เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาดังนี้
ตามหาความเท็จ จากคณะใหม่
เอาแค่เรื่องในเหตุการณ์เพียงวันเดียวของการประท้วงก่อน เบื่อที่ต้องเขียนแล้วเขียนอีกไม่เขียนก็ไม่ได้ มีคนพยายามเอาเรื่องไม่จริงมาหลอกเด็กอยู่เรื่อยๆ
ผมว่ารัฐบาลใจดีเกินไปหรือเปล่า
1.การก่อเหตุรุนแรงในการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช.เมื่อ 10 เม.ย. 53 เริ่มต้นขึ้นด้วยการใช้อาวุธสงครามออกมายิง ฮ.ที่เชิงสะพานผ่านฟ้าก่อน ท่ามกลางคนนับร้อยหลังจากนั้นบนสะพานพระปิ่นเกล้าฯ คนอีกกลุ่มก็ขึ้นไปรุมทำร้ายทหาร บนรถบรรทุกทหาร 4 คัน โดยทหารมีปืนพกประจำกาย แต่ไม่ทำร้ายหรือต่อสู้ ด้วยเห็นว่า เป็นประชาชน ที่เป็นคนไทยด้วยกันกลุ่ม นปช.ยึดอาวุธสงครามไปได้ ส่วนหนึ่งปัจจุบันยังตามหาไม่ครบ
2.ต่อมาที่บางลำภู ช่วงบ่าย การ์ดของกลุ่ม นปช.คนหนึ่งในแถวหน้าที่ผลักดันกันอยู่กับแถวทหาร การ์ดคนนั้นได้ล้วงปืนพกออกมายิง ใส่ทหารที่ผลักดันกันอยู่ซึ่งๆหน้าล้มลง 2 คนกลางวันแสกๆ พอตกค่ำก็มีชายชุดดำเริ่มต้นใช้อาวุธสงครามหลากหลายชนิด ระดมยิงเข้าไปที่กลุ่มทหาร และประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดถนนบางลำภู จนประชาชนย่านนั้นต้องนำทหารที่บาดเจ็บไปซ่อนไว้ในบ้าน เพราะไม่งั้นจะมีกลุ่มคนที่คอยดักทำร้ายทหารที่ถูกยิงบาดเจ็บแล้วซ้ำเข้าไปอีกขณะกำลังนำทหารส่งโรงพยาบาล
3.แค่นั้นไม่พอ เมื่อทหารไม่กล้ายิงประชาชนที่อยู่หน้าแถวกลุ่มชายชุดดำอีกชุดหนึ่ง ล้อมทหารไว้หน้า ร.ร.สตรีวิทย์ เอาประชาชนบังหน้า ฮึกเหิมถึงขั้นใช้อาวุธสงครามนาๆชนิด รวมทั้งระเบิดสังหาร ลอบสังหารนายทหารระดับผู้การกรมจนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสไปถึง 4 คนรวมถึงการฆ่าประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง อย่างหน้าตัวเมีย
มีทหารบาดเจ็บมากมาย กล่าวกันว่า ทหารที่ตายและบาดเจ็บมีจำนวนพอๆกับทหารไทยที่ไปรบในสงครามเวียดนามเลยทีเดียว (แตกต่างกันตรงที่ ที่ราชดำเนินทหารไม่สามารถใช้อาวุธโต้ตอบฝ่ายตรงข้ามซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มประชาชน โดยใช้ประชาชนบังหน้าได้จึงถูกไล่กระทำเพียงฝ่ายเดียว)
4.ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คดีแรกๆที่จะฟ้องทหาร เรื่องพลเรือนที่ถูกกระสุนปืนความเร็วสูงตายหน้า ร.ร.สตรีวิทย์ 2 คนและนักข่าวญี่ปุ่นอีกคนหนึ่ง ฝ่ายที่จะเอาผิดทหารพยายามเชื่อมโยงว่ากระสุนมาจากฝั่งทหาร แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะผลการพิสูจน์ทั้งทางการแพทย์ (นิติเวช) และรูปภาพในคลิปวิดิโอกลับยืนยันได้ว่า กระสุนที่ยิงใส่พลเรือน 2 คนจนเสียชีวิตนั้นไม่ได้มาจากฝั่งทหาร นอกจากนั้น ประชาชนอีกคนที่ตายจาก “กระสุน” ก็เป็นกระสุนที่ทางทหารไม่มีใช้ เรื่องการตายของพลเรือนที่หน้า ร.ร.สตรีวิทยา จึงยุติลงไป แต่ไปจับเอาเรื่องของพลเรือนที่ตายย่านราชประสงค์มาเล่นงานทหารแทน ตอนนี้ก็ยุติไปอีก เพราะความจริงพิสูจน์ได้
อย่าไปตามหาความจริงเลย แต่ถ้าอยากรื้อฟื้นคดี ตามที่กลุ่มฉายแสงเลเซอร์เรียกร้องมาก็ดีเหมือนกัน หลักฐานหลังจากการสลายตัวของกลุ่ม นปช. ยังมีอีกเพียบเลย ตั้งแต่อาวุธสงครามทั้งหลายรวมถึงระเบิด C-4
เอาเลยครับ เอากันจริงๆสักที ไม่งั้นพูดกันไม่รู้จักจบ
ในแทบทุกศาสนา ศีลข้อแรกคือ การยกเว้นการฆ่า โดยเฉพาะการฆ่าผู้บริสุทธิ์ เคยมีพระเกจิท่านหนึ่งได้บอกผมว่า คนที่เอาชีวิต(ฆ่า)คนอื่น รวมทั้งคนที่สั่งการวิญญาณของผู้ตายจะมาเกาะอยู่ข้างหลัง เป็นกรรมติดตัวไปตลอด ยิ่งกรรมเกาะหลังเยอะยิ่ง “หนักกรรม” ครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี