"ประเสริฐ"ยกปม"บ้านพักในค่ายทหาร"ขยี้"บิ๊กตู่" ใช้น้ำใช้ฟรีร่วมล้านบาท ชี้เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่ชัดเจน เตรียมยื่นศาลรธน.วินิจฉัยว่าสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีหรือไม่
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ที่รัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ พักบ้านพักทหารหลังเกษียณอายุราชการแล้ว โดยไม่จ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ถือเป็นการทำความผิด ทั้งนี้ ข้าราชการกระทรวงอื่นๆ ก็ทำความดีให้กับประเทศชาติ แต่พอเกษียณแล้วก็ย้ายของออก ถือเป็นการจงใจไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) คือการขัดกันของผลประโยชน์ ถือเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐ
"ทั้งที่ตามระเบียบกองทัพบก กำหนดให้ข้าราชการ อาคารบ้านพักให้อยู่ความดูแลของกรมสวัสดิการทหารบก ผู้มีสิทธิ์เข้าพักต้องเป็นราชการประจำหรือลูกจ้างประจำ และหากผู้นั้นมีที่พักเป็นของตัวเองหรือของคู่สมรสในกรุงเทพฯ ผู้นั้นไม่มีสิทธิ์เข้าพักอาศัย หรือคนที่เกษียณอายุก็ต้องย้ายออกทันที ดังนั้นการที่ยังพักอยู่ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ และเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และระเบียบกองทัพบกว่าด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าฯ ก็จะกำหนดการใช้น้ำและไฟฟ้าในสัดส่วนที่กำหนดต่อเดือน ซึ่งบ้านที่พลเอก ประยุทธ์ อาศัยอยู่เป็นบ้านรับรองของผู้บัญชาการเข้าในระเบียบนี้ด้วย อีกทั้งหนังสือเวียนของกระทรวงการคลัง ก็กำหนดไม่ให้ผู้ที่เกษียณอายุราชการแล้วอาศัยอยู่ อีกทั้งถ้าเกษียณอายุแล้วต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟเองและต้องย้ายออกภายใน 90 วัน หรือเช่นกองทัพอากาศผู้ที่จะเกษียณอายุแล้วต้องขนของออกก่อนเกษียณ 7 วัน หรือระเบียบ กทม.ก็กำหนดสิทธิ์ในการพักอาศัยว่าเป็นข้าราชการสังกัด กทม.ต้องไม่มีบ้านใน กทม.และถ้าเกษียณแล้วก็หมดสิทธิ์อาศัยอยู่ แล้วพลเอกประยุทธ์ ที่เกษียณไปแล้วตั้งแต่ 1 ตุลาคม ปี 2557 ดังนั้นการอยู่ในบ้านพักมากว่า 5 ปีจึงอยู่โดยที่ไม่มีสิทธิ์การพักอาศัย อีกทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่าย ก็เป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านบาทแน่นอน" นายประเสริฐ กล่าว
นายประเสริฐ อภิปรายด้วยว่า ตนเห็นว่านายกรัฐมนตรีก็มีบ้านพักของตัวเอง หน่วยงานอารักขาก็มี และคำให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าไม่ขอตอบเรื่องบ้านพัก กฎระเบียบจะเป็นอย่างไรก็ตามแต่วันนี้ทำงานอยู่ และทำงานรับใช้ชาติมาตลอดชีวิต แต่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ทั้งนี้ตนยังเตรียมการจะย้ายไปอยู่บ้านตัวเองอยู่แล้ว ถือเป็นคำพูดที่แสดงว่าไม่สนใจกฎหมาย นายกฯ ไม่มีจิตสำนึกทางกฎหมาย ทั้งที่ตนและคู่สมรสก็มีทรัพย์สินหลายร้อยล้านบาท แต่ยังอาศัยบ้านหลวงฟรี ใช้น้ำฟรี ไฟฟ้าฟรี อีกทั้งยังมีบ้านอยู่ในเขตสามเสนที่ไม่ไกลจากกรมทหารราบที่ 1 ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังมี การบริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความสามารถและบกพร่อง เห็นได้จากเหตุการณ์กราดยิงที่ จ.นครราชสีมา แต่พลเอก ประยุทธ์ กลับเดินทางเข้าไปในพื้นที่ช้าและแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม และเหตุดังกล่าวก็เกิดขึ้นจากกองทัพ แต่กลับไปคร่าชีวิตประชาชน รัฐบาลตัดสินใจผิดพลาดที่ไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะถ้าประกาศก็จะไม่เกิดความรุนแรงขนาดนี้ อีกทั้งยังไม่แสดงความรับผิดชอบ และไม่มีการสอบสวนว่าเรื่องดังกล่าวใครเป้นคนรับผิดชอบ มีแต่แก้ตัวแทนกองทัพที่เข้าใจความความมั่นคงคือการซื้ออาวุธอย่างเดียว อีกทั้งนายกฯ ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ซ้ำอีก และไม่มีมาตรการใดออกมาให้ประชาชนมั่นใจ ดังนั้นตนจึงไม่อาจไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกทั้งการใช้บ้านพักทหารยังเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐและขัดจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ในลักษณะที่ร้ายแรง
"พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 กำหนดห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหรืออื่นใดรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ได้ไม่เกิน 3,000 บาท แต่อยู่ในบ้านพักมาก็หลายล้านบาท รวมทั้ง การบริหารงานผิดพลาดทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา จำนวนมาก ดังนั้น ตนสงสารคนไทยที่มีนายกรัฐมนตรีที่มือถือสากปากถือศีล ดังนั้นตนจะส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาว่าจะพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่" นายประเสริฐ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี