ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงทำสำมะโนประชากร "พุทธิพงษ์"รายงานครม.สำรวจล่าช้ากว่ากำหนด1ปี เหตุผลกระทบโควิด-19
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสำรวจตัวอย่างหรือสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้สำนักงานสถิติแห่งชาติทำการสำรวจตัวอย่างหรือสำมะโนประชากรและเคหะ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนและรายละเอียดของประชากรในครัวเรือน ณ ที่อยู่อาศัยปกติที่พบในวันที่ทำการสำรวจตัวอย่างหรือสำมะโน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนและลักษณะที่อยู่อาศัยของประชากรเพื่อประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ใช้ในการกำหนดนโยบายเพื่อการบริหารของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และใช้เป็นฐานในการคาดประมาณจำนวนประชากรในอนาคต
น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า กำหนดวิธีการให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ ได้แก่ การสัมภาษณ์ หรือการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์หรือทางอินเทอร์เน็ต เว้นแต่กรณีไม่อาจให้ข้อมูลได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ใช้วิธีการทอดแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือด้วยวิธีการอื่นตามประกาศที่ออกตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ.2550
อย่างไรก็ตาม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส รายงานในที่ประชุม ครม.ว่าปีนี้การสำรวจสำมะโนประชากรอาจล่าช้ากว่าปกติ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ต้องส่งงบประมาณ การสำรวจคืนสำนักงบประมาณ ตาม พ.ร.บ.โอนงบประมาณ อาจทำให้การสำรวจล่าช้าไปประมาณ 1 ปี ซึ่งกระทรวงจะทำในส่วนที่ทำได้ ที่ไม่ต้องใช้งบประมาณไปก่อนตามคำสั่งการของนายกรัฐมนตรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี