ปัดคนสนิทกักตุนหน้ากาก
‘ธรรมนัส’โต้
ลั่นถ้าปชช.ไม่เอาก็พร้อมออก
ส่งทีมงานแจ้งความ2ข้อหา
ผิดพ.ร.บ.คอมพ์-ทำเสียชื่อ
พณ.เชือด102รายโก่งราคา
‘จุรินทร์’ยันแจกจ่ายโปร่งใส
“ธรรมนัส”โต้เพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ”แฉคนสนิททีมงานรมต.ตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ส่งนายทุนจีนซื้อลอตใหญ่ ยันไม่เกี่ยวข้องไม่รู้จักพร้อมตั้งกรรมการสอบ ลั่นผิดจริงฟันไม่เลี้ยง พร้อมนำทีมไปจับเอง ด้านคนสนิทรมช.เกษตรฯโร่แจ้งความ
เอาผิด 2 ข้อหา “ผิดพ.ร.บ.คอมพ์ฯ-ทำเสียชื่อเสียง ยันไม่เกี่ยวกักตุน แจงเจอแค่ครั้งเดียว ไม่สนิท ขณะที่กองปราบบุกค้นบ้าน “ศรสุวีร์”เจ้าของคลิปไลฟ์ขายแมส ไม่เจอตัว แหนสาวอ้างคลิปเก่า ด้านเจ้าตัวโร่พบตร. ปฎิเสธไม่รู้ว่าของใคร
จากการแพร่ระบาดอย่างหนักของเชื้อไวรัสโควิด -19 ส่งผลให้หน้ากากอนามัยกลายเป็นสินค้าที่ประชาชนต้องการจำนวนมาก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทำให้เกิดปัญหากักตุน จำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคา ซึ่งรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาพร้อมขยายผลหาต้นตอที่ทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน
เพจดังอ้างคนสนิทรมต.ตุนหน้ากาก
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม เฟซบุ๊กชื่อดัง แหม่มโพธิ์ดำ ออกมาเผยแพร่ข้อความเมื่อเวลาประมาณ 00.05 น. ระบุ “มีนักข่าวคนไหน สนใจทำข่าว คนสนิทผู้ติดตามรัฐมนตรีฉาวคนหนึ่ง มีหน้ากากในสต๊อกเป็นล้านอัน พร้อมหลักฐาน ติดต่อหลังไมค์ได้นะ ชาวโซเชียลหาเจอคนอมหน้ากากแล้ว” หลังการเปิดเผยข้อมูลของแหม่มโพธิ์ดำมีชาวโซเชียลเข้าไปแสดงความคิดเห็นใต้โพสต์ดังกล่าวเป็นรูปภาพของโพสต์เฟซบุ๊กบุคคลหนึ่ง อ้างว่า มีหน้ากากอนามัย 5 ล้านชิ้น ขายชิ้นละ 14 บาท เป็นหน้ากากอนามัย 3 ชั้น ประเภทใช้ทางการแพทย์ แบ่งขายทีละ 1 ล้านชิ้น โดยต้องแสดงหลักฐานทางการเงินหรือนำนายทุนจีนมาติดต่อซื้อเท่านั้น
แฉมี200ล้านชิ้นขายต่อนายทุนจีน
นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ เป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า วันนี้มารับหน้ากากอนามัย 2 แสนชิ้นก่อน วันต่อไปจะมารับไปอีก 2 ล้านชิ้น และถ่ายวิดีโอชายคนหนึ่งไว้ด้วย โดยชายคนดังกล่าวพูดว่า “มีเยอะ อย่ากลัวว่าจะไม่ได้ ขอให้มีเงินกัน ขอให้มีเงินจริงๆ มาเอากับผมได้ มีใบเซอร์” อีกทั้ง ยังโพสต์เผยแพร่หน้าสมุดบัญชีธนาคาร พร้อมข้อความอ้างว่า “วันนี้มีสินค้าหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ราคาดี” อีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลคลิปที่เพจแหม่มโพธิ์ดำโพสต์เผยแพร่นั้น อ้างชื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กคือ นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี อ้างว่ามีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น เพื่อขายต่อให้กับนายทุนจีนและผู้อื่น และในเฟซบุ๊กดังกล่าวยังปรากฎภาพ นายศรสุวีร์ กับนายพิตตินันท์ รักเอียด ผู้ติดตามร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ด้วย
นายกฯหน้าเครียดไม่ตอบคำถาม
หลังการเปิดเผยข้อมูลของเพจดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” ผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระหว่างเดินทางไปเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงในเรื่องดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม แต่มีสีหน้าเคร่งเครียด
“ธรรมนัส”ปัดทีมงานเอี่ยวกักตุน
ที่รัฐสภา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แถลงชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวคนสนิทกักตุนหน้ากากอนามัน 200 ล้านชิ้นว่า ที่นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ไปลงเฟซบุ๊กว่าขายหน้ากากอนามัยนั้นยืนยันว่าตนไม่ได้รู้จักกับบุคคลผู้นี้ ไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา สำหรับกรณีชองนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของตนยังไม่ได้สอบถามโดยตรง และเรื่องนี้ได้เรียนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมแล้ว
สำหรับนายพิตตินันท์นั้น เป็นอดีตผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ตอนสมัครเลือกตั้งตนได้รับรายงานว่านายพิตตินันท์มีคะแนนดี ก็อยากให้ทำงานการเมืองในพื้นที่ต่อไปและขอมาสมัครเป็นคณะทำงาน ดูแลเฉพาะจ.สุราษฎร์ธานี ได้ให้ทีมงานสอบถามแล้วว่าไปรู้จักกับนายศรสุวีร์อย่างไรปรากฎว่ามีการนัดเจอกันที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่กทม. เบื้องต้นทราบว่าเป็นการเจรจาเพื่อเอาหน้ากากไปแจกชาวบ้านในพื้นที่เขตเลือกตั้งของเขา ไม่มีการซื้อขายหน้ากาก
สั่งแจ้งความลั่นถ้าทำจริงจะพาไปจับเอง
“นอกจากนี้ ได้แจ้งทีมงานแล้วว่าให้นายพิตตินันท์ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ว่าตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับวงจรนี้ และเอาผิดกับนายนายศรสุวีร์ ที่สุราษฎร์ธานี ยืนยันผมไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการการขายหน้ากาก และประสานสภ.หนองปรือชลบุรีให้ตรวจสอบโดยเร็วและหากมีการกักตุนหน้ากากจริง ผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากมีความผิดจริง จะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผมหากไปเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว และว่า ตนไม่ทราบว่ามีหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้นหรือไม่ หรือแค่โม้ แต่ให้ตำรวจไปตรวจสอบดำเนินคดีทันที ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีหน้ากากจริง น่าจะเป็นคนที่อยากดังมากกว่า อย่างไรก็ตามประเด็นนี้สังคมให้ความสนใจ ดังนั้น การนำเสนอข่าวต่างๆอยากให้นำเสนอข้อเท็จจริงก่อน เพราะตนไม่อยากไปดำเนินคดี แต่จริงๆแล้วที่สื่อที่เอาลงไปแต่เช้า ตนได้ให้ฝ่ายกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว
ออกโรงไล่บี้หาโรงงานต้นตอ
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวอีกว่า เรื่องนี้อาจเป็นโชคร้ายของนายศรสุวีร์ที่โพสต์เฟซบุ๊กอย่างนั้น ตนเอาจริงเอาจัง วันนี้จะรู้ว่ามีโรงงานจริงหรือไม่ ตนสั่งการไปแล้ว แม้จะไม่ใช่หน้าที่กำกับดูแลเรื่องหน้ากากอนามัย แต่เมื่อมาพาดพิงเกี่ยวกับตน ต้องจัดการให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องนี้จะมีผลต่อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตนเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ถ้าวันหนึ่งประชาชนไม่เอาเราแล้ว เราไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้ว ไม่ต้องปรับคณะรัฐมนตรี ตนยินดีไปทันที ตนไม่ได้มีอาชีพเป็นนักการเมือง
แจงสื่อ4ข้อลั่นพร้อมดำเนินคดี
ต่อมาร.อ. ธรรมนัสยังออกเอกสารชี้แจงกรณีเพจแหม่มโพธิ์ดำโพสต์อ้างคนสนิทผู้ติดตามร.อ.ธรรมนัสกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นเพื่อขายต่อให้นายทุนจีนและผู้อื่นว่า (1) จากการตรวจสอบพบผู้กักตุนและขายหน้าหากอนามัยคือ นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตน (2) ส่วนนายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้านั้น ได้ยืนยันกับข้าพเจ้าว่าได้ไปพบกับนายศรสุวีร์ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง ที่โรงแรมแมริออท (ประตูน้ำ) กทม. แต่ไม่ได้ซื้อขายหน้ากากอนามัยกันและไม่เคยรู้จักกันกับนายศรสุวีร์มาก่อนเป็นการพบกันครั้งแรก
(3) เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ตนขอให้นายพิตตินันท์ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคา ความผิดที่ถูกนายศรสุวีร์แอบอ้างนำข้อความไปโพสต์ดังกล่าว พร้อมให้นำหลักฐานการแจ้งความมาแถลงข่าวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบอีกทางแล้ว และ(4) นายพิตตินันท์ เคยเป็นผู้สมัครส.ส.เขต 6 0”สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้าจริง แต่หากพบว่านายพิตตินันท์มีส่วนเกับการทำความผิดของนายศรสุวีร์ดังกล่าว ข้าพเจ้าพร้อมให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับนายพิตตินันท์ทันที
‘ธรรมนัส’”ฉุนร้องผบ.ตร.เร่งสางคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวกัน .ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ทำหนังสือที่กษ. 0100/1081 ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นกรณีเร่งด่วน โดยระบุว่า ตามที่มีสื่อต่างๆเสนอข่าวเกี่ยวกับกรณีนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ได้กักตุนและจำหน่ายสินค้าหน้ากากอนามัยในราคาสูง และได้พาดพิงไปยังนายพิตติพันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของตนว่ามีส่วนรู้เห็นในการดำเนินการดังกล่าว ทำให้ตนเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ตนขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ หากผู้ใดเกี่ยวข้อง ขอให้ดำเนินคดีตามกฏหมายให้ถึงที่สุด.
ทีมงานโร่แจ้งความ2ข้อหา
ขณะที่ นายพิตตินันท์ รักเอียด คณะทำงานของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯเปิดเผยว่า เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ที่สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี 2 ข้อหาคือ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และการกักตุนสินค้า รวมทั้งมอบให้ทนายความดำเนินการกรณีแอบอ้างชื่อ เพื่อดำเนินการให้เต็มที่ เนื่องจากทำให้เกิดความเสื่อมเสียทั้งตนและร.อ.ธรรมนัส ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ที่กักตุนหน้ากากอนามัย ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว พบกันเพียง 2 ชั่วโมง จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการตลาดของผู้ที่โพสต์เฟซบุ๊กที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือ ส่วนที่นายศรสุวีร์ โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณในฐานะพี่ชาย ที่ทำให้เข้าใจกันได้ว่าสนิทสนมกันนั้น ยืนยันว่าไม่สนิทกัน พบกันเพียงครั้งเดียว และไม่เคยเจรจาหรือพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัย ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย.
ป.บุกบ้านศรสุวีร์-แฟนยันคลิปเก่า
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจกองปราบปราม กก.2 พร้อมตำรวจ สภ.หนองปรือ เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่149/30 หมู่7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี บ้านของนายศรสุวีร์ ที่แอบอ้างคนสนิทผู้ติดตาม รมช.กระทรวงเกษตรฯ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงบ้านหลังดังกล่าว ไม่พบนายศรสุวีร์พบแต่น.ส.แป้ง ซึ่งเป็นแฟนของนายศรสุวีร์ อยู่บ้านเพียงคนเดียว โดยน.ส.แป้ง กล่าวว่า นายศรสุวีร์ไปจ.จันทบุรี ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 8 มีนาคม และยังไม่ามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง และคลิปดังกล่าวนั้นก็นานมากแล้ว ก่อนประกาศพ.ร.บ.เกี่ยวกับหน้ากากอนามัย และที่บ้านก็ไม่มีสักอันเดียว
“ในคลิปเป็นคลิปเก่า และไม่ใช่ของนายศรสุวีร์ ที่ในคลิปลงไปแค่อยากขายเท่านั้น เรื่องดังกล่าวต้องให้นายศรสุวีย์มาชี้แจงเอง เท่าที่ทราบมาคาดว่าช่วงเย็นจะเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ”น.ส.แป้งกล่าว
จับแล้ว102รายโก่งราคาหน้ากาก
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ค้าขายหน้าหน้ากากอนามัยเกินราคาและกักตุน โดยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์แถลงผลจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่ทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ว่า พณ.ส่งสายตรวจ ออกตรวจสอบทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมเป็นต้นมา ปัจจุบันจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 102 ราย แบ่งเป็นในกทม. 74 ราย ส่วนต่างจังหวัดอีก 28 ราย ความผิด 2 ข้อหาคือ มาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และความผิดตามมาตรา 29 และ 30 คือ ค้ากำไรเกินควรและกักตุน สินค้า โทษหนักจำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 1.4 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ในส่วนการจับกุมผู้ค้าออนไลน์ทั้ง Facebook Line Instagram พณ.ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันได้จับกุมไปแล้ว 14 ราย
ดีเดย์จับคนขายเกินชิ้นละ2.50บ.
ปลัด พณ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กระทรวงจะตรวจสอบและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยที่จำหน่ายเกินราคาที่กฎหมายกำหนดไว้คือชิ้นละ 2.50 บาท ถ้าพบผู้ทำผิดจะถูกดำเนินคดีข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินราคาที่กฎหมายกำหนด เป็นความผิดตามมาตรา 25 โทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบว่าผู้ทำผิดขายแพงเกินจริงและกักตุนสินค้าด้วย จะเป็นความผิดทั้ง 2 กระทง โดยต้องโทษหนักกว่า คือ จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้พบเห็นการกระทำความผิดดังกล่าว แจ้งเบาะแสมาได้ที่กรมการค้าภายใน สายด่วน 1569 เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ร้องปลดรมว.พณ.-อธิบดีกรมค้าภายใน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ใช้อำนาจรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา231 เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและเสนอแนะต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้พิจารณาปลดอธิบดีกรมการค้าภายใน และรมว.กระทรวงพาณิชย์ ฐานไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการหน้ากากอนามัย เพื่อนำไปสู่การจัดการและแก้ปัญหาการกระจายหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถคนใหม่ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี