"ส.ส.โรม"ชี้สถานการณ์โควิด-19 ยิ่งตอกย้ำความจำเป็นของการปฏิรูปกองทัพ-เลิกบังคับเกณฑ์ทหาร-โอนงบมาใช้กับเรื่องที่จำเป็น
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งการผู้บังคับหน่วยหาแนวทางเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาการเลื่อนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำปี 2563 จากผลกระทบของไวรัส COVID-19 หลังจากมาตรการให้ทหารกองประจำการสมัครใจเลื่อนปลดประจำการต่อไปอีก 1 ปี มียอดเพียงร้อยละ 13 หรือประมาณ 5,460 นาย จากยอดที่จะปลดประจำการในเดือนเมษายนนี้ 42,000 นาย ซึ่งน้อยกว่าประมาณการเป้าหมายที่กองทัพบกตั้งไว้ แม้ว่าจะมีการเพิ่มแรงจูงใจโดยมอบคะแนนเพิ่มร้อยละ 5 สำหรับผู้ที่ต้องการสอบเข้าโรงเรียนทหารในอนาคตแล้วก็ตาม
ตนมีข้อสังเกตต่อกรณีดังกล่าวว่า ในสถานการณ์ขณะนี้ การหางานทำเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ถึงกระนั้นทหารประจำการกว่า 36,500 นาย หรือร้อยละ 87 ของจำนวนที่จะปลดประจำการทั้งหมดกลับเลือกที่จะไม่ขออยู่เป็นทหารต่อไป ข้อเท็จจริงนี้จึงสะท้อนว่าสภาพในรั้วค่ายทหารอาจไม่ได้ให้ความมั่นคงกับชีวิตของพลทหารได้อย่างบรรดาผู้นำทหารพยายามทำให้เราเชื่อ มิหนำซ้ำอาจเต็มไปด้วยความเสี่ยงและภัยคุกคามต่อสวัสดิภาพถึงขนาดที่ทำให้พลทหารตัดสินใจว่าออกมาข้างนอกดีกว่าอยู่ข้างใน
ซึ่งสิ่งที่กองทัพควรทำจึงไม่ใช่แค่พยายามหาแรงจูงใจเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะหากกองทัพยังคงมีปัญหาอย่างอื่นสั่งสมมาอย่างยาวนานโดยที่ไม่คิดจะแก้ไขแล้ว ย่อมไม่อาจจูงใจหรือแม้แต่จะรั้งใครไว้ให้เป็นทหารต่อไปได้ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่กองทัพจะใช้วิกฤตินี้ปรับปรุงกองทัพตามแนวทางที่อดีตพรรคอนาคตใหม่เคยเสนอ ตามร่าง พ.ร.บ.การรับราชการทหารฉบับใหม่ มีสาระสำคัญดังนี้
1.เลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามสันติ ใช้เฉพาะวิธีการสมัครโดยเปิดโอกาสให้ทั้งเพศชายและหญิงอย่างเท่าเทียมกัน
2.ยกระดับให้ทหารมีเงินเดือนดี มีสวัสดิการที่ดี เช่น การมีประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงครอบครัว ได้รับทุนการศึกษา และหากปลดประจำการก็จะมีทุนประกอบอาชีพให้
3.แก้ปัญหาที่เรื้อรังของกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นการนำพลทหารไปรับใช้ส่วนตัว การฝึกทหารที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่ง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้กำหนดบทลงโทษวินัยร้ายแรงต่อใครก็ตามที่ฝ่าฝืน เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาข้างต้นเกิดขึ้นซ้ำอีก
4.ให้มีโอกาสต่อยอดเข้าไปเป็นทหารชั้นประทวนและสัญญาบัตร ซึ่งสามารถครองชั้นยศสูงสุดได้ถึงพันโท
มากไปกว่านั้น สถานการณ์ในขณะนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดว่าประเทศไทยเสียงบประมาณกับ "เรื่องไม่เป็นเรื่อง" ไปมากมายเหลือเกิน เรายังอยากมีพลทหารไว้ประจำการนับแสนคน อยากมีอาวุธหรูหราไว้ประดับกองทัพโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์โภชน์ผลจริงๆ อย่างไรกันแน่ ในขณะที่ระบบสาธารณสุขของเราที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดกลับยังขาดความพร้อมในหลายด้าน ทั้งการขาดอุปกรณ์ป้องกันสำหรับแพทย์ การขาดเครื่องมือหรือสถานที่เพื่อตรวจโรคได้อย่างทั่วถึง
กองทัพจึงต้องทบทวนถึงสถานะของตัวเองว่ามีอะไรบ้างที่เป็นส่วนเกินที่ไม่จำเป็นต่อประเทศ และตัดมันออกไปโดยเร็วที่สุด ที่สำคัญคือต้องปรับลดอัตรากำลังพลให้เหลือเท่าที่จำเป็นต่อภารกิจทางทหารจริงๆ โดยในเบื้องต้นผมขอย้ำข้อเสนอของพรรคก้าวไกลอีกครั้งในเรื่องของการโอนงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ทั้งโดยการงดเว้นการเกณฑ์ทหาร โอนงบประมาณจัดซื้ออาวุธ โอนงบประมาณที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจของกองทัพโดยตรง เพื่อนำมารับมือสถานการณ์ไวรัส จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จัดจ้างพลเรือนอาสาสาธารณสุข ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว และต้องให้สภาผู้แทนราษฎรมีส่วนร่วมผ่านการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
นอกจากนี้ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เห็นว่ากองทัพยังมีเงินนอกงบประมาณที่ได้รับจากธุรกิจต่างๆ เช่น สนามม้า สนามมวย สนามกอล์ฟ เป็นมูลค่ามหาศาล รัฐบาลจะต้องนำเงินเหล่านี้ของกองทัพมาช่วยสนับสนุนการสาธารณสุขเพื่อรับมือไวรัสด้วยเช่นกัน
และในอนาคต รัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างจริงจังและจริงใจในเรื่องการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย โปร่งใส และไม่สิ้นเปลือง โดยเริ่มต้นจากหยิบร่าง พ.ร.บ. การรับราชการทหารฉบับใหม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรใช้โอกาสนี้ลงนามรับรองร่างดังกล่าวเพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อยกเลิกระบบการเกณฑ์ทหารเดิมที่มากด้วยปริมาณแต่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ทำให้ขนาดของกองทัพเล็กลง แต่มีความพร้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพในศตวรรษที่ 21 หากร่างฉบับนี้สามารถผ่านสภาผู้แทนราษฎรและประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ ผมเชื่อว่ากองทัพจะไม่ประสบปัญหาในการรับสมัครทหารเข้าประจำการ และจะเป็นการยกระดับกองทัพสู่ความทันสมัยได้อย่างแน่นอน
ส่วนในประเด็นอื่นๆ เช่น การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ธุรกิจและเงินนอกงบประมาณของกองทัพ ฯลฯ ผมยืนยันว่าเราจำเป็นต้องมีการปรับปรุงด้วย เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปกองทัพในทุกมิติ อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศทั้งในด้านสาธารณสุขและด้านอื่นๆ ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี