‘ในหลวง-ราชินี’
ทรงห่วงใยประชาชน
รับสั่งรบ.เร่งแก้ภัยแล้ง
นายกฯชี้มีปัญหาอีกมาก
ขอทุกฝ่ายร่วมใจฝ่าฟัน
“ในหลวง-ราชินี” ทรงห่วงใยปัญหาภัยแล้งรับสั่งให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชน นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายบริหารจัดการ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมใจ ระบุ รอ รั้ง ถ่วง ไม่ได้แล้ว ชี้ประเทศมีปัญหาหลายด้าน ต้องแก้ไขพร้อมกัน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 มีนาคม ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีมอบนโยบายการบริหารจัดการภัยแล้งและเตรียมการเก็บน้ำฤดูฝน ปี 2563 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มี 2 เรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจคือ 1.ทำอย่างไรให้มีน้ำใช้อย่างยั่งยืนพร้อมกับเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และฤดูปกติ อย่างไร และ 2.การแก้ปัญหาภัยแล้งที่ปีนี้มีภัยธรรมชาติหลายด้านทำให้ปริมาณน้ำน้อยมาก เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องแก้ไข ซึ่งดีใจที่ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งผู้ใช้น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ทุกหน่วยงานมีผลงานปรากฏ แต่ทำอย่างไรประชาชนจะเข้าใจ ขณะเดียวกันมีหลายพื้นที่ยังมีปัญหา เนื่องจากไม่มีการเตรียมการไว้
ทั้งนี้ หน้าที่ของรัฐบาลต้องรับผิดชอบทั้งหมด โดยขับเคลื่อนทุกอย่างให้ได้ในปีนี้ เราต้องเก็บกักน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลง เราต้องเตรียมการรองรับไว้ทั้งหมด ที่ผ่านมากว่า 10 ปี หลายอย่างล่าช้าแต่เรามาเร่งรัดสร้างแหล่งน้ำในช่วงที่ผ่านมา โดยการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ อีกทั้งรัฐบาลระมัดระวังในเรื่องการทำงานโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระราชินีฯ ทรงห่วงใยพี่น้องประชาชน และทรงรับสั่งรัฐบาลว่าทำอย่างไรให้ลดผลกระทบและให้ช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งรัฐบาลก็น้อมรับไว้ใส่เกล้าฯ ติดตามแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี น้ำคือชีวิต ปัจจุบันเรามีประชากรมากขึ้น การพัฒนาประเทศในเชิงเศรษฐกิจก็ต้องมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้น้ำด้านต่างๆ ก็มากขึ้นตามลำดับ ปัจจุบันเรามีแหล่งน้ำอย่างเดียว คือ น้ำฝนที่ตกลงมา ดังนั้นต้องร่วมมือกันให้ได้ โดยเฉพาะสภาพการเปลี่ยนแปลงเรื่องลมฟ้าอากาศ เป็นสิ่งที่รัฐบาลควบคุมไม่ได้ แต่มีการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ พร้อมจำเป็นต้องเร่งรัดปรับแผนบริหารจัดการน้ำ ซึ่งไม่ใช่ 20 ปีใช้สูตรเดียวทั้งหมด แต่มีการปรับแผนตลอด เพื่อรับมือปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ที่ผ่านมาแม้มีการสร้างสถานที่กักเก็บน้ำเพิ่มเติมจำนวนมาก แต่เมื่อฝนไม่ตก หรือฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยก็มีปัญหา โดยมีการคาดการณ์ในปีนี้จะมีปัญหาเกือบทุกภาคของประเทศ ซึ่งมีการประกาศเขตภัยแล้งไปแล้ว 5,849 หมู่บ้าน ใน 22 จังหวัด อีกทั้งประเทศไทยอยู่ในอันดับ 8 ที่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยมีการคาดการณ์ 10 ปีข้างหน้า จะมีผลต่อจีดีพีให้ลดลง 3.04 เนื่องจากเราเป็นประเทศการเกษตร ทำให้การเพาะปลูกพืชมีปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่ทำอย่างไรไม่ให้เสียหาย ซึ่งอาจเป็นภัยแล้งที่ทำให้เสียหายที่สุดในรอบ 20 ปี แต่ถ้าเราร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นได้ ดังนั้นเราจะรอ รั้ง ถ่วง อะไรไม่ได้อีกแล้ว จึงต้องช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ดี การที่รัฐบาลทำโครงการต่างๆ ต้องผ่านประชาพิจารณ์และความเห็นชอบของประชาชน ซึ่งหลายโครงการมีปัญหาเพราะประชาชนไม่ยินยอม จึงเป็นสิ่งที่ต้องขอความร่วมมือ อีกทั้งยังมีโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐบาลจะผลักดันในอนาคต ขอเพียงอย่างเดียวต้องสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นแก่ประโยชน์ประเทศชาติ เพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
“บางคนไปบิดเบือนว่านายกฯ ไปต่อว่าประชาชนอีก ขณะเดียวกัน ขอให้ทุกคนต้องช่วยกันประหยัดน้ำ และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าทุกหยด รวมถึงการอาบน้ำ การใช้น้ำ และเปิดปิดก๊อกน้ำต่างๆ คนที่ไม่ขาดน้ำอาจไม่รู้สึกตรงนี้ จึงต้องสร้างจิตสำนึกรักษาน้ำ พร้อมกับช่วยกันปลูกป่าต้นน้ำ แต่ก็มีปัญหาการเผาป่าที่รัฐบาลได้ระดมทุกสรรพกำลังไปดับไฟป่า และตราบใดที่ยังมีการบุกรุกทำลายป่า ก็จะเป็นสาเหตุของปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบกลางเพิ่มเติมไปแล้วในแผนงานเร่งด่วน เพื่อหาวิธีส่งเสริมการจัดแหล่งเก็บกักน้ำ โดยหลายพื้นที่และทุกจังหวัดก็มีงบลงไป ซึ่งเป็นการใช้จ่ายงบกลางฉุกเฉินเมื่อจำเป็น ไม่ใช่นายกฯ เอางบกลางมาตัวเลขเท่าไหร่ แล้วสั่งให้ได้ทั้งหมด ซึ่งทำไม่ได้ อำนาจของตนไม่ได้มีขนาดนั้น และถึงมีอำนาจก็ไม่ทำเช่นนั้น เพราะทุกอย่างการใช้จ่ายงบประมาณมีการตรวจสอบทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีโครงการแก้ไขเพิ่มเติมปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2562-2563 อีก 2,041 โครงการ ถ้าไม่มีปัญหาน้ำฝน หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ตนได้ไล่ดูและเร่งรัดแผนงานปี 2563 มีโครงการเร่งด่วนเพื่อพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ เตรียมรับน้ำฤดูฝน 14 หน่วยงาน 1,320 โครงการ นับแต่นี้ต้องดำเนินการให้เร็ว เพิ่มน้ำให้ได้ 276 ล้านลูกบาศก์เมตร ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการและรายงานผลให้รัฐบาลทราบ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะท้องถิ่น ต้องตรวจสอบสถานีควบคุมน้ำ และประตูระบายน้ำ ช่วงที่ผ่านมาได้ให้เงินแก้ปัญหาไปมากพอสมควรแต่หลายพื้นที่ปรับใช้ไมได้เป็นเวลานาน เราต้องยอมรับข้อเท็จจริงด้วย ไม่ใช่รัฐบาลแก้ตัว ยืนยันว่าต้องลดความสูญเสียจากปัญหาโดยบูรณาการทุกหน่วยงาน ผู้ว่าฯ ต้องกำกับดูแลบริหารจัดการน้ำระดับพื้นที่อย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การประชุมตนต้องการให้กระชับขึ้น และปิดท้ายด้วยเรื่องข้อกฎหมายว่าทำได้หรือไม่
“ผมคิดว่าทุกคนเข้าใจว่าภัยแล้งเป็นปัญหาหลักของประเทศ วันนี้เรามีปัญหาอยู่หลายด้าน ซึ่งทุกปัญหาเราต้องบูรณาการแก้ปัญหา และทุกอย่างมีบทเรียนมาทั้งสิ้นจากในอดีตที่ผ่านมา ถ้าเราไม่เอาอดีตแล้วไปทำมันก็จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป ดังนั้น ความร่วมมือของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ โดยรัฐบาลก็ต้องซื่อสัตย์สุจริตและทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยตรง นั่นคือเจตนารมณ์และความตั้งใจของผม และคิดว่าทุกคนก็ตั้งใจแบบผม ทำอย่างไรให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้น สิ่งไม่ดีก็ช่วยกันแก้ต่อไป หลายๆอย่างอย่าให้มีผลกระทบซึ่งกันและกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ท้ายที่สุดก็จะไม่มีอะไรให้โทษใครได้อีกแล้ว เพราะประเทศชาติเสียหายไปแล้วในสายตาของต่างประเทศ และความเชื่อมั่นในประเทศ ทุกอย่างเสียหายไปทั้งหมด และไม่มีใครแก้ไขได้ ก็คือสิ่งที่ตนต้องการให้ทุกคนได้ทราบ
วันเดียวกัน นายมณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) ได้ติดตามสภาพอากาศและตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าบริเวณความกดอากาศสูงจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน จะทำให้เกิดพายุฤดูร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ทั้งนี้ ลักษณะอากาศดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก และฟ้าผ่า ในช่วงวันที่ 3–5 มีนาคมนี้ กอปภ.ก.จึงประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมสถานการณ์ภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี