"วันนอร์"ชี้ชัด"การบินเสรี"คือโอกาส และมิใช่"ต้นเหตุของการขาดทุน" พร้อมยันผลประกอบการปี45-48พิสูจน์ได้
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 นายวันมูหะมัด นอร์มะทา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2 สมัย ในยุครัฐบาลทักษิณ ยืนยันว่า การเปิด "การบินเสรี" ตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 มิใช่สาเหตุหลักที่ทำให้การบินไทยขาดทุน แต่ (ไทย) เราต้องเปิดเสรีการบิน เพราะโลกเปลี่ยนและเราต้องปรับตาม "กระแสโลกาภิวัตน์" และในปี พ.ศ.2545 รัฐบาลในสมัยนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จึงออก "นโยบายการบินเสรี" และใช้อำนาจตามกฏหมายที่มีอยู่ของทรวงคมนาคม เปิดการบินเสรีเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงตอบสนองความต้องการในการเดินทางการเดินทางที่เพิ่มขึ้นของผู้คน (ภายในประเทศ) ให้เพียงพอและให้สอดรับกับแรงผลักดันจากต่างประเทศที่การบินพาณิชย์ระหว่างประเทศมีความเสรี รวมถึง มีการจัดทำข้อตกลงในการเปิดเสรีการบินพาณิชย์ระหว่างประเทศทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคีเพิ่มมากขึ้นโดยลำดับ
"ไม่เปิดไม่ได้ เพราะถ้าไม่เปิดการท่องเที่ยวของไทยจะไม่เจริญรุ่งเรืองถึงวันนี้ และการเปิดเสรีทางการบินทำให้เรามีรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเป็นล่ำเป็นสันเรื่อยมา"
"รัฐบาลของนายกทักษิณประกาศนโยบายเสรีการบิน ส่วนกระทรวงคมนาคมก็ใช้อำนาจตามกฏหมายและที่บอกว่า "เปิดเสรีทางการบิน" แล้ว การบินไทย "ขาดทุน" ก็ไม่จริง เพราะตัวเลขกลมๆ แต่ละปี เช่น ปี 2545 ได้กำไร 10,000 ล้านบาท ปี 2546 ได้กำไร 20,000 ล้านบาท ปี 2547 ได้กำไร 10,076 ล้านบาท ส่วนปี 2548 กำไรลดลงนิดหน่อย เพราะมีเหตุผันผวนทางการเมือง แต่ก็ยังได้กำไรถึง 7,000 ล้านบาท และปี 2549 ได้กำไร 6,300 ล้านบาท เป็นต้น"
"ภายใต้เงื่อนไขการเปิดเสรีทางการบินและที่แปลก คือ ปี พ.ศ.2557 ขาดทุน 15,000 ล้านบาท และโดยสรุประหว่างปี พ.ศ.2557 - 2562 ขาดทุนประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท"
และการขาดทุนในระยะหลังไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปิดเสรีทางการบิน แต่น่าจะเกิดจากการบริหารที่ไม่ถูกที่ถูกทาง หรือ ไม่มีประสิทธิภาพ ส่วนจะมีการคอรัปชั่นหรือไม่ก็ต้องให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ และการขาดทุนก็จะโทษเรื่องเศรษฐกิจของโลกตกต่ำก็ไม่ได้อย่างถนัดปากมากนักเพราะสายการบินอื่นๆทั่วโลกเช่น Lufthansa ยังได้กำไรตั้ง 40,000 ล้านบาท ส่วน Quantasได้กำไร 30,000 ล้านบาทและ Singapore Airlines ยังได้กำไรถึง 15,000 ล้านบาท เป็นต้น คือ สายการบินอื่นๆ ได้กำรี้กำไรกันทั้งสิ้น
"ในฐานะที่เคยดูแลการบินไทย และเป็นคนไทย "การบินไทย" ซึ่งชื่อเสียงดีและได้รับการยอมรับ "ต้องอยู่ต่อและอยู่อย่างมีเกียรติ" อีกทั้ง ต้องปรับตัวให้รู้และเท่าทันการแข่งขันแบบมืออาชีพ และมั่นใจว่าเราทำได้ ทั้งในส่วนของการเป็นศูนย์กลาง (Hub) ทางการบินและศูนย์กลางการท่องเที่ยวของอาเซี่ยน"
"เรามีสนามบินสุวรรณภูมิที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าออกได้เป็นอย่างดี และที่ผ่านมาเห็นเป็นเชิงประจักษ์แล้วว่าสนามบินสุวรรณภูมิมีศักยภาพ เพราะสามารถรองรับนักเดินทาง หรือนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 30 ล้านคน รวมเป็น 60 ล้านคน ซึ่งเคยเดินทางผ่านเข้าออกสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ และพร้อมที่จะเป็น Hub การท่องเที่ยวของอาเซี่ยนได้" นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวทิ้งท้ายไว้อย่างมั่นใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี