วันที่ 19 มีนาคม 2563 เวลา 13.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และทีมผู้บริหารสธ.ร่วมกับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษารมว.สาธารณสุข แถลงข่าวหลังประชุมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหามาตรการป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ในไทย โดยนายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องมั่นใจในบุคลากรที่มีประสบการณ์ผ่านการควบคุมโรคระบาดมาแล้วกว่า 20 ปี และต้องร่วมมือกันต่อสู้ศัตรูของเราคือโควิด-19 ไม่ใช่คนไทยด้วยกัน ถ้าเราช่วยกันสู้จะไม่มีทางพ่ายแพ้ ตอนโรคระบาดมาใหม่ๆ รัฐบาลถูกตำหนิว่าดูแลแต่คนจีน เพราะในช่วงนั้นมีแต่คนจีนที่ติดเชื้อ วันนี้ขอให้มองว่าเราได้อะไรกลับมา จีนพร้อมสนับสนุนเราทุกด้าน เมื่อเช้า แจ็ค หม่า โทรศัพท์เข้ามา ตนต่อสายให้คุยกับนายกฯโดยแจ็ค หม่า ขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดูแลคนจีน และพร้อมสนับสนุนเวชภัณฑ์ เราจึงขอให้แจ็ค หม่า ใช้คอนเน็คชั่นติดต่อไปยังเจ้าของผลิตภัณฑ์ให้ขายของให้ไทย ไม่ต้องให้ฟรี ยามีเท่าไหร่เราซื้อหมด
"รัฐบาลไม่สามารถหาคำพูดไพเราะ อะไรได้อีก นอกจากบอกว่าการสร้างเกราะป้องกันโควิดเป็นภารกิจหลักของรัฐบาลที่จะมอบให้กับประชาชน ถ้าประชาชนให้ความร่วมมือ 14 วันไม่ออกไปไหน โควิดที่อยู่ในคอเราก็แพร่ไปสู่คนอื่นไม่ได้ จะให้ล้างห้อง ล้างถนน ก็ต่อสู้ไม่ได้ วันนี้เห็นพวกผมนั่งทำงาน นั่งประชุมใกล้กันเพราะมีภารกิจเต็มบ่า เราห่วงประชาชนมากกว่าตัวเอง ทุกคนต่างก็กลัวติดโรคแต่ยังต้องมานั่งทำงาน ต่อให้ป่วยเดินไม่ได้ สมองก็ต้องยอมทำงาน จึงขอความเป็นธรรมจากประชาชนให้กับพวกเราบ้าง"นายอนุทิน กล่าว
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลและทีมแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญบืนยันในความพร้อม ในการรับมือโรคระบาดโควิด-19 ในกทม.ได้สำรวจเตียงพยาบาล พบว่าสามารถรองรับผู้ป่วยสูงสุดกว่า 1,000 ราย และขยายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อพร้อมรับมือหากมีผู้ป่วยหนัก 6,000 ราย และได้เตรียมความพร้อมให้โรงพยาบาลชุมชน มีหอผู้ป่วยเฉพาะโรคในวันนี้ได้พูดคุยกับผู้บริหารของกระทรวงและอดีตปลัดกระทรวง และอดีตอธิบดี ซึ่งเป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ผ่านการระบาดของโรค ทั้งไข้หวัดนก โรคซาร์ส ไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยทุกคนเห็นตรงกันว่าทิศทางของประเทศไทยที่เดินตนถึงขณะนี้มีความมั่นใจที่จะดูแลชีวิต และสุขภาพของคนไทย คล้ายกับกรณีซูเปอร์สเปรต ของเกาหลีใต้ ซึ่งจะสามารถควบคุมสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติได้ ยืนยันว่าเราจะไม่ปล่อยให้มีคนป่วยและตาย เหมือนประเทศอังกฤษ
ด้านนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การดำเนินการในแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลมาถูกทางแล้ว โดยระยะแรกเป็นการป้องกันซึ่งทำได้ดีพอสมควร ขณะนี้เรากำลังเข้าสู่ระยะที่มีผู้เจ็บป่วยมากขึ้น จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายให้เป็นหนึ่งเดียว ที่ผ่านมาในระดับปฏิบัติอาจมีความไม่เข้าใจอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันได้ประสานทุกอย่างจนมีความมั่นใจ ทุกเรื่องไม่ใช่ดีดนิ้วทีเดียว และยาจะมา แต่ตอนนี้มีความชัดเจนแล้วว่ายามาแน่ ประชาขนซึ่งเป็นส่วนสำคัญมากที่สุดจึงต้องให้ความมั่นใจถ้าไทยรวมตัวกัน เป็นหนึ่งเดียว ด็จะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปได้ แต่ขณะนี้ยังเห็นวัยรุ่นไปเที่ยวผับ บางคนกลับมาจากต่างประเทศ พ่อ แม่ ส่งไปกักตัวก็ยังรวมตัวกัน สังสรรค์ดื่มเหล้า แล้วกลับบ้านส่งผลให้ญาติติดเชื้อ
ด้านนายแพทย์อุดม คชินทร อดีตคณะบดีแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรค ไม่ตื่นตระหนก ที่ผ่านมาไทยรับมือได้มาก 2 เดือนอีกมีคนไข้ไม่ถึงร้อยราย เสียชีวิตเพียง 1 ราย แต่ในช่วงนี้ผู้ติดเชื้อวันละ 30 ราย และในวันนี้เพิ่มอีก 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากที่ผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการจึงไม่มาพบแพทย์ และบางคนไม่รับผิดชอบต่อสังคมจึงทำให้โรคแพร่ระบาด รัฐบาลห้ามไม่ให้คนมารวมตัวชุมนุมเกิน 50 คน ซึ่งยังยอมให้มากกว่าต่างประเทศที่ห้ามรวมตัวกันเกิน 20 คน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ให้การแพร่ระบาดเข้าสู่ระยะ 3
นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขณะนี้โรคระบาดกระจายไปทั่วโลกโอกาสที่จะทำให้โรคโควิด-19 หายเกลี้ยงไปเป็นเรื่องยาก การเดินทางหลังจากนี้ เป็นเรื่องระยะยาว ไม่ใช่แค่ 1-2 เดือน ที่ผ่านมาเราพยายามกดเอาไว้เพื่อรอยาและวัคซีน โดยขณะนี้เห็นทิศทางแล้วว่ามียารักษาทำให้ไวรัสเพิ่มจำนวนได้น้อยลง และลดความรุนแรงของโรค ขอให้มั่นใจว่าเราจะลดอุบัติการขิงการสูญเสีย แต่ต้องใช้เวลาต่อสู้โรคนี้อีกยาวนาน
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดสธ. กล่าวว่าที่ผ่านมามีคนเสนอมาตรการมากมาย แต่ไม่มีมาตรการเดียวที่ใช้จัดการให้ทุกอย่างจบลงได้ การบริหารตามความจำเป็น และเหมาะสมจึงสำคัญที่สุด จึงขอให้สื่อมวลชนเลิกเป็นคนดู หรือคนเชียร์ แต่ควรเข้ามาอยู่ในทีม สร้างความเข้าใจกับประชาชน เวลานี้ไม่มีการแบ่งแยกแบ่งสี ไม่มีเผด็จการ หรือประชาธิปไตย ข้อเรียกร้องขอให้ตรวจโรคฟรีทุกคนทั่วประเทศไม่ใช่คำตอบ100เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างมีข้อจำกัด กว่าจะตรวจเจอต้องใช้เวลา กรณีเซียนมวย ตอนแรกโค้ชบอกว่าไม่ติดเชื้อ อีก 3 วันต่อมา จึงพบว่าติด ยืนยันว่าพวกเราคิดทุกเรื่องที่เสนอมา อะไรทำแล้วดีมีประโยชน์ไม่เคยลังเล เพราะถ้าไม่จัดการให้เร็วอัตราการป่วยและเสียชีวิตจะพุ่งสูงกว่านี้
นพ.ไพจิตร วราชิต อดีตปลัดสธ. กล่าวว่า ตนเคยเป็นผบ.ควบคุมเหตุการณ์โรคระบาดไข้หวัด 2009 ซึ่งวิธีการควบคุม โรคระบาดมีอยู่ 3 แนวทาง 1.ไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้โรคระบาดไปเรื่อยๆ 2.หน่วงโรคคล้ายฝายชะลอน้ำ และ 3.ปิดประเทศ ซึ่งไทยใช้แนวทาง 2-3 ร่วมกัน แต่ไม่ได้พูดให้คนตกใจว่าปิดประเทศ จึงขอให้เชื่อมั่นว่าทิศทางนี้ถูกที่สุด ยืนยันว่าไข้หวัดใหญ่ 2009 มีคนติดเชื้อและตายมากกว่านี้ แต่คนยังไม่เกิดความกลัวเท่ากับโรคโควิด -19 จึงขอให้บุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุอยู่ดับบ้าน อย่าออกไปกินข้าวนอกบ้าน รออีก 2-3 เดือนเรื่องอาจจะจบ ถ้าเราหยุดความเคลื่อนไหว 2สัปดาห์ถึง 1 เดือนการติดเชื้อก็จะไม่เพิ่มมากขึ้น และขอให้มั่นใจว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ จะไม่แสดงอาการแทบไม่ต้องกินยาก็หายเองส่วนผู้ที่มีอาการปานกลางหรือป่วยหนัก สธ.มีความพร้อมในการรักษา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี