“ฝ่ายค้าน” จี้ เปิดประชุมสมัยวิสามัญ ถ้ารัฐบาลเห็นความสำคัญแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 จวกทำงานล่าช้า-ไร้มาตรการป้องกัน สิ่งที่ควรทำทีหลังกลับนำมาทำก่อน เล็งเปิดซักฟอกนอกสภาฯ ครั้งที่ 2
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้านฯ เป็นประธานการประชุม โดยพ.ต.อ.ทวี แถลงภายหลังการประชุมว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ รัฐบาลต้องไม่คิดแค่ว่า จะทำอะไร แต่ต้องคิดว่า ควรไม่ทำอะไร หรือต้องไม่ทำอะไร รัฐบาลต้องฟังเสียงประชาชน ซึ่งวันนี้เริ่มไม่เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาปรากฏเป็นข่าวว่า มีการใช้ภาษีของประชาชนในการไปหาผลประโยชน์ มีการทุจริตคอรัปชั่น โดยเฉพาะในการกักตุนหน้ากากอนามัย ซึ่งไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง อยากเรียกร้องรัฐบาลว่า อย่ามองว่า ฝ่ายค้านหรือประชาชนเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือศัตรู รัฐบาลต้องกล้าเปิดรับฟัง โดยอาจจะเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญเพื่อให้ฝ่ายค้านและส.ว.ได้เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็น เพราะถือว่า เป็นความอยู่รอดของคนไทยทั้งชาติ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญปี 40 ระบุว่า ถ้ามีภัยจากโรคร้ายรัฐบาลจะต้องกระทำให้ทันต่อเหตุการณ์ และไม่ให้ประชาชนต้องเดือดร้อนจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่เห็นมีอะไรเลย หากรัฐบาลนำงบดำเนินการที่มีอยู่ถึง 1 ล้านล้านบาทมาใช้ประมาณ 20% ก็น่าจะสามารถช่วยดูแลประชาชนในส่วนนี้ได้
ด้านนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลพยายามจะทำให้ดีที่สุด แต่เรามองว่า ยังขาดมาตรการที่จะป้องกันได้ เพราะรัฐบาลทำงานล่าช้า เมื่อเกิดภาวะรุนแรงแล้วจึงค่อยมาคิดที่จะทำ ทั้งๆ ที่ประชาชนควรได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาล แต่กลับไม่มีมาตรการอะไรออกมา จนถึงขณะนี้รัฐบาลเคยประกาศหรือยังว่ามีโรงพยาบาลใดบ้างที่มีแผนกรักษาโรคโควิด-19 หรือมีโรงพยาบาลเอกชนใดบ้างที่เข้าร่วมโครงการนี้ รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับเพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ รวมทั้งประชาชนต้องสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ ยารักษาโรค หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ แต่วันนี้กลับไม่สามารถเข้าถึงเพราะกลายเป็นสินค้าควบคุม มีการนำมากักตุน จนสุดท้ายมีการลักลอบส่งออกตามที่เป็นข่าว ทำให้ประชาชนขาดโอกาสการเข้าถึงอุปกรณ์เพื่อป้องกันตนเอง ทั้งนี้ การประกาศให้ปิดสถานบันเทิงทั้งๆ ที่วันนี้ผู้ประกอบการเหล่านี้ก็ขาดทุนอยู่แล้ว จึงยิ่งขาดทุนใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำทีหลัง แต่รัฐบาลกลับนำมาทำก่อน ตรงนี้รัฐบาลมีวิธีการเยียวยาอย่างไรก็ไม่มีการพูดถึง ขณะที่เงินกองทุนประกันสังคมรัฐบาลเคยพูดถึงหรือยังว่า จะนำมาใช้ช่วยเหลือประชาชนอย่างไร หรือว่า เอาเงินตรงนี้ไปใช้หมดแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากเสนอให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขทำงานด้วยกัน โดยให้มีการตรวจสอบในระดับหมู่บ้าน หากตรวจสอบแล้วไม่พบว่า มีผู้ป่วยหรือกลุ่มเสี่ยง ก็ให้ประกาศเป็นหมู่บ้านปลอดโรค เป็นอำเภอปลอดโรค และจังหวัดปลอดโรคต่อไป
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ทั้งประชาชนและต่างประเทศไม่เชื่อถือข้อมูลของรัฐบาล มองว่า รัฐบาลพยายามปกปิดข้อมูลที่แท้จริง นอกจากนี้ การสื่อสารจะต้องรวมศูนย์ ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมากับประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก วันนี้รัฐบาลให้ปิดสถานประกอบการหลายประเภท แต่กลับยังไม่ยอมรับว่าเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 แล้ว เราไม่อยากเห็นการเข้าไปช่วยเหลือทุนใหญ่ก่อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการยึดอำนาจก็มีการใช้นโยบายที่เฉียบขาด หนักแน่นมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้รัฐบาลซึ่งควรจะใช้มาตรการที่เฉียบขาด หนักแน่นเพื่อรักษาความมั่นคงให้กับประชาชน แต่กลับไม่สามารถดำเนินการได้ จนทำให้ประชาชนเริ่มไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถจัดการปัญหาได้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้เปลี่ยนรัฐบาลขึ้นแล้ว
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาฝ่ายค้านพยายามระดมความเห็นเพื่อช่วยเสนอแนะทางออกให้กับประเทศมาโดยตลอด วันนี้รัฐบาลกำลังประสบวิกฤติศรัทธา เพราะการไม่ยอมรับความเชื่อมั่นในการจัดการกับปัญหาของรัฐบาล รวมไปถึงความไม่กลมเกลียวกันของหน่วยราชการ จนนำไปสู่การฟ้องกันไปฟ้องกันมา ทั้งๆ ที่วันนี้รัฐบาลต้องใช้มืออาชีพด้านสาธารณสุขเป็นกองทัพหลัก ถือธงนำ แล้วรัฐบาลเป็นกำลังเสริม การระดมทรัพยากรในสังคมมาถกเถียงกันถือเป็นสิ่งสำคัญ
“การเสนอให้เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญเป็นทางออกในการแก้ปัญหา ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้นำร่องไปแล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่หยิบฉวยขึ้นมารับฟัง โดยช่วง 2 วันที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรคได้มีการหารือกัน ซึ่งต้องยอมรับว่า มีความยากลำบาก เพราะต้องใช้เสียงถึง 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเสียงของฝ่ายค้านไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงอยู่ที่ฝ่ายรัฐบาลว่า จะมองเห็นความสำคัญหรือไม่ อย่างไร แต่หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้งหมดเห็นว่า หัวใจหลักของการแก้ปัญหาคือการระดมความเห็นมาช่วยกัน แต่ไม่ว่า จะได้เปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญหรือไม่ก็ตาม เราจะหาช่องทางในการสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนปกป้องตัวเองให้ได้อย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตาม จากนี้หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านจะมีการหารือร่วมกันในทุกวันพุธจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์” ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าว
ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานพรรคร่วมฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า เบื้องต้นได้มีการกำหนดว่า เวทีซักฟอกนอกสภาฯ ครั้งที่ 2 นั้น จะเป็นการอภิปรายภายใต้หัวข้อ “กระชากหน้ากากแก๊งอมหน้ากาก กระบวนการหากินบนความเป็นความตายของประชาชน” เนื่องจากว่าแม้จะมีการย้ายอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์แล้วก็ตาม แต่เรามองว่า นั่นยังไม่ใช่คำตอบของปัญหา โดยจะมีการหารือถึงวันเวลา สถานที่ และวิทยากรที่จะมาร่วมอภิปรายต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี