‘จุรินทร์’ย้ำชัดวิถีประชาธิปไตยของปชป. ยึดมติพรรคเป็นที่สุด
11 มีนาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่า ตนได้มอบหมายให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป. นัดหมายวาระการประชุมของพรรคแล้ว ส่วนในเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตนคิดว่าท่าทีนายกรัฐมนตรีก็มีความชัดเจนแล้ว ว่าเจตนาที่แท้จริงของท่านคืออะไร คงไม่ต้องย้อนกลับไปตรงนั้น
ส่วนถ้าจะมีการปรับปรุง ครม. เกิดขึ้นในอนาคตอันนั้นถือว่าอยู่ในดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรี และพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นหลัก พรรคประชาธิปัตย์เป็นเพียงแค่พรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งจึงต้องฟังว่านายกรัฐมนตรี และพรรคแกนนำมีความประสงค์อะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่ามี ส.ส.จำนวนหนึ่งของประชาธิปัตย์ จะมาแสดงพลังให้พรรคทำงานร่วมกับรัฐบาลต่อไป คาดว่าจะมีจำนวนเท่าไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบประเด็นนี้ แต่ในพรรคมีความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทุกยุค ทุกสมัย ในทุกกรณี แต่จะยุติได้ ด้วยมติของพรรค ขึ้นอยู่กับว่าที่ประชุมไหนอย่างไร และมีข้อบังคับพรรคกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว
“เช่น ตอนเข้ามาร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้หมายความว่าหัวหน้าพามาร่วมรัฐบาลแต่เป็นไปตามข้อบังคับของพรรคนั่นหมายความว่าการร่วมรัฐบาลนั้น จะต้องเป็นมติร่วมของ ส.ส.ของพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งก่อนเข้ามาร่วมรัฐบาลตามคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ ก็มีการประชุมร่วมและแสดงความเห็นจนได้ข้อยุติ และมีการลงมติว่าที่ประชุมเห็นชอบให้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ 61 เสียง ไม่เห็นด้วย 16 เสียง เมื่อเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรร่วมรัฐบาลทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามมติพรรค จึงมีการเข้าร่วมรัฐบาลมาถึงทุกวันนี้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ถ้าจะมีความเห็นเป็นอย่างอื่น ก็ต้องเอาเข้าที่ประชุมร่วมกรรมการบริหารพรรค และ สส.ของพรรคเหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเสียงข้างน้อยแพ้โหวตจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นในพรรคหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบว่า ถ้าเรายึดระบอบประชาธิปไตยก็ต้องเคารพมติที่ประชุม ซึ่งมาจากการแสดงความคิดเห็น และสุดท้ายก็เป็นการยุติด้วยการลงมติ ก็ต้องยุติโดยเสียงข้างมากที่ปรากฏออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียข้างมากจะไม่ฟังเสียงข้างน้อย แต่เมื่อมีข้อยุติแล้วก็ต้องเอาตามมติเสียงข้างมาก เพราะฉะนั้นองค์กรก็ไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้นี่คือวิถีประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเกลี่ยตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบว่า ตอนจัดตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรค ได้มีการพิจารณาในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.ของพรรคร่วมกันเช่นเดียวกัน เพราะต้องเป็นมติตามข้อบังคับพรรคที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่มาเป็นรัฐมนตรีก็เป็นไปตามมติของที่ประชุมนั้น ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งกำหนดได้ทั้งหมด
“ส่วนถ้าจะมีการปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีอย่างไร ก็ต้องเริ่มต้นจากนายกรัฐมนตรี และพรรคแกนนำรัฐบาลถ้าประสงค์จะทำอย่างไรก็แจ้งให้ทราบพรรคประชาธิปัตย์ก็จะนำไปพิจารณาต่อไป ขั้นตอนกระบวนการนี้ชัดเจน และเป็นวิถีประชาธิปไตยในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใครเป็นหัวหน้าพรรคหรือมีตำแหน่งใด ก็ต้องปฏิบัติตามมติพรรค แต่ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี