‘ธรรมนัส’ มีเสียว!! ยกทีมเข้าองค์‘พระธาตุพนม’ ตามหลังผู้อ้างติดเชื้อโควิด-19 แค่วันเดียว
15 มีนาคม 2563 ความคืบหน้ากรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่คลิปวีดีโอในสื่อออนไลน์ว่าตนเองติดเชื้อโคโรนาไวรัส หรือโควิด-19 โดยอ้างว่าก่อนหน้านี้ได้เดินทางมาสักการะองค์พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา จากนั้นก็กลับเข้า กทม. ต่อมามีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะเป็นไข้ จึงไปพบแพทย์มีผลตรวจเบื้องต้น เข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ในฐานะที่ตนเป็นคนในวงการหมัดมวย จึงนำข้อมูลมาเผยแพร่ เพื่อให้สังคมและคนใกล้ตัวเฝ้าระวังและสังเกตอาการ กักบริเวณตัวเองเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาดต่อบุคคลอื่น
ทั้งนี้ จากการที่เจ้าของเฟซบุ๊กรายนี้ ระบุว่า ก่อนเข้ารับการรักษาตัวได้เดินทางมาที่ จ.นครพนม ดังนั้น นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม จึงสั่งการด่วนถึง นพ.จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม(สสจ.นครพนม) ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที เบื้องต้นทราบว่าวันที่ 11 มีนาคม 2563 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้เดินทางมา จ.นครพนม พร้อมกับเพื่อนๆจริง และได้เข้าไปภายในองค์พระธาตุพนม มีตำรวจยศ ด.ต. 2 นาย เป็นคนพาเข้าไป นอกจากนี้ก็ยังมีนายตำรวจตั้งแต่ยศ พ.ต.ต.-พ.ต.อ. อีก 6 นาย รวมอยู่ในนั้นด้วย
หลังเป็นข่าวว่ามีตำรวจอยู่ใกล้ตัวติดตัวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ทาง พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.สภ.ธาตุพนม จ.นครพนม เปิดเผยว่า เจ้าของเฟซบุ๊กได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวว่าได้ติดเชื้อโควิด-19 โดยให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าวันที่ 6 มีนาคม 2563 ได้เข้าไปในสนามมวยชื่อดังแห่งหนึ่ง จากนั้นชวนเพื่อนๆมากราบนมัสการองค์พระธาตุพนม ในวันที่ 11 มีนาคม เมื่อกลับถึง กทม. ก็มีอาการคล้ายคนเป็นไข้ จึงไปตรวจกับแพทย์ ผลเบื้องต้นแจ้งว่าเข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ปัจจุบันกำลังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่ กทม. แต่ผลยืนยันอย่างเป็นทางการยังไม่สรุปว่าติดเชื้อโควิด 19 หรือไม่
พ.ต.อ.ศรีนคร กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการป้องกัน เฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด จึงได้มีคำสั่ง สถานีตำรวจภูธรอำเภอธาตุพนม ที่ 93/2563 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2563 ให้ ตำรวจยศ ด.ต. จำนวน 2 นาย พร้อมคนในครอบครัว กักตัวเองในบ้านพัก เพื่อเฝ้าดูอากา เป็นเวลา 15 วัน และประสานแพทย์ พยาบาลเข้าตรวจดูอาการ ซึ่งจากการตรวจร่างกายยังไม่พบว่าตำรวจทั้ง 2 นาย มีอาการไข้ แต่ยังต้องเฝ้าระวัง ณ ขณะนี้ยืนยันว่าตำรวจในการบังคับบัญชาของตน ยังไม่ยืนยันการติดเชื้อแต่อย่างใด ส่วนนายตำรวจอีก 6 นาย แม้จะไม่ได้สัมผัสตัวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้อย่างใกล้ชิด ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม จึงมีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาขอกักตัวเองภายในบ้านเป็นเวลา 2 อาทิตย์
สำหรับไทม์ไลน์ที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้เดินทางมาที่ จ.นครพนม เบื้องต้นทราบว่าแวะทานข้าวที่ร้านอาหาร 2 แห่ง กราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 2 แห่ง และนอนพักในโรงแรมอีก 1 แห่ง ขณะที่วัดพระธาตุพนม ฯ ได้มีคำสั่งให้ปิดบริเวณพื้นที่ชั้นใน ห้ามผู้ใดเข้าไปโดยเด็ดขาด ซึ่งทางคณะแพทย์ พยาบาล จะลงไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ป้องกันการแพร่ระบาด โดยหน่วยเคลื่อนที่เร็วของ สสจ.นครพนม ได้แยกย้ายลงพื้นที่ ติดตามป้องกันและดำเนินการตามจุดต่างๆ และผู้สัมผัสกับกลุ่มผู้เสี่ยงทุกเส้นทางที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ไปในพื้นที่นครพนมแล้ว เป็นไปตามระบบควบคุมป้องกัน ถึงแม้ยังไม่ได้รับผลยืนยันการตรวจ แต่ต้องป้องกันคนและเมืองนครพนม ถ้าผลตรวจยืนยันจากส่วนกลางออกมา นั่นคือทาง สสจ.นครพนม ได้ดำเนินการควบคุมป้องกันตามระบบแล้ว ขณะนี้รอส่วนกลางแถลงข่าวยืนยันอย่างเป็นทางการอีกที
นอกจากนี้แล้ว รายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ เดินทางมากราบนมัสการองค์พระธาตุพนม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปรากฏว่าวันต่อมาคือวันที่ 12 มีนาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานเกษตรลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 23 ประจำปี 2563 จากนั้นได้เข้าไปภายในองค์พระธาตุพนม พร้อมกับคณะผู้ติดตาม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเผยว่าหากผู้ใช้เฟซบุ๊กติดเชื้อโควิด-19 จริง ในองค์พระธาตุจะมีความอบอ้าวอากาศถ่ายทอดไม่สะดวก จึงใช้พัดลมเป่าระบายความร้อนออกทางปล่องด้านบน และเชื้อโรคจะตกอยู่ในบริเวณดังกล่าวนานถึง 48 ชั่วโมง ดังนั้นผู้ที่เข้าภายในองค์พระธาตุตามหลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้โอกาสติดเชื้อก็มีสูงเช่นเดียวกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี