วันพุธ ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘หญิงหน่อย’ร่ายยาวบี้เปิดสภา ลั่นพท.ไม่ยอมให้รัฐบาล‘ตีเช็คเปล่า’เงินกู้1.9ล้านล้านไปใช้ไม่โปร่งใส

‘หญิงหน่อย’ร่ายยาวบี้เปิดสภา ลั่นพท.ไม่ยอมให้รัฐบาล‘ตีเช็คเปล่า’เงินกู้1.9ล้านล้านไปใช้ไม่โปร่งใส

วันพุธ ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563, 08.55 น.
Tag : คุณหญิงสุดารัตน์ ตีเช็คเปล่า เปิดสภา พรรคเพื่อไทย เงินกู้1.9ล้านล้าน
  •  

‘หญิงหน่อย’ร่ายยาวบี้เปิดสภา ลั่นพท.ไม่ยอมให้รัฐบาล‘ตีเช็คเปล่า’เงินกู้1.9ล้านล้านไปใช้ไม่โปร่งใส

29 เมษายน 2563 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาดังนี้


เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท เป็นการกู้สูงสุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย

เพื่อไทยจะไม่ยอมให้เป็นการ "ตีเช็คเปล่า" ให้รัฐบาลไปใช้อย่างไร้ประสิทธิภาพและไม่โปร่งใส เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ต้องใช้เพื่อ

1) เยียวยาความเดือดร้อนประชาชนจากการที่รัฐบาลสั่งปิดกิจการต่างๆอย่างทั่วถึง รวดเร็ว

2) ลดความเสียหายทางธุรกิจ และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เสียหายจาก COVID 19

3) ลงทุนเพื่อธุรกิจสำหรับอนาคต หลัง COVID 19 โดยการสร้าง”โครงสร้างพื้นฐาน “(Infrastructure) เพื่อรับการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ ที่จะเป็น New Normal เพื่อพลิกวิกฤตครั้งนี้ ให้เป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้คนไทยให้ได้ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข

 

.......................................................

 

กรณีที่รัฐบาลแก้ปัญหา COVID 19 ด้วยการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำด้วยความระมัดระวังที่สุด เพราะเป็นการกู้ในจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทุกบาทเป็นเงินกู้ ที่คนไทยทุกคนต้องเป็นผู้รับภาระในการใช้หนี้อีกยาวนานชั่วลูกชั่วหลาน

สิ่งแรกที่พลเอกประยุทธ์ควรทำคือ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน จากงบปี 63-64 ก่อน แต่รัฐบาลไม่ได้ใช้ความพยายามในการตัดงบ ถึงแม้รัฐบาลจะออกข่าวว่า ได้ปรับลดงบประมาณแล้ว แต่เป็นการออกข่าวเพื่อลดแรงเสียดทานทางสังคมลงเท่านั้น เพราะว่ายอดที่ปรับลดลงมานั่นน้อยมาก และรัฐบาลไม่มีการยืนยันกับประชาชนว่า จะปรับลดยอดเงินกู้ลงเลยแม้แต่บาทเดียว

เท่ากับว่าการปรับงบประมาณ คือการย้ายเงินเก่า จากกระเป๋าซ้ายไปเข้ากระเป๋าขวาเท่านั้น ส่วนเงินใหม่รัฐบาลยังคงกู้มาเต็มจำนวน 1.9 ล้านล้านบาทเหมือนเดิม

การกู้เงินครั้งนี้ถือเป็นเดิมพันครั้งสำคัญที่สุด หากใช้เงินกู้ได้ถูกยุทธศาสตร์ นอกจากจะสามารถแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดกับพี่น้องประชาชนได้แล้ว ยังจะเป็นการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเป็นเสือของเอเซีย เหมือนในอดีตที่พรรคไทยรักไทยเคยทำสำเร็จมาแล้ว

ดิฉันเห็นว่า เงินกู้จำนวนดังกล่าวควรถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ กล่าวคือ

1. เพื่อการเยียวยาประชาชนอย่างเร่งด่วนและทั่วถึง โดยรัฐบาลได้กู้เงินมาเพื่อใช้จ่ายในการนี้จำนวน 6 แสนล้านบาท จากวงเงินดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลมีเม็ดเงินมากพอที่จะดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่กลับปรากฏว่ามีพี่น้องประชาชนต้องฆ่าตัวตาย เพราะการเยียวยาที่ไม่ทั่วถึงและล่าช้า ซึ่งเกิดจากการบริหารแบบรัฐราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ สร้างเงื่อนไขที่ยุ่งยากกับประชาชน

ดิฉันจึงเรียกร้องให้รัฐบาลปรับปรุงวิธีการ ให้การเยียวยาเป็นไปโดยทั่วถึง เพียงพอต่อการดำรงชีพและทำด้วยความรวดเร็ว

2. ใช้เพื่อลดความเสียหายทางเศรษฐกิจ โดยดูแลธุรกิจและระบบเศรษฐกิจไม่ให้ล่มสลาย เพื่อไม่ให้เกิดการเลิกจ้าง รวมทั้งต้องลดภาระภาคธุรกิจ โดยการพักชำระหนี้ ซึ่งรัฐบาลได้ใช้ พ.ร.ก.เงินกู้ จำนวน 400,000 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ /พ.ร.ก.ให้ ธปท. กู้เงิน 500,000 ล้าน เพื่อดูแลธุรกิจเอสเอ็มอี และ พ.ร.ก.ให้ ธปท. กู้เงินจำนวน 400,000 ล้านบาท เพื่อดูแลหุ้นกู้ของเอกชน

ซึ่งการใช้เงินจำนวนดังกล่าวนี้ ดิฉันขอเรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำแผนการใช้เงินอย่างมียุทธศาสตร์ และเปิดเผยให้พี่น้องประชาชนทราบ เพื่อจะได้ช่วยกันตรวจสอบ และเสนอแนะ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญมาก เศรษฐกิจจะ “ฟื้น”หรือ”ฟุบ” ก็ขึ้นอยู่กับการใช้เงินกู้ก้อนนี้ให้ถูกจุด มีประสิทธิภาพและโปร่งใส

3. ใช้เพื่อในการลงทุนสร้าง ”โครงสร้างพื้นฐาน”ให้ธุรกิจไทยในอนาคตหลัง COVID 19

ซึ่งบริบทการใช้ชีวิตของผู้คน และการประกอบธุรกิจจะเปลี่ยนไปหมด ที่เราเรียกว่า New Normal ที่ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพและความสะอาด (Health & Hygienity) การใช้ชีวิต และการทำงานที่เปลี่ยนไป ใช้ออนไลน์ และเทคโนโลยีต่างๆ มากขึ้น ให้ความสำคัญกับ Work from home..

รัฐบาลต้องเตรียมสร้าง Infrastructure โครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ New Normal โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุข ให้กับคนไทยและธุรกิจไทย ซึ่งรัฐบาลไทยต้องมีความรู้ ความเข้าใจทิศทางที่โลกจะเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง เพื่อพลิกวิกฤตครั้งนี้ ให้เป็นโอกาสของคนไทยในการสร้างรายได้หลังวิกฤตนี้ให้ได้

ความจริงแล้ว วิกฤตที่เกิดขึ้นจาก COVID 19 รัฐบาลที่ชาญฉลาด จะสามารถพลิกเป็นโอกาสให้กับประเทศชาติได้ เพราะพิษ COVID19 ได้ทำให้เศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลก ชะงักและชลอตัวกันหมด รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ทันโลก สามารถวางยุทธศาสตร์ในการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ได้ถูกต้อง และเข้ากับเศรษฐกิจยุคใหม่ภายหลัง COVID 19ได้ ย่อมสร้างโอกาสให้กับประเทศชาติได้อย่างมหาศาล

ในเบื้องต้น เราขอเสนอให้รัฐบาลดำเนินการและชี้แจงข้อมูลต่างๆให้ประชาชนได้รับทราบอย่างเป็นรูปธรรมดังนี้

1. การปรับเกลี่ยงบประมาณปี 63และ64 รัฐบาลสามารถดึงเงินกลับมา เพื่อใช้แก้ปัญหาที่เกิดจาก COVID 19ได้จำนวนเท่าไหร่? และสามารถนำมาชดเชยเพื่อปรับลดวงเงินกู้ 1.9ล้านๆบาทได้จำนวนเท่าไหร่?

2. ขอให้รัฐบาลแสดงวิสัยทัศน์ พร้อมทั้งรายละเอียดให้ประชาชนได้อุ่นใจ ว่าจะใช้เงินกู้จำนวนมหาศาลนี้ เพื่อประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนโดยรวม อย่างคุ้มค่ามากที่สุดอย่างไร พร้อมทั้งรายงานการดำเนินงานการใช้เงินกู้ให้รับทราบทุก 3 เดือน

3. รัฐบาลจะต้อง #เปิดประชุมสภาวิสามัญ ทันทีที่ข้อกำหนดทางสาธารณสุขเอื้ออำนวย เพื่อให้ตัวแทนของพี่น้องประชาชนทั้งสภาฯ ได้ร่วมคิด ร่วมตรวจสอบ และช่วยกันหาแนวทางที่ดีที่สุด ในการใช้เงินกู้ครั้งนี้ เพื่อเยียวยาประชาชน และพลิกพื้นเศรษฐกิจไทย ให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

“พรรคเพื่อไทย” ในฐานะฝ่ายค้าน เราจะไม่ยอมให้การกู้เงินมโหฬาร 1.9 ล้านล้านบาทครั้งนี้ เป็นเสมือนการ #ตีเช็คเปล่า โดยรัฐบาลนำไปใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส ไม่มีวิสัยทัศน์ รวมทั้งไม่เป็นประโยชน์ต่อการกู้เศรษฐกิจไทย และช่วยคนไทยหมู่มากค่ะ

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘อนุทิน’ปิดประตูหวนจูบปาก‘พท.’ ย้อน‘ทักษิณ’มีแต่พ่อให้ลูกเป็น‘นายกฯ’ ‘อนุทิน’ปิดประตูหวนจูบปาก‘พท.’ ย้อน‘ทักษิณ’มีแต่พ่อให้ลูกเป็น‘นายกฯ’
  • พท.มั่นใจ 3 เดือนเห็นผลชัดเจน ปราบ\'อาชญากรรม-ยาเสพติด\' พท.มั่นใจ 3 เดือนเห็นผลชัดเจน ปราบ'อาชญากรรม-ยาเสพติด'
  • อดีตผู้พิพากษาเลคเชอร์ 6 ข้อ ‘ทักษิณ’ทำอย่างน้อย 4 ครั้ง เสี่ยงครอบงำ-‘พท.’อาจถูกยุบพรรค อดีตผู้พิพากษาเลคเชอร์ 6 ข้อ ‘ทักษิณ’ทำอย่างน้อย 4 ครั้ง เสี่ยงครอบงำ-‘พท.’อาจถูกยุบพรรค
  • ‘สรวงศ์’ลั่นทีมกฎหมายเพื่อไทย ลุยช่วย‘นายกฯอิ๊งค์’เต็มที่ ‘สรวงศ์’ลั่นทีมกฎหมายเพื่อไทย ลุยช่วย‘นายกฯอิ๊งค์’เต็มที่
  • อย่ากระดี๊กระด๊า!‘วิสุทธิ์’ย้ำเพื่อไทยยังมี‘ชัยเกษม’ ปิดประตู‘นายกฯชั่วคราว’ อย่ากระดี๊กระด๊า!‘วิสุทธิ์’ย้ำเพื่อไทยยังมี‘ชัยเกษม’ ปิดประตู‘นายกฯชั่วคราว’
  • ‘ศุภชัย’สอนมวย‘เพื่อไทย’ปม‘กัญชา’ ต้องคุ้มครองชาวบ้านให้ได้ปลูก อย่าเอาใจแต่‘นายทุนใหญ่’ ‘ศุภชัย’สอนมวย‘เพื่อไทย’ปม‘กัญชา’ ต้องคุ้มครองชาวบ้านให้ได้ปลูก อย่าเอาใจแต่‘นายทุนใหญ่’
  •  

Breaking News

โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชฯ ข้าราชบริพารในพระองค์ 223 ราย

ฝนถล่มอุดรฯ น้ำท่วมถนนหลายสายหนัก ชาวบ้าน 2 คนถูกไฟดูดเสียชีวิต

'วุฒิสภากัมพูชา'อนุมัติ! เปิดทางเพิกถอนสัญชาติพลเมืองที่ทรยศต่อประเทศชาติ

ช็อก! คลินิกความงาม หลอกขายคอร์ส เปิดหรูในห้างดัง พบเงินบัญชีม้าเกือบ 50 ล้าน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved