รัฐสภาคุมเข้มฉีดยาฆ่าเชื้อภายในตึกป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 แจงปิดตึกไม่ได้ เพราะกระทบการก่อสร้าง พร้อมวางแนวทางเว้นระยะห่างที่นั่งเปิดสภาฯ จ่อเลื่อนประชุมงบปี 64 วาระแรก
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำเจ้าหน้าที่บริษัทเอกชนวี-คิลเลอร์ เข้าฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดภายในพื้นที่อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่บริเวณชั้น 1 พื้นที่ทำงานของสื่อมวลชนรัฐสภา และบริเวณชั้น 2 พื้นที่สำนักบริการทางการแพทย์ ให้เป็นไปตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยนายสรศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า มาตรการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่สื่อมวลชนรัฐสภา จะดำเนินการเดือนละ 1 ครั้ง ก่อนหน้านี้ได้ทำแล้ว1 ครั้ง เพื่อให้พื้นที่ปฏิบัติงานมีความปลอดภัยจากเชื้อโรคอันตราย และตลอดเดือน เม.ย. สำนักบริการทางการแพทย์ มีแผนฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อในพื้นที่ปฏิบัติงานของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ในสำนักต่างๆ เช่น อาคารสำนักงานที่ตึกกษาปณ์ ห้องประชุมจันทรา, ห้องประชุมสุริยัน ห้องประชุมกรรมาธิการ เพื่อให้บุคลากรและสมาชิกรัฐสภา บุคคลที่ปฏิบัติงานภายในอาคารมีความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขณะที่เดือนพ.ค.มีแผนฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อที่ห้องประชุมสุริยันอีกรอบ ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาฯ ช่วงปลายเดือนพ.ค. โดยการว่าจ้างบริษัทเอกชนฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ใช้งบประมาณและราคาตามเกณฑ์ที่กรมบัญชีกลาง กำหนด มีราคา 10 บาท ต่อตารางเมตร ก่อนหน้านี้เรียกบริษัท 5 แห่ง เข้าเสนอราคา แม้จะมีราคาที่ต่ำกว่า เช่น 5 บาทต่อตารางเมตร และบางบริษัทเสนอราคาสูงกว่า คือ 17 บาทต่อตารางเมตร และมีบริษัทที่ใช้ตู้ปล่อยกระแสรังสีอินฟาเรดผ่านตู้ แต่ตัดสินใจเลือกบริษัทที่สร้างความมั่นใจได้มากที่สุดต่อการฆ่าเชื้อ
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้สั่งให้ปิดพื้นที่บริเวณชั้นบี 2 อีกทั้งยังสั่งให้ปิดตึกในเวลา 16.30 น. แต่ได้เรียนไปว่า สั่งปิดตึกลำบาก เพราะปัจจุบันบริษัท ชิโนไทย ยังทำงานตั้งแต่ 07.00น.-23.00น. หากอ้างการปิดตึก บริษัทจะเอาไปโต้แย้งว่า สำนักงานเลขาธิการสภาฯกีดขวางการทำงาน อาจเกิดการฟ้องร้องกันเป็นเหตุให้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก จึงขอผ่อนปรนให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลเรื่องการปิดตึก ส่วนการคัดกรองบุคคลที่ผ่านเข้าออกอาคารรัฐสภานั้น ยังเป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวด และยังมีแนวทางบริหารจัดการลดจำนวนบุคลากรในพื้นที่จากเดิมวันละหลักพันคนเหลือหลักร้อยคน ลดความแออัดในพื้นที่ ส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการสัปดาห์หน้านั้น คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ของดประชุมเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่อนุกรมาธิการบางคณะเท่านั้นที่ยังประชุมอยู่นอกจากนี้ขอความร่วมมือให้หน่วยราชการ หรือบุคคลที่จะมาร้องเรียนช่วงนี้ขอความกรุณาลดลงสักนิด อย่าพึ่งเดินทางเข้ามา เพราะถ้าให้คนอื่นๆเข้ามาที่นี่จะไม่ปลอดภัย
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีนายชวนมอบให้หาแนวทางวางมาตรการความปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ภายในห้องประชุมสภาฯช่วงที่เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพ.ค.นั้น ได้หารือแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19ในห้องประชุมสภาฯไว้หลายเรื่องด้วยกันได้แก่ 1.การวางระบบประชุมผ่านทางเทคโนโลยีในระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ แต่ติดปัญหาเรื่องกฎหมายไม่รองรับเรื่องการลงมติ และกาอภิปรานแสดงความเห็น รวมเรื่องระบบเทคโนโลยียังไม่เสถียร หากใช้งานพร้อมๆกัน ซึ่งกำลังแก้ไขกันอยู่ 2.การนั่งประชุมในห้องประชุมสุริยัน โดยเว้นระยะห่างที่นั่งตามมาตร ฐานที่กำหนด ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค ซึ่งชั้นล่างห้องประชุมมีความจุ 800ที่นั่ง และชั้นบน 350ที่นั่ง โดยจัดโซนที่นั่งให้เแต่ละพรรค การเมือง และให้แต่ะละพรรคไปจัดที่นั่งในโซนของพรรคกันเองว่า ใครจะนั่งใกล้ใครเพื่อความสะดวกในการประสานงานกัน ล็อกไว้เป็นที่นั่งประจำ จะได้ไม่ต้องลุกเดินกันไปมา แนวทางนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปจะใช้แนวทางใด ต้องรอนำไปหารือในวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านอีกครั้ง
นายสรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการประชุมงบประมาณรายจ่ายประจำปี2564ที่สำนักงบประมาณประสานมาให้เปิดประชุมวาระแรก ระหว่างวันที่ 26-28พ.ค.นี้ ทางนายชวนได้สั่งการให้ประสานไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อขอเลื่อนประชุมวาระแรกออกไป 1สัปดาห์ก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี