พปชร.ยันพรรคร่วมไร้ปัญหา
เดินหน้าทำงาน
หลังผ่านศึกไม่ไว้วางใจ
ฝ่ายค้านยอมรับบกพร่อง
แกนนำอดีตคนเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน “คืนธงแดง-ปลดป้าย หมู่บ้านคนเสื้อแดง” แล้ว “แรมโบ้อีสาน” ดึงเข้าร่วมโครงการ “เรารักประเทศไทย”ผนึกกำลังขับเคลื่อนประเทศ ด้าน “ลุงตู่” สั่งดูแลช่วยส่งเสริมเต็มที่ ในขณะที่“ธนกร” ชี้พรรคร่วมยังปึ้กไร้ปัญหาหลังผ่านศึกซักฟอกวอนทุกฝ่ายร่วมพาประเทศพ้นวิกฤติ “เทพไท” ทำนายมีการปรับครม.แน่
เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ร้านอาหารโรงลาบอ้ายต๋อง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมพิธีคืนธงแดงและป้ายหมู่บ้านคนเสื้อแดงจากอดีตแกนนำคนเสื้อแดงภาคอีสาน 20 จังหวัดประมาณ 300 คนพร้อม มอบป้าย”เรารักประเทศไทย”ให้กับแกนนำทุกจังหวัดในภาคอีสาน
นายสุภรณ์กล่าวให้นโยบายแนวทางกับอดีตแกนนำคนเสื้อแดงและประชาชนที่มาร่วมงานคืนธงแดงว่าวันนี้ประเทศไทยเรา ต้องการความรักความสามัคคีปรองดองของคนในชาติทุกหมู่ทุกเหล่า เราทุกคนต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ละลายสีเสื้อให้หมด ไม่มีสีไม่มีความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ พวกเราทุกคน เราต้องมุ่งมั่นรักษาหวงแหนไว้สุดชีวิต เราเกิดบนผืนแผ่นดินไทยเดียวกัน เราเป็นคนไทยด้วยกัน เราต้องรวมพลังกลมเกลียวกันเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
ผนึกตั้งกลุ่ม‘เรารักประเทศไทย’
“รัฐบาลภายใต้การนำพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ต้องการส่งเสริมอาชีพ รายได้ และแก้ไขปัญหาความยากจนให้พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าทุกสาขาอาชีพได้ผลักดันนโยบายสู่รากหญ้าตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสู่พี่น้องเกษตรกรอย่างเนื่องตลอดมาดังนั้นการที่ทุกคนมีแนวความคิดมาตั้งกลุ่ม”เรารักประเทศไทย”เพื่อเดินทางเข้าสู่ความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนนั้น ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีงาม ผมขอสนับสนุน มีอะไรที่ผมจะประสานกับรัฐบาลหน่วยราชการเพื่อผลักดันสนับสนุนฟื้นฟูอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ ผมยินดีอย่างยิ่ง”นายสุภรณ์ กล่าว
“ธนกร”ชี้พรรคร่วมยังปึ้กไร้ปัญหา
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น รัฐบาลจะเร่งดำเนินโครงการต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชนทันที โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จะเดินหน้าแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแก้ปัญหาการระบาดไวรัสโควิด19 ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลเตรียมพร้อมเฝ้าระวังอย่างเต็มรูปแบบในการป้องกันการระบาด ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจทางรัฐบาลก็เตรียมออกมาตรการต่างๆ มาช่วยอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
วอนทุกฝ่ายร่วมพาประเทศพ้นวิกฤต
โฆษก พปชร. กล่าวย้ำว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้ว่าเสียงโหวตจะไม่เท่ากันก็ไม่มีปัญหาอะไร รัฐมนตรีทุกคนต่างชี้แจงได้ดี พี่น้องประชาชนเข้าใจ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็เป็นปกติของสมาชิกในพรรคที่ความเห็นแตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามมติพรรคที่โหวตไว้วางใจ เพราะพรรคร่วมเข้าใจมารยาททางการเมืองดี ที่สำคัญ รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก็ชี้แจงได้ชัดเจน ไร้ข้อกังขา และอยากจะวิงวอนพรรคการเมืองทุกพรรคลดความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อมาช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤต โดยเฉพาะไวรัสโควิด19ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศ เพื่อนำพาประเทศผ่านวิกฤตไปให้ได้ รัฐบาลจะมุ่งมั่นทำงานโดยหลีกเลี่ยงประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง
แนะนำคำซักฟอกไปแก้ไขข
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์เฟสบุค์ไลท์ กล่าว ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา 6 รัฐมนตรีได้ผ่าน สอบผ่านมติจากสภาผู้แทนราษฎร แต่ถ้ากระแสทางสังคมไม่ยอมรับ ย่อมมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับฟังกระแสทางสังคมด้วย และต้องนำข้อมูลจากการอภิปรายในสภามาพิจารณาแก้ไขและปรับปรุงการทำงานของรัฐบาล
อาทิ ข้อมูลการอภิปรายที่น่าสนใจของ นายไชยา พรหมา เรื่องแผนการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิในเฟส2 ที่มีการเปลี่ยนแผนแม่บทการก่อสร้าง มีเงื่อนงำ ความไม่ชอบมาพากล ข้อมูลจากการอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เรื่องขบวนการไอโอ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภายในประเทศ (กอ.รมน.) ข้อมูลจากการอภิปรายของนายธีระชัย พันธุมาศ เรื่องคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติดของศาลออสเตรเลีย ที่มีคำพิพากษาชัดเจนจำคุกรัฐมนตรีบางคน รวมถึงการโอนหุ้นด้วย ซึ่งเป็นข้อมูลการอภิปรายที่น่าสนใจ มีน้ำหนักและมีเหตุผลเพียงพอที่รัฐบาลต้องรับฟัง และนำไปปรับปรุงแก้ไข มิฉะนั้นแล้วจะเกิดกระแสกดดันจากสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เชื่อมั่นหลังซักฟอกมีปรับครม.แน่
นายเทพไท ยังกล่าวถึงที่พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าหลังการอภิปรายแล้วจะไม่มีการปรับ ครม.นั้นว่า ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อก หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน เพราะในอดีตที่ผ่านมา หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจทุกครั้ง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหลายรูปแบบต่างๆเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา นายกรัฐมนตรี หรือ รัฐมนตรีลาออก หรือ การปรับ ครม.และในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ผลของการอภิปราย จะนำไปสู่กระแสกดดันให้นายกรัฐมนตรีต้องปรับคณะรัฐมนตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง และรุมเร้าในการชุมนุมของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ที่กำลังขยายตัวไปทั่วประเทศเหมือนไฟลามทุ่งอยู่ในขณะนี้
สุทินยันเคลียร์ใจแกนอดีตอนค.แล้ว
ขณะที่ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่าหลังการอภิปรายไม่วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลผ่านพ้นไป จะนัดเคลียร์ใจคนในพรรคที่ไม่ได้อภิปราย อีกครั้ง ในวันอังคารที่3 มี.ค.นี้รวมถึงนัดรับประทานอาหารกับส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ วันที่ 4 มี.ค.ที่ออกมาท้วงติงเรื่องการจัดสรรเวลาอภิปรายจนทำให้ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้อภิปรายอีก 4 คน ทั้งนี้เห็นว่าอนาคตใหม่โดนมรสุมหลายทาง อาจจะทำให้หงุดหงิด แต่เชื่อว่าสุดท้ายคงเข้าใจกันได้ ซึ่งต้องใช้เวลา ขณะที่ประสบการณ์ในสภาฯ หลายอย่างก็เพิ่งเจอ จึงต้องปรับ
“สถานการณ์ทำให้ชวนคิดได้ว่าอาจมีดีลการเมืองหรือมีบางสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าลำดับสถานการณ์ใหม่ให้ดี เชื่อจะเข้าใจ ได้มีการหารือกันกับอดีตพรรคอนาคตใหม่แล้วและชี้แจงไปแล้วว่าไม่มีเงื่อนงำใดๆรวมถึงพูดคุยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะอนาคตใหม่แล้ว”นายสุทิน ย้ำ
พอใจซักฟอกจ่อยื่นร้องตรวจสอบ
นายสุทิน ยังกล่าวว่าพอใจการอภิปรายที่ทุกคนนำเสนอได้ประเด็นใหม่ให้สังคมไปคิด แต่ถ้าได้เวลาอภิปรายเพิ่ม จะครบถ้วนสมบูรณ์กว่านี้ ทั้งนี้จะคุยกันในพรรคว่าจะต่อยอดจากนี้ได้อย่างไรโดยเฉพาะการเดินหน้า ยื่นเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไปด้วย
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจห่างมา 6 ปี คนที่อภิปราย 70% ไม่มีประสบการณ์ หลายคนเจอเวทีใหญ่ การลำดับ สมาธิ อาจจะหลุด เพราะประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ อันไหนบกพร่องผมก็ยอมรับ ผมไม่หนักใจ ไม่มีผลต่อการทำงานร่วมกันเพราะเป้าหมายใหญ่สำคัญกว่า คือเพื่อให้บ้านเมืองมี ประชาธิปไตย”นายสุทิน กล่าว
‘เสมา1’ไม่ห่วงเยาวชนร่วมแลซม็อบ
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แกนนำพปชร.กล่าวถึงกรณีช่วงปิดเทอมนี้ อาจมีนักเรียนออกมาร่วมชุมนุมแฟลชม็อบว่า ไม่มีปัญหาในการแสดงออกของเด็กและเยาวชน เป็นสิทธิของเขาในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ จึงไม่ได้ปิดกั้น ตราบใดที่อยู่ภายใต้กฎหมาย ขอให้ดูความเหมาะสมในเรื่องที่จะนำมาแสดงความคิดเห็น หรือ ประท้วง และต้องรู้ว่าความเหมาะสมอยู่ตรงไหน ตนก็ติดว่าเด็กและเยาวชน เข้าใจดีว่าอะไรเหมาะสม ไม่เหมาะสมและสามารถตัดสินใจเองได้
หนุนเปิดแสดงความเห็นผ่านสภา
“ในสภาผู้แทนราษฎร์เองเท่าที่ผมทราบก็มีการยื่นเรื่องเสนอญัตติที่จะทำให้มีการอภิปรายอย่างกว่างขวางเพื่อให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นในการพัฒนาประเทศ จะทำให้เด็กและเยาวชนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นผ่านขบวนการของรัฐสภา เป็นขบวนการที่สามารถแก้กฎหมายในหลายๆเรื่องได้ ช่องทางนี้ น่าจะเป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุดในการที่จะแสดงความคิดเห็นและสามารถเปลี่ยนแปลงตามความต้องการที่เหมาะสมได้จริง ขณะเดียวกัน ระหว่างที่สภาปิดนี้ก็ยังมีคณะกรรมาธิการที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ เพื่อรับฟังการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และก็พร้อมจะรับฟังความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่องด้วย ฉะนั้น จึงมีหลายเวทีที่เด็กและเยาวชนสามารถแสดงออกได้ ทั้งในสภาในคณะกรรมาธิการ หรือนอกสภาในบางกรณี
“ผมก็ไม่กังวล หากจะมีการยุยงผู้ชุมนุมให้การชุมนุมบานปลาย เพราะคิดว่าการแสดงออก ตราบใดที่มีการรับฟังความคิดเห็นและนำความคิดเห็นที่เหมาะสม มาพิจารณามาแก้ไขและขับเคลื่อน ปัญหาหรือข้อกังวลต่างๆก็ไม่น่าจะมีปัญหาบานปลายอะไร แต่ถ้ามีข้อเสนอมาที่ไม่เหมาะสม และไม่ได้มีการวิเคราะห์พิจารณาหรือว่าพูดคุยกัน ผมคิดว่าตรงนั้นน่าจะมีปัญหากว่า” รมว.ศธ. กล่าว
นพ.วรงค์ชี้ปลุกระดมฮ่องกงโมเดล
ที่หน้าตึกพญาไท พลาซ่า BTSพญาไท นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) จัดกิจกรรมNext รปช. ครั้งที่3 ในหัวข้อ”กฏหมู่ หรือ กฏหมาย”โดยกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่หลายฝ่ายมองว่าเริ่มตรึงเครียดจากการเคลื่อนไหวนอกสภาของคณะอนาคตใหม่ ภายหลังการยุบพรรค และการที่นักศึกษาที่ออกมาร่วมแฟลชม็อบว่า เข้าใจว่าเป็นแผนการที่พรรคอนาคตใหม่ต้องเดิน ตนเคยพูดหลายครั้งถึงฮ่องกงโมเดล สิ่งที่พรรคอนาคตใหม่ ทำการเคลื่อนไหวคล้ายฮ่องกงโมเดล 5ขั้นตอนคือ1.การปลุกระดมประชาชนโดยพุ่งเป้าไปที่นักศึกษา 2.การมีเงื่อนไขคำตัดสินศาล 3.นำมาสู่การจัดแฟลชม็อบที่น่าเป็นห่วง 4.เมื่อมีการชุมนุมมีม็อบเกิดขึ้นห่วงความรุนแรงและ5.เมื่อมีม็อบเกิดขึ้นแล้วก็ห่วงว่าจะเกิดความรุนแรง
“เพราะฮ่องกงโมเดลสุดท้าย นำไปสู่รุนแรง ใครจะปฏิเสธได้ว่าถ้ามีม็อบอาจจะมีกลุ่มคนที่ทำหน้าที่คล้ายชายชุดดำ หรือ มือที่สาม แต่อาจเลียนแบบหรือแฝงตัวกับนักศึกษาเพื่อก่อเหตุรุนแรง ทำให้เกิดความเกลียดชัง แล้วโบ้ยความผิดไปที่รัฐบาล เหมือนกับฮ่องกงที่เมื่อเกิดความรุนแรงก็มีการชักชวนต่างชาติมาปลดปล่อย จึงห่วงจะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรค รปช.ย้ำ
ชมพลังบุริสุทธิ์-หวั่นการเมืองหนุน
นพ.วรงค์กล่าวต่อว่าการจัดกิจกรรมของน้องๆนักศึกษานั้น มองว่าสุดยอดและขอเชียร์เต็มที่ ถือเป็นโอกาสที่ดี ได้แสดงออกความเห็นการเมืองซึ่งการแสดงออกนี้ จะทำให้สังคมตื่นตัวทางการเมืองขึ้นและเมื่อตื่นตัว ก็เป็นการควบคุมนักการเมือง อีกทางหนึ่งแต่ต้องระมัดระวัง อย่าให้นักการเมืองครอบงำและแทรกแซงฉวยประโยชน์ เชื่อว่าพลังบริสุทธิ์ที่ออกมา แม้เป็นพลังต่อต้านรัฐบาลก็จะได้รับฟังความเห็น แต่ถ้ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องปลุกระดมจะอันตรายทันที ไม่ใช่พลังบริสุทธิ์ แต่จะกลายเป็นเครื่องมือนักการเมือง ยืนยันว่าที่มีเฟคนิวส์ระบุว่าตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรค รปช.ต่อต้านการเคลื่อนไหวของนักศึกษานั้นไม่เป็นความจริงซึ่งได้แจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายไปแล้ว
นพ.วรงค์ ยังกล่าวถึงการภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมาว่า ถือว่ารัฐบาลชี้แจงได้ดี ที่ผ่านมาหากฝ่ายค้านทำหน้าที่อภิปรายได้ดี อาจถึงขั้นส่งผลให้นายกฯหรือรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายติดคุกได้เลยแต่ครั้งนี้แทนที่รัฐบาลจะแย่ กลับมีเสียงในสภามากขึ้น ขณะที่ฝ่ายค้านกลับแตกกันเอง ถือว่าล้มเหลว ภาพออกมาจึงเป็นความแตกแยกฝ่ายค้านเอง
พปชร.ยื่นขอให้สภารับฟังนร.-นศ.
ขณะที่ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าว หลังยื่นเสนอญัตติด่วนต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและมีมติให้มีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา โดยคณะยื่นญัตติ กังวลว่าในขณะนี้ได้มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนักเรียน นิสิต และนักศึกษาทั่วประเทศอาทิเมื่อวันที่2กุมภาพันธ์2563ได้มีการนัดหมายชุมนุมในพื้นที่มหาวิทยาลัยถึง14 แห่งทั่วประเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องรวมถึงในสังคมโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งผู้เสนอญัตติและคณะเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน จึงต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนิสิตและนักศึกษา อย่างเป็นทางการเพื่อส่งผลการพิจารณาให้รัฐบาลรับไปดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี