ครม.ไฟเขียวขยายเวลาผ่อนผันแรงงานต่างด้าว3สัญชาติ"กัมพูชา-ลาว-เมียนมา"ทำงานต่อในไทยถึง30มิ.ย.63 หลังไวรัสโควิด-19ระบาด พร้อมปรับรูปแบบต่อใบอนุญาตทำงาน
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอการผ่อนปรนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวปี 2562 - 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 โดยให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่ได้ดำเนินการตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2562 ซึ่งนายจ้างหรือผู้ได้รับอนุญาตให้นำคนต่างด้าวมาทำงานยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวกับเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงแรงงาน หรือยื่นผ่านระบบออนไลน์ภายในวันที่ 31 มี.ค.2563 และไม่สามารถดำเนินการขอตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป เพื่อการทำงานได้ทันภายในกำหนด รวมถึงผู้ติดตามอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ไม่ต้องนำมาตรา 12 (10) และมาตรา 54 แห่งพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาบังคับใช้แก่คนต่างด้าว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในมติครม.เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2562 ดังนี้ กระทรวงมหาดไทยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 โดยอนุมัติของครม.ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการยกเว้นข้อห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติครม.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2562 เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวและผู้ติดตามที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวได้ต่อไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 และให้ยกเว้นค่าเปรียบเทียบปรับการอยู่เกินกำหนด รวมถึงการยกเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งรมว.มหาดไทย ที่ 1/2558 เรื่องการไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาในราชอาณาจักร สั่ง ณ วันที่ 27 พ.ย.2558
นางนฤมล กล่าวต่อว่า ขณะที่กระทรวงแรงงานอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติมออกประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่องการอนุญาตให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) เพื่อผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่การอนุญาตทำงานสิ้นสุดสามารถทำงานไปพลางก่อนได้จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 และใช้บัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวที่กรมการจัดหางานออกให้และใบอนุญาตทำงานฉบับเดิมไปพลางก่อนได้ โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวจนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
นางนฤมล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหลังสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดำเนินการตรวจสอบปราบปรามจับกุมดำเนินคดีนายจ้าง แรงงานผิดกฎหมายที่ลักลอบทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด มีสาระสำคัญ เรื่องการผ่อนปรนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าว ปี 2562 - 2563 มีดังนี้ กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ แรงงานต่างด้าวที่ได้มาดำเนินการตามมติครม.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2562 และยื่นบัญชีรายชื่อไว้แล้วภายในวันที่ 31 มี.ค.2563 แต่ยังไม่สามารถดำเนินการตามกระบวนการที่กำหนดได้ ขณะที่ผู้ติดตามที่มีหลักฐานการเป็นบุตรของแรงงานที่มีอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2559 หรือมติครม.เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2561 แล้วแต่กรณี สำหรับระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2563 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.2563 โดยลักษณะการดำเนินการเป็นการดำเนินการในลักษณะเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา ไม่ต้องเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักร ส่วนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร การอนุญาตให้ทำงาน วิธีดำเนินการ ค่าใช้จ่ายและผู้ติดตามเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในมติครม.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2562 โดยสถานที่ดำเนินการ คือสถานที่ตั้งของแต่ละหน่วยงาน หรือเป็นไปตามที่กรมการจัดหางานกำหนด ทั้งนี้แรงงานต่างด้าวทุกคนต้องทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.2563 มิฉะนั้นจะสิ้นสุดการอยู่ในราชอาณาจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี