เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2563 นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกำลังพิจารณาการโอนงบประมาณประจำปี 2563 จากทุกกระทรวง ราว 10% เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลจะโอนงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นจากกระทรวงต่างๆ ไปใช้ในการกู้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ แต่การวางกรอบว่าจะต้องดึงงบประมาณจากแต่ละกระทรวงให้ได้ 10% หรือรวมประมาณ 3.2 แสนล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 3.2 ล้านล้านบาท นั้นอาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว รัฐบาลจำเป็นต้องคิดอย่างรอบคอบทั้งในมิติของการแก้ไขปัญหาด้านการสาธารณสุข และในแง่การแก้ไขบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ ควบคู่กันไป โดยต้องมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงบประมาณ ร่วมกับกระทรวงต่างๆในการพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณรายจ่ายแต่ละกระทรวง เพื่อดูว่างบประมาณที่ยังไม่เบิกจ่ายรายการใดที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์และไม่สามารถปฏิบัติได้ในขณะนี้ โดยเฉพาะในส่วนของงบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ การจัดนิทรรศการ อบรมสัมมนา และการเดินทางดูงานหรือไปราชการต่างประเทศ หรือการจัดซื้อจัดจ้างที่ยังไม่มีความจำเป็น เป็นต้น โดยที่ไม่ควรไปกระทบในส่วนของงบประมาณด้านการลงทุนต่างๆที่เดิมก็ถือว่ามีอยู่ไม่มากอยู่แล้ว
"งบลงทุนของรัฐบาลถือเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวสุดท้าย ในขณะที่เครื่องยนต์อื่นๆ ทั้งภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภค ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตโควิด-19 ที่คาดว่า กินระยะเวลาอีกไปพอสมควร อีกทั้งงบลงทุนของรัฐบาลรวมกับรัฐวิสาหกิจในปี 2563 รวมกันแล้วประมาณ 5 แสนล้านบาทเท่านั้น ถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับงบประมาณทั้งหมด รัฐบาลจึงไม่ควรไปตัดงบประมาณในส่วนนี้เลย" นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า หากมีการตัดงบลงทุนอาจเป็นการส่งผลกระทบไปถึงการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อันจะเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ และผู้ใช้แรงงาน เพราะเชื่อว่าหลังวิกฤตคลี่คลาย เศรษฐกิจจะยังคงซบเซาไปอีกระยะ จะมีอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากธุรกิจหลายตัวหยุดนิ่งมาเป็นเวลานาน งบประมาณด้านการลงทุนของภาครัฐจึงมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งทางตรงในการทำให้เกิดการจ้างงาน และในทางอ้อมเพื่อกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นและการลงทุนของภาคเอกชนด้วย ทั้งนี้ในช่วงนี้เอง แม้หน่วยงานต่างๆจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ เพราะอยู่ในช่วงมาตรการ Work form home แต่รัฐบาลต้องการวิธีการและสั่งการให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณที่จำเป็นเข้าสู่ระบบให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากงบประมาณ 2563 มีความล่าช้ามากกว่าครึ่งปี และยังมาประสบวิกฤตจากโควิด-19 อีก
รองประธานสภาฯกล่าวด้วยว่า สภาฯในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติเองก็มีความพร้อมในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนปรับเปลี่ยนงบประมาณจากทุกกระทรวง ที่อาจต้องเปิดสการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ หรือการพิจารณษวางกรอบร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ที่บรรจุและจะนำมาพิจารณาเป็นวาระแรก ภายหลังเปิดสมัยประชุมสามัย ช่วงเดือน พ.ค.63 นี้ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนี้ ก็เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจาก ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลเป็นอย่างดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี