กมธ.ซีกฝ่ายค้าน แค้นฝังหุ่น เสนอตัดอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ด้าน‘พงศ์เทพ’ เปิดโอกาสให้ฝ่าย กมธ.สภา เรียกมาถามถึงการพิพากษา ‘ชัยเกษม’ เสนอให้มีบทบาทเป็นเพียงแค่คณะกรรมาธิการ
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาเนื้อหาของรัฐธรรมนูญในหมวด 10 ว่าด้วยศาล โดยกรรมาธิการวิสามัญฯส่วนใหญ่เสนอให้ทบทวนบทบาทและอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา กรรมาธิการวิสามัญฯสัดส่วนของฝ่ายค้าน กล่าวว่า กระบวนการการตรวจสอบการใช้อำนาจตุลาการนั้นปัจจุบันเป็นการตรวจสอบกันเอง แต่ไม่มีกรณีที่ฝ่ายนิติบัญญัติเข้าไปตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของฝ่ายตุลาการได้ ส่งผลให้ที่ผ่านมาเกิดกรณีลักลั่นกัน เช่น บางศาลไม่ให้โอกาสคู่ความนำพยานเข้ามาสืบโดยไม่ทราบเหตุผล เป็นต้น ดังนั้น ต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้คณะกรรมาธิการของสภาเรียกมาถามถึงการพิพากษาอรรถคดี กระบวนการตรวจสอบฝ่ายตุลาการเดิมมีการถอดถอนได้แต่ปัจจุบันไม่มีอำนาจส่วนนี้แล้ว ดังนั้น การตรวจสอบตุลาการเป็นกรณีที่เราเห็นปัญหาอยู่แต่ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
นายชูศักดิ์ ศิรินิล กรรมาธิการวิสามัญฯสัดส่วนฝ่ายค้าน กล่าวว่า ความเป็นอิสระของผู้พิพากษาในการพิจารณาอรรถคดี มีปัญหาใหญ่ คือ ปัญหาความเป็นอิสระของศาลจากปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เช่น การที่มีการแต่งตั้งตุลาการไปดำรงตำแหน่งบางตำแหน่งในหน่วยงานภายนอก หรือการจัดทำหลักสูตรบางหลักสูตรของศาลที่นำเอกชนเข้ามาอบรมและมีค่าใช้จ่ายจำนวนสูงเลี้ยงดูปูเสื่อพอสมควร สังคมก็วิจารณ์มานานแล้วแต่ยังไม่มีใครแตะต้องมากนัก จึงต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ตุลาการเป็นอิสระอย่างแท้จริง
"ศาลรัฐธรรมนูญนั้นเห็นว่าอำนาจหน้าที่มีมากเกินไปและบางเรื่องบางองค์กรชี้ขาดได้เอง แต่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นซูเปอร์องค์กร และวินิจฉัยสร้างรัฐธรรมนูญเสียเอง จึงมีคาวามเห็นกันกว่าควรมีการเปลี่ยนแปลงและจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่ เช่น การตั้งคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญ เป็นต้น" นายชูศักดิ์ กล่าว
ด้าน ชัยเกษม นิติสิริ กรรมาธิการวิสามัญฯสัดส่วนฝ่ายค้าน กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดที่ควรจะทำ คือ ผู้แทนปวงชนควรมีสิทธิวิจารณ์ถึงความถูกต้องเป็นธรรม ซึ่งเป็นการตรวจสอบโดยประชาชน แต่ที่ผ่านมาทำอะไรไม่ได้เลย สำหรับกรณีของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเหมือนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด แต่ในมุมมองส่วนตัวคิดว่าควรทำหน้าที่เป็นเสมือนหนึ่งคณะกรรมาธิการคณะหนึ่งเท่านั้นมีผู้มีความรู้หลากหลายสาขาวิชา ไม่ใช่ตัดสินชี้เป็นชี้ตายแบบการยุบพรรคการเมือง
เช่นเดียวกับ นายโภคิน พลกุล กรรมาธิการวิสามัญฯสัดส่วนฝ่ายค้าน กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมไม่ได้ทำหน้าที่อย่างควรที่จะเป็น เช่น การไม่ให้ศาลปกครองเข้าไปตรวจสอบองค์กรอิสระ เป็นต้น ดังนั้น ควรกำหนดลงไปให้ชัดเจนว่าการใช้ดุลพินิจขององค์กรอิสระต้องถูกตรวจสอบได้ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญควรกลับไปเป็นระบบคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่หลักในการความเห็น ส่วนเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาก็ควรให้ทำได้ภายใต้หลักวิชาการ
นายโภคิน กล่าวว่า การตัดสินของศาลควรเกิดจากหลักกฎหมายอย่างแท้จริง เราต้องมาดูทั้งระบบ รัฐธรรมนูญอาจจะวางไม่ได้ทั้งระบบ แต่ควรเข้าไปแก้ไขในส่วนอื่นๆ เราต้องพิจารณาจริงจัง ต่อให้เราเขียนรัฐธรรมนูญได้ดีแต่บ้านเมืองไม่มีความยุติธรรม สุดท้ายก็จะถึงทางตัน
นายชัยธวัช ตุลาธน กรรมาธิการวิสามัญฯสัดส่วนฝ่ายค้าน กล่าวว่า เรื่องศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระเป็นเรื่องใหญ่ เดิมเราหวังว่าจะออกแบบเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจที่ฉ้อฉล แต่กลับปรากฎว่าองค์กรเหล่านี้กลับไม่สามารถตรวจสอบได้ เพียงแค่เฉพาะปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นปัญหาใหญ่ว่าเป็นอำนาจอะไรกันแน่ แล้วเมื่อปรากฎว่าศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจเกินกว่ารัฐธรรมนูญกำหนดก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า เราต้องจัดลำดับความสำคัญ บางประเด็นรอได้ แต่บางประเด็นถ้าไม่แก้ไขก็อาจจะมีปัญหาเพิ่มเติม สำหรับกรณีของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระนั้นจะต้องออกแบบกันทั้งระบบว่าจะให้องค์กรใดเป็นหลักและมีอำนาจแค่ไหน แต่สำคัญที่สุด คือ การตรวจสอบถ่วงดุล ส่วนคิดว่าบางองค์กรยังมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับศาล ส่วนการยึดโยงกับประชาชน ไม่จำเป็นต้องมีที่มาจากสภาอย่างเดียว แต่ควรเป็นกลไกที่ให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบได้ผ่านสภา ที่ไม่ว่าตัดสินไปแล้วก็ยังมีอีกลไกเข้ามาตรวจสอบได้
ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษาวิเคราะห์บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่น กล่าวว่า จะรับข้อเสนอทั้งหมดนี้ไปพิจารณาทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเด็นที่คณะอนุกรรมาธิการฯได้พิจารณาไปเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี