‘หมอเหรียญทอง’เปิดไอเดียผุด‘เมืองต้องห้าม-แคมป์โควิด’ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสดูดเงินต่างชาติ
23 เมษายน พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาล มงกุฎวัฒนะ และอดีตเสนาธิการยุทธการและการข่าว กรมแพทย์ทหารบก โพสต์ข้อความต่อเนื่องผ่านเฟซบุ๊ก เสนอแนวทางในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจการบินระหว่างประเทศ โดยมีระบบการสาธารณสุข การแพทย์ รองรับ มีเนื้อหาดังนี้
คำถาม เมื่อภายในประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เลย คือผู้ติดเชื้อรายใหม่เท่ากับศูนย์ 0 ต่อเนื่อง...แล้วอุตสาหกรรมการบิน การโรงแรม การท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า การบริการ รับจ้าง จ้างงาน ฯลฯ จะอยู่ได้ด้วยการอาศัยการบริโภคจากคนภายในประเทศเท่านั้นหรือ???...
เราจะปิดประเทศไปอีกนานมากกว่า 1 ปี รอจนกว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 กระนั้นกันหรือ???...
เราจะไม่พยายามหาวิธีการอื่นๆที่จะนำรายได้จากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยซึ่งสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกิดการจ้างงานจำนวนมากกระนั้นหรือ???
เราสามารถทำให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้โดยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดสู่ไทยได้ ด้วยวิธีการตั้ง 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' เพื่อคัดกรอง-คัดแยก-กักกัน-รักษา ด้วยวิธีการนี้จะทำให้เกิดผลดังนี้
1.กรณีชาวต่างชาติที่ผ่านการคัดกรอง-คัดแยก-กักกันโดย 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' แล้วว่าไม่พบเชื้อโควิด-19 ก็สามารถเข้าสู่ภายในประเทศ จะทำให้ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รับจ้าง จ้างงาน ฯลฯ ก็จะตามมา
2.กรณีชาวต่างชาติที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ก็จะถูกกักกันตัวเพื่อการรักษาอยู่ใน 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' ทำให้ชาวต่างชาติที่ติดเชื้อโควิด-19 ไม่สามารถนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาแพร่ในไทย แต่จะถูกจำกัดอยู่ใน 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' เพื่อรักษาจนกว่าจะปลอดเชื้อแล้วจึงสามารถเข้าสู่ภายในประเทศ จะทำให้ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รับจ้าง จ้างงาน ฯลฯ ก็จะตามมา ภายในประเทศไทยก็จะปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' จะมีขีดความสามารถการรักษาอย่างครบครันจนถึงการรักษาผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยโควิด-19 ในทุกอนุสาขา[Sub-specialty]
3.ผลจากการตั้ง 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' นอกเหนือจากเป็นการเปิดประเทศสร้างรายได้จากชาวต่างชาติเข้าไทยสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจเกิดการจ้างงานจำนวนมากแล้ว ประเทศไทยยังสามารถใช้ 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' แห่งนี้เพื่อรองรับสถานการณ์ระบาดภายในประเทศไทย หากเกิดการระบาดระลอกที่ 2-3-4....'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' จึงไม่ได้มีไว้สำหรับชาวต่างชาติเท่านั้นแต่จะทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่ควบคุมการระบาดโรคอย่างชัดเจนไม่ต้องกระจาย รพ.หลายต่อหลายแห่งทั่วประเทศ...
การกระจาย รพ.จำนวนมากๆทำให้เกิดการกระจายบุคลากรทางการแพทย์มาก เกิดการกระจายทรัพยากรทางการแพทย์ เครื่องมือ ฯลฯ มากจนทำให้ประสิทธิผลและประสิทธิภาพในการรักษาต่ำ ต้นทุนในการปฏิบัติการสูง การรวมศูนย์[Centralization]ไว้ที่ 'รพ.ศูนย์นานาชาติในสนามบิน' จะสามารถเป็น รพ.เพื่อรองรับผู้ป่วยได้หลายพันเตียงและเป็นการจำกัดเขตต้องห้ามเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด [Economy of Scale] ที่จะส่งผลให้เกิดประสิทธิผล[Effectiveness] และประสิทธิภาพ[Efficiency]ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมผมเอาจริงเอาจังกับแนวความคิดไอเดียนี้เสียเหลือเกิน ผมคงจะเห็นแก่ตัว คงจะแสวงหาความร่ำรวยแก่ตนเอง บางคนเสียดสีว่ากลัวผมจะเครียดจนบ้าจนตาย...
ผมขอเรียนว่าผมคาดการณ์ล่วงหน้า เห็นภาพธุรกิจการบิน การโรงแรม การค้าพาณิชย์ การจ้างงาน ฯลฯ ล่มสลายต่างหากล่ะครับ...
แล้วผมก็เกรงว่าจะเกิดความอดอยากของคนในชาติเป็นวงกว้าง เห็นภาพคนเจ็บป่วยที่รัฐบาลจะไม่มีงบประมาณสนับสนุนการรักษาให้ได้อย่างมีประสิทธิผล...
ภาพเหล่านี้คงไม่เกิดกับคนโลกสวยหรือพวกที่เสียดสีป่วนแซะผมกระมัง อาจเพราะคนเหล่านี้มีฐานะร่ำรวยสามารถขาดรายได้ได้หลายปีรอจนกว่าจะมีวัคซีนโควิด-19 กันได้...
ระวังนะครับคนโลกสวยในสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโควิด-19 จะกลายเป็นคนกรุงศรีอยุธยาก่อนกรุงแตกครั้งที่ 2 กันนะครับ...
ผมมันโหลนจีนไม่โลกสวยขอคิดนอกกรอบแหกกรุงออกไปตั้งหลักตามแนวทางพระเจ้าตากครับ...
ผมมีวิธีเอาตัวรอดพร้อมพรรคพวกได้ก็แล้วกัน แล้วไม่ต้องกลัวว่าผมจะบ้าตายนะครับ คุณโลกสวย คุณป่วน คุณเสียดสี นั่นแหละดูแลตัวเองให้ดี เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นผมเกรงว่าจะบ้าตายเสียเอง...
วิกฤตก็คือวิกฤต วิกฤตจะเป็นโอกาสเฉพาะคนบางกลุ่ม คนบางคนเท่านั้น...
อย่าหลงประมาทไปว่าเรารอดจากเชื้อโรคกันแล้วนะครับ ระวังจะตายจากอดอยากครับ
นอกจากนี้ พล.ต.นพ.เหรียญทอง ยังโพสต์ข้อความด้วยว่า ถ้ารัฐบาลอนุญาตให้ผมเช่าสนามบินที่ทิ้งร้างว่างเปล่าของกระทรวงคมนาคม ผมจะพัฒนาสนามบินให้เป็น 'เมืองต้องห้าม' ที่มีความสมบูรณ์ครบถ้วนเช่นเดียวกับ 'ค่ายทหารสหรัฐฯ หรือค่ายทหารของกองกำลังสหประชาชาติ' ในสงคราม ผมจะตั้งชื่อว่า 'แค๊มป์โควิด' [Camp COVID] ดังต่อไปนี้
1.สนามบินนี้จะเป็นเขตต้องห้ามเพื่อการควบคุมโรค กระบวนการผ่านเข้า-ออกจะถูกจำกัดด้วยมาตรการเข้มงวดสูงสุดยิ่งกว่า พรก.ฉุกเฉิน
2.ภายในสนามบินจะถูกจัดสรร แบ่งพื้นที่ออกเป็นเขตเพื่อการพัฒนาดังนี้
2.1 เขตกักกันรักษา[Quarantine zone] จะเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลศูนย์นานาชาติที่มีขีดความสามารถทางการแพทย์ขั้นสูงเพื่อการรักษาโควิด-19 ที่สามารถเพิ่มจำนวนเตียงได้มากนับพันเตียง รพ.แห่งนี้จะใช้เป็น รพ.รองรับสถานการณ์ระบาดภายในประเทศไทย และใช้เป็น รพ.เพื่อคัดกรอง-คัดแยก-กักกัน-รักษาชาวต่างชาติที่ติดเชื้อจนปลอดเชื้อแล้วอนุญาตให้เข้าพักอาศัยท่องเที่ยวในไทยได้
2.2 เขตที่พักอาศัย [Residential zone] ประกอบด้วย บังกาโลที่พักอาศัย และเนอร์สซิ่งโฮมเพื่อผู้สูงอายุ-เกษียณอายุ
2.3 เขตพาณิชยกรรม [Commercial zone] ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า-ร้านค้า-ร้านอาหาร-โรงภาพยนตร์-การบริการ-ฯลฯ
2.4 เขตวิจัยพัฒนาวัคซีน
2.5 เขต รร.นานาชาติ [International school] ระดับอนุบาล-มัธยมศึกษา
2.6 ฯลฯ
3.การจ้างงานทั้งบุคลากรทั่วไป และบุคลากรทางการแพทย์จะพิจารณาจากคนไทยก่อนบุคลากรต่างชาติ
4. การรับผิดชอบต่อสังคม
4.1 โรงพยาบาลศูนย์นานาชาติในแค๊มป์โควิดจะเป็น รพ.รองรับสถานการณ์ระบาดระลอกที่ 2-3-4-5-.......ให้แก่ประเทศไทย
4.2 'แค๊มป์โควิด' [Camp COVID] จะจ่ายเงินชดเชยค่าสินไหมให้แก่ใครก็ตามที่ติดเชื้อโควิด-19 จาก'แค๊มป์โควิด' [Camp COVID]
5. ระยะเวลาโครงการแค๊มป์โควิด จะเป็นแค๊มป์ชั่วคราว 1-3 ปีจนกว่าวัคซีนโควิด-19 จะผลิตได้
6. ผมจะทำให้ 'แค๊มป์โควิด' เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม [Social enterprise] ด้วยการเชิญชวนธุรกิจการบิน ท่องเที่ยว โรงแรม ห้างร้าน ฯลฯ ภาคธุรกิจเอกชนถือหุ้น 20% , เชิญชวนประชาชนถือหุ้น 70% และภาครัฐถือหุ้น 10%
ถ้ารัฐบาลอนุญาต ผมจะทำให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนเพื่อประคับประคองสังคมไทยให้อยู่รอดครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี