล้านล้านบาท ที่สำคัญโครงการหอชมเมืองมีความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลขณะนั้นภายในหอชมเมืองที่ต้องการดำเนินการในเรื่องของศาสตร์พระราชาเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 9 มีพื้นที่แสดงศาสตร์พระราชาให้ผู้เข้าชมทั้งคนไทยและคนต่างชาติซึ่งะกรมธนารักษ์บอกว่าจะได้ประโยชน์จากการเก็บค่าธรรมเนียมและการพัฒนาโครงการตลอดอายุสัญญา30ปีเป็นเงินประมาณ 62ล้านบาท จากที่ดินเดิมที่ไม่เคยได้รับประโยชน์อะไร เจตนารมณ์ของมูลนิธิที่จดไว้ว่าไม่มุ่งแสวงหากำไร หากมีกำไรมูลนิธิ ก็ต้องเอามาพัฒนาชุมชนโดยรอบ รัฐเห็นว่าเป็นการตอบแทนสังคมที่ดีจึงพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการ แต่เป็นโครงการที่มีการลงทุนสูงจึงได้ดำเนินการตามกฎหมาย
ซัด’บิ๊กตู่’ไร้น้ำยา ไร้วิสัยทัศน์
ต่อมา น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมว่าไร้น้ำยา ไร้ประสิทธิภาพ ไร้วิสัยทัศน์ คนตกงานเพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น มีความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนบางกลุ่มบางตระกูล โดยเฉพาะคนที่บริจาคโต๊ะจีนในงานระดมทุนพรรคพลังประชารัฐ เจ้าสัวเหล่านี้รวยขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การขึ้นภาษีเหล้าเพื่อกีดกันการแข่งขันอีกทั้งผู้นำประเทศก็ไม่มีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยี การกระทำและคำพูดของนายกฯย้อนแย้งตลอดเวลา
อัดยับ รบ.กำลังชักศึกเข้าบ้าน
สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายอีกว่าขณะที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในไทยกำลังประสบปัญหา รัฐไทยก็อ้าแขนรับอาลีบาบา ผู้ประกอบการค้าออนไลน์รายใหญ่ของจีนเข้ามา บริษัทเหล่านี้จะเข้ามาหากำไรในไทย แต่ไม่ใช่ว่าจะเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจในไทยเขามีพ่อมีแม่เป็นคนไทยหรือจึงต้องมาหวังดีกับเรา รัฐบาลกำลังชักศึกเข้าบ้าน เท่ากับว่าตลาด E-Commerceไทยต้องไปสู่กับกลุ่มทุนรายใหญ่โดยอ้างว่าจะเอาสินค้าไทยไปขายที่จีน ซึ่งอาลีบาบา ก็ไม่ได้จีบไทย ยังมีประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วข้าวไทยคุณภาพแย่กว่าข้าวประเทศอื่น ราคาแพงกว่า แล้วจะไปสู้กับประเทศอื่นเขาได้อย่างไร
ชำแหละอุ้มแค่’เจ้าสัว-ทุนใหญ่จีน’
ทั้งนี้ น.ส.สรัสนันท์ อภิปรายว่าสาเหตุที่รัฐบาลไม่ได้สนใจคนไทย อุ้มแต่เจ้าสัว เพราะท่านไม่ได้มาจากประชาชน แต่มาจากการยึดอำนาจ เมื่อเทียบกันของสินค้าไทยก็ไม่สามารถจะสู้กับสินค้าออนไลน์ของจีนที่ต้นทุนถูกกว่าไม่ได้ ขณะที่รัฐบาลสามารถเอาเงินที่ใช้ซื้อยุทโธปกรณ์ไปสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยไทย ทั้งที่ผู้ประกอบการไทยที่มีแต่คนเก่ง แต่ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ตลาดออนไลน์ไทยเคยมีศักยภาพ SME ที่พยายามปรับตัวมาเป็นออนไลน์ ทั้งหมดนี้ เมื่อเจอทุนใหญ่จากจีนก็สู้ไม่ได้ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความไม่รู้ ความมักง่ายของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะเศรษฐกิจ
ถล่มอุ้มทุนจีน จนSME ไทยจะตาย
นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใน 6ประเด็นว่า1.ปัญหาล้งลำไย ราคาส่งออกลำไยจากในอดีตจนถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆถึง 35 บาท/กก.แต่ราคาลำไยหน้าสวนลดลงเหลือ 13บาท/กก. เพราะนายทุนจีนที่เข้ามาครอบครองตลาด ฮั๊วะกันกดราคา ไม่เพียงแค่ลำไย ยังรวมถึง สับปะรด ทุเรียนและมังคุด และเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีรู้ แต่ไม่กล้าทำอะไร เพราะเราวางความสัมพันธ์กับจีนไว้วางไทยเป็นมด จีนเป็นราชสีห์ 2.ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม โดยทุนจีน ทะลักเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น 7% ดัชนีราคาคอนโดมเนียมเพิ่มขึ้น 17%เนื่องจากทุนจีนที่เข้ามาทำให้อุปสงค์เทียมและมาปล่อยเช่าให้กับชาวไทยและชาวจีน เท่ากับว่าเงินค่าที่พัก ที่คนจีนมาเที่ยว ก็เข้ามือคนจีน โรงแรมขนาดเล็กและขนาดกลางก็รายได้ลดลง
ซัดไร้เกียรติใช้ทูตแบบมดกับราชสีห์
3.รถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลไทยเซ็นMOUกับจีนตั้งแต่ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษารายละเอียด แถมยังเขียนไว้ในจุดประสงค์ของโครงการว่าเป็นไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ทั้งที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มีมูลค่ากว่า 2แสนล้านบาท เมื่อการศึกษาออกมาพบว่าโครงการนี้ไม่คุ้มค่า จึงจำใจสร้างแต่ของลดสเปคจากรถไฟความเร็วสูงเป็นรถไฟรางคู่แทนเพราะรถไฟความเร็วสูงมีต้นทุนสูง และจะมีค่าบริหารสูงตามไปด้วย ประชาชนอาจเข้าไม่ถึง ส่วนการสร้างรถไฟรางคู่เพิ่มความสามารถในการเดินทางและประชาชนเข้าถึงได้แต่จีนไม่พอใจ จนพล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบบินไปเจรจาที่จีนเมื่อมีนาคม 2559 เพราะไทยตอนนั้นไม่มีนานาชาติคบด้วยและท้ายที่สุดก็ต้องประกาศเดินหน้าโครงการนี้ต่อและเปลี่ยนจากการร่วมทุนเป็นการที่ไทยลงทุนเองแต่กู้เงินมาจากจีน และเริ่มกู้สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงช่วงแรก3.5 กิโลเมตรเพื่อเป็นการจองไว้
4.รัฐไทยอุ้มบริษัทค้าออนไลน์จีน โดยตอนแรกจะมีการตั้งโกดังสินค้าในไทย โดยได้รับการยกเว้นภาษีคลังสินค้า 14 วัน ทั้งที่นายทุนไทยรายเล็กรายน้อยนำสินค้าเข้าไทยมาแล้วต้องเสียภาษีแบบยกตู้คอนเทนเนอร์ทันทีที่เข้าไทย แต่ในเคสของกลุ่มทุนจีน คือไม่เก็บภาษีจนกว่าจะหยิบสินค้าเข้ามาขาย แต่ราคาไม่าเกิน 1,500 บาทไม่เสียภาษี VAT และเมื่ออาลีบาบาได้รับอภิสิทธิ์ขนาดนี้ก็ย่อมทำให้บริษัทออนไลนย์ไทยก็ย่อมเสียเปรียบและแข่งขันไม่ได้ 5.กรณีการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เห็นได้ว่ารัฐบาลไทยไปรับคนไทยในอู่ฮั่นได้ช้า และการไม่ระงับวีซ่า on arrival 6.รวมทั้งการจัดการแม่น้ำโขงที่จีนได้สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขงและสามารถกำหนดความอยู่รอดของประเทศปลายน้ำโขง เช่น ต้นปีที่ผ่านมาแม่น้ำโขงแห้ง รัฐบาลต้องเดินทางไปอ้อนวอนให้จีนปล่อยน้ำออกมา ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดถึงความเป็นมด ที่เกรงใจราชสีห์ ผลคือปัญหาภัยแล้งในประเทศไทยแทนที่รัฐบาลไทย จะเปิดโต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการอยากเห็นรัฐบาลไทยดำเนินการทูตอย่างมีศักดิ์ศรี 6.สรุปคือตนไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่เอื้อทุนใหญ่ เอาใจทุนจีน และดำเนินความสัมพันธ์กับจีนแบบมดกับราชสีห์
‘สุทิน’ซัด’บิ๊กตู่’ต้นตอเหลื่อมล้ำ
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าคนรวยวันนี้ไม่มีโอกาสจน แต่คนจนวันนี้ มองหาโอกาสรวยแทบไม่มี ความเหลื่อมล้ำเหล่านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นคนทำ การอภิปรายเมื่อวานนี้(24ก.พ.)ยิ่งฟังรัฐบาลชี้แจง ยิ่งอยากให้ท่านออกจากตำแหน่ง เพราะท่านไม่ยอมรับความจริง ท่านชี้แจงเหมือนเศรษฐกิจยังดี เหมือนท่านมาถูกทางแล้วก็ไม่รู้ว่าเราอยู่กันคนละประเทศหรือเปล่า และถ้าเป็นประเทศไทยก็ต้องเป็นในยุคนี้ ไม่ใช่ยุคในอดีต
นโยบาย“ประชารัฐ”เจ๊งเหลือ5จว.
ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯบอกว่าไม่มีการเอื้อให้กลุ่มทุนใหญ่เพราะแค่หุ้นขึ้น เขาก็รวยแล้วนั้น มันก็ใช่ แต่ว่าเป็นเพราะท่านทำให้หุ้นของเขาขึ้น คำว่าประชารัฐคือสารตั้งต้นของความเหลื่อมล้ำ พอเอาเข้าจริง กลายเป็นเอกรัฐ คือ เอกชนบวกกับรัฐบาล ไม่ได้มีประชาชนอยู่ด้วยเลย เปรียบเหมือนการเปิดให้เสือเข้าไปในห้องเนื้อสด แล้วคนดูแลห้องก็ดันติดหนี้บุญคุณกับเสือจึงปล่อยให้เสียจัดการเนื้อทั้งหมด ขณะที่ บริษัทประชารัฐ วันนี้ยังเหลือตัวตนอยู่หรือไม่ หรือเจ๊ง ล้ม ไปแล้ว เพราะกำไรไม่เกิด ซึ่งเชื่อว่ามีไม่ถึง 5 จังหวัด และรัฐบาลยังทอดทิ้งเกษตรกรฐานราก แต่พอวันนี้เริ่มรู้ตัว แต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจชุมชน มันไปหมดแล้ว วันนี้ถ้านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯยังอยู่ ก็คงไม่ทำแบบท่าน เพราะโครงสร้างต่างๆมันไปหมดแล้ว
เย้ย’บัตรคนจน’เอื้อ24ทุนใหญ่
นายสุทินอภิปรายว่า อย่าบอกว่า บัตรคนจน คือ การแก้ความเหลื่อมล้ำ เพราะเมื่อท่านให้เงินเขาไป 300บาทเพื่อไปกดร้านธงฟ้า สุดท้ายก็เข้าสู่ห้างใหญ่ ไปสู่24ทุนใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐในที่สุด เป็นการให้คนจนถือเงินไปให้ทุนใหญ่ เป็นแค่ไม้เรียวตีช้าง ทำไมเน้นแต่กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย แต่ไม่ยอมกระตุ้นให้เกิดการผลิตบ้าง วันนี้ถือว่าท่านทำบาป เพราะเวลาชาวบ้านขี่รถไปซื้อของทีละ 300 บาทมันไม่คุ้ม ต้องควักเงินซื้อเพิ่ม เป็นการไปกระตุ้นความอยากของเขาอีก สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในวันข้างหน้า หากวันนี้ยังปล่อยให้ความเหลื่อมล้ำแบบนี้เดินหน้าต่อไป
ยันไม่ไว้วางใจแนะให้ลาออกไป
“สุดท้าย สงครามแย่งทรัพยากร จะเกิดขึ้นเพราะคนไม่มีจะกิน วันนี้ถ้าไม่มีบัตรทองบ้านเมืองลุกเป็นไฟไปแล้วเพราะไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร คนก็ยังมีบัตรทอง เป็นความหวัง เป็นหลักประกันในชีวิตอยู่ ดังนั้น วันนี้ท่านจะออกหรือไม่ออก จะอยู่หรือไปนั้น ผมมองข้ามไปแล้ว วันนี้ผมสนใจเพียงแค่ แล้วประเทศ จะอยู่หรือไป แล้วลูกหลานเรา จะอยู่กันอย่างไร วันนี้ผมจึงต้องขอไม่ไว้วางใจท่านเพราะถ้าท่านยังอยู่บริหารประเทศต่อไป ความเหลื่อมล้ำ ก็จะยิ่งมากขึ้น และจะยากเกินกว่าจะเยียวยา สุดท้ายก็จะเกิดวิกฤติในสังคมขึ้น จะลำบากกันทั้งประเทศ วันนี้จึงขอให้ท่านเสียสละต่อบ้านเมือง แต่การยุบสภา ไม่ใช่ทางออก เพราะไม่ใช่ความผิดของสภา ต้องลาออกเท่านั้น”นายสุทิน อภิปราย ย้ำ
นายกฯย้ำแก้เหลื่อมล้ำเป็นระบบ
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกชี้แจงหลังนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยอภิปรายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำของรัฐบาลและการเอื้อผลประโยชน์ว่าเรื่องความเหลื่อมล้ำและความยากจนต่างๆเป็นปัญหาที่ไม่ใช่ว่ารัฐบาล จะไม่ทราบ เหมือนที่ท่านดูถูกรัฐบาล เหลือเกินว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความคิดความอ่านอะไรเลยรวมทั้งไม่เคยศึกษาจากต่างประเทศอะไรเลย แต่มีการเก็บข้อมูลมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันรวมถึงอนาคต รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศที่เราได้ทำมาทั้งหมด สำหรับข้อกล่าวหาการยกเว้นภาษีและให้สิทธิประโยชน์ทางถาษีกับบริษัทอาลีบาบานั้นมีการขออนุญาตการประกอบธุรกิจตามขั้นตอน ส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นรายได้จากค่าบริการการกระจายสินค้าหรือการซื้อสินค้าออนไลน์จะต้องเสียภาษีเงินได้ตามปกติ มีข้อตกลงว่า ต้องมาพัฒนาบุคลากรและระบบของเรา ยืนยันรัฐบาลไม่ไปตกลงอะไรเรื่อยเปื่อย
ส่วนประเด็นเศรษฐกิจถดถอยสถานการณ์หนี้ครัวเรือน โดยยืนยันรัฐบาลมีหลักการและมาตรการหลายมาตรการ แม้จะดูเหมือนอยู่ในระดับสูงแต่ค่อนข้างทรงตัว หากดูข้อมูลย้อนหลังดูกราฟหลายรัฐบาลตั้งแต่ปี 51ในช่วงต้นๆก็ต่ำเตี้ยมาแบบนี้ และมาขึ้นตอนปลายๆไม่รู้รัฐบาลไหนเหมือนกันไม่อยากกล่าวอ้างตรงนี้โดย34หนี้ครัวเรือน มีไว้ซื้อที่อยู่อาศัย และที่ต้องให้ความสำคัญคือ หนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบ หรืออะไรต่างๆ ต้องมาพิจารณาว่าแก้ไขได้อย่างไรทั้งในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและการใช้เงินอย่างมีเหตุมีผลและมีภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วย
ยืนยันพบเปิดเผย-ไม่เคยหมกเม็ด
พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงอีกว่า”ในเรื่องการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องผมเห็นหลายท่านเอารูปผม ที่ถ่ายรูปกับคนโน้นคนนี้ 4ตระกูล หรือ 24 ตระกูล หายไปตระกูลนึงมั้งครับตระกูลนี้ไปอยู่ไหนไม่รู้ ตระกูลที่25คนที่รวยผิดปกติ หรือเปล่าไม่รู้แต่คนที่ถูกกฎหมาย ก็ยังอยู่ได้ หายไปตระกูลหนึ่ง ผมว่าพลาดไปหน่อย แต่การที่มีรูปผมแบบนั้น ถือว่าเป็นการพบปะอย่างเปิดเผย ถ้าใครไม่มีรูปแบบนี้แสดงว่าพบปะไม่เปิดเผยเสียมากกว่า ลองไปดูตรงนี้ ผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี