"ธนาธร"ปัดวุ่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแฟลชม็อบนศ. พร้อมยุส่งโอกาสดีที่สุดในรอบ 10 ปีเปลี่ยนแปลงประเทศ อย่าปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด อ้าง"บิ๊กตู่"แค่ลาออกยังไม่พอแล้ว ต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่เท่านั้น ลั่นไม่อยากติดคุกลูกชายยังล็ก แต่ถ้าโดนจริงไม่หนีแน่นอน
วันที่ 7 มีนาคม 2563 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวระหว่างไปบรรยายพิเศษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศเมื่อวานนี้( 6 มีนาคม ) ถึงการออกมาชุมนุมแฟลชม็อบของนักศึกษาในหลายมหาวิทยาลัยว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องการกับเคลื่อนไหวดังกล่าว หากแต่สิ่งทีเกิดขึ้นเกิดจากจุดประกายทางความคิดและสร้างบันดาลใจกันและกัน และยอมรับว่า ตนประหลาดใจที่เห็นนักศึกษาเหล่านี้ออกมาเคลื่อนไหว
นายธนาธร กล่าวว่า ในอนาคตข้างหน้า เราจะต้องนำพาทุกภาคส่วนให้ร่วมมือกันออกมาเพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เราจะต้องทำมันให้สำเร็จ และต้องไม่เสียโอกาสนี้โดยเด็ดขาด สำหรับตนรูปแบบและวิธีสามารถยืดหยุ่นได้ แต่ที่สำคัญคือ อุดมการณ์ต้องไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการชุมนุมของนักศึกษาจะไม่บานปลายเหมือนในฮ่องกงเพราะพวกเขารู้จักการชุมนุมอย่างสันติวิธี
"แต่คำถามที่สำคัญคือ อะไรจะเป็นข้อเรียกร้องร่วมกันทีฝ่ายที่ต่อต้านรัฐบาลจะยอมรับร่วมกันได้ โดยข้อเรียกร้องทั่วไปมีอยู่ 2 ทางคือ 1.ให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ 2. คือยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ซึ่งผมเชื่อว่าทางออกเดียวที่นักศึกษาจะพอใจคือต้องยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ เพราะว่า พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม ระบอบเผด็จการก็ยังคงดำเนินต่อไป"นายธนาธร กล่าว
และว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชานที่ออกมาเลือกตั้ง 35 ล้านเสียง 47% เลือกพรรคที่มีจุดยืนไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ 25 % เลือกพรรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่อีก 27 % เลือกพรรคที่ไม่แสดงจุดยืนว่าเอาหรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ระยะห่างระหว่างคนที่เอาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์นั้นต่างกันเยอะมาก แต่กลับกลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่สะท้อนผลการเลือกตั้ง ที่แท้จริงและไม่สะท้อนถึงความต้องการของประชาชน
เมื่อถามว่า หากต้องเข้าเรือนจำ นายธนาธรวางแผนไว้อย่างไร นายธนาธร กล่าวว่า เอาจริง ๆ ก็ไม่อยากเข้าคุก เพราะลูกชายคนเล็กสุดอายุแค่ 15 เดือนและยังอยากดูลูกเติบโตต่อไป แต่หากต้องเข้าจริง ๆ ก็ยืนยันว่า จะไม่หนี อย่างไรก็ตาม รัฐพยามใช้กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อปิดปากฝ่ายตรงข้าม อย่างกรณีของนางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ที่ออกมาพูดเรื่อง 1MDB ส.ส.ร่วมพรรค และบรรดานักเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน เนื่องจากรัฐมองว่าเป็นอุปสรรคในการครองอำนาจของรัฐ
เมื่อถามถึงความรู้สึกและบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการที่มี ส.ส.แปรพักตร์ไปอยู่กับรัฐบาล นายธนาธร กล่าวว่า มีทั้งหมด 14 คนสิ่งที่ตนเรียนรู้อย่างเจ็บปวดคือ การหักหลังเป็นเรื่องธรรมดาในเกมการเมือง เนื่องจากมีเวลาหาตัวผู้สมัครส.ส.เพียงแค่ 3 เดือนทำให้ไม่สามารถรู้จักปูมหลังของ ผู้สมัครแต่ละคนได้มากกว่าข้อมูลที่ปรากฎบนใบสมัคร ซึ่งตนรู้สึกถูกหักหลังและผิดหวังเป็นอย่างมากกับ ส.ส. ที่แปรพักตร์ เพราะพรรครณรงค์อย่างเข้มข้นก่อนการเลือกตั้งว่า ไม่เอาเผด็จการอย่างเด็ดขาด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี