อ่านด่วน!!!‘หมอวรงค์’เขียน‘จดหมายถึงทอน’…วันที่เจ็บ เกลอไม่เจ็บ แนะ 3 หยุด
17 พฤษภาคม 2563 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง “จดหมายถึงทอน” มีเนื้อหาดังนี้
จดหมายถึงทอน
คิดว่าทอนคงจะพอเข้าใจนะว่า คนที่ชอบโกหกชนิดไม่สนใจว่าประชาชนจะคิดอย่างไร โกหกแบบซ้ำแล้วแล้วซ้ำอีก คนไทยเขาจะมองว่า ถ้าไม่ใช่สุขภาพจิตไม่ดี ก็มาจากสันดาน ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างก็น่าจะสมองส่วนหน้า (cerebrum)ไม่ทำงาน สภาพที่ทอนต้องเป็นแบบนี้ ไม่เพียงแต่ปัจจัยที่กล่าว ทอนน่าจะต้องมองไปที่ข้างตัวทอนด้วย ทอนสังเกตไหม คนข้างตัวทอน เมื่อทอนเจ็บแต่เขาไม่เจ็บ เขาเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลกฎหมาย เพราะเขาเป็นนักกฎหมาย แต่กลายเป็นว่า การที่เป็นทั้งนักกฎหมาย และเป็นเบอร์สอง แต่มีส่วนทำให้เบอร์หนึ่งอย่างทอนต้องลำบาก อยากให้ทอนลองไตร่ตรอง
1.ปล่อยให้เบอร์หนึ่งอย่างทอน ต้องสิ้นสภาพส.ส.ชนิดเรียกว่าตายน้ำตื้น เพราะฝ่ายกฎหมายต้องศึกษากติกาก่อน ที่จะต้องลงแข่งขัน หรือว่าฝ่ายกฎหมายของทอนเขาไม่อ่านรัฐธรรมนูญเลยเหรอ ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เขาบังคับใช้กับผู้สมัคร ส.ส. ห้ามถือหุ้นสื่อ แต่เขาปล่อยให้ทอนถือหุ้นสื่อ จนถึงวันสมัครส.ส.ซึ่งเรื่องนี้ความผิดอยู่ที่เกลอของทอนเต็มๆ ที่ต้องย้ำเตือนทอนในฐานะนักกฎหมาย แต่กลับปล่อย ไม่เตือน ถึงบอกแล้วไงว่า ใครใกล้เขามักจะไม่รอด และทอนก็ไม่รอดจริงๆ
2.นอกจากรักษาทอนไม่ได้ ยังรักษาพรรคไว้ไม่ได้อีก ในคดีเงินกู้ จริงอยู่แม้ว่าเรื่องการกู้เงิน จะเป็นการหลุดจากปากของทอน แต่เมื่อทอนหลุดปากไปแล้ว นักกฎหมายพรรค ต้องตั้งหลักและกำกับบท ไม่ใช่ปล่อยให้ทอนกับช่อเล่นกันสนุกสองคน เป็นหน้าที่ของเกลอ ต้องคุมเกมส์ให้ได้ หรือว่าทอนดื้อเอง ถึงทอนจะดื้ออย่างไร ต้องอยู่ในเกมส์ เห็นเกลอทอนออกมา เรื่องเอกสารหลุดของกกต. ซึ่งมันสายเกินไปแล้ว ในเชิงกลยุทธ์ถ้าเขาคุมเกมส์ได้ตั้งแต่ทอนพลั้งปากพูด สถานการณ์น่าจะดีกว่านี้ แต่กลายเป็นว่า เขาปล่อยทอนหรือว่าเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงทำให้นอกจากเขารักษาทอนไม่ได้ เขายังรักษาพรรคไว้ไม่ได้อีกด้วย
3.เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำลายเกียรติยศของทอนมาก แม้แต่สาวกของทอนยังตำหนิ นั่นคือแคมเปญ"เมย์เดย์เมย์เดย์ เราช่วยกัน"มาพร้อมๆกับข้อความที่ทอนโพสต์ "ผู้ที่เดือดร้อนรับได้เลยทันทีอย่างถ้วนหน้า 3,000 บาทไม่ต้องพิสูจน์ความจน" แคมเปญบลั๊ฟรัฐบาล แต่ทอนเองทำไม่ได้ เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน หลอกลวงสาวก
การคิดทำแบบนี้คนที่เป็นเบอร์สอง ต้องไม่ปล่อยให้ออกมา เพราะดูก็รู้ว่าเจ๊งแน่ แต่การที่เกลอของทอนปล่อยให้ทอนกับช่อเล่น เท่ากับหวังดีประสงค์ร้ายคือ ปล่อยให้ไปตาย
4.หรือแม้แต่แคมเปญล่าสุดอย่าง #ตามหาความจริง ที่ปล่อยช่อออกมาเล่น นอกจากแย่งซีนแกนนำนปช. ซึ่งปกติแล้วมันควรเป็นบทบาทของพวกเขา แต่กลายเป็นว่า เหล่าแกนนำนปช.ยิ่งเจ็บ เพราะทอนน่าจะรับรู้ได้ คลิปต่างๆถูกเอามาแชร์เหมือนต้องการตอกย้ำให้ เหล่าแกนนำไม่ได้เกิด และที่สำคัญในช่วงเวลาแบบนี้ อารมณ์ประชาชนเขาไม่รับ งานนี้เกลอของทอน ควรจะยับยั้ง เพราะอดีตเคยปล่อยทอนไปตายหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เท่ากับว่าเขายังปล่อยช่อ ออกไปตายอีกด้วย
นี่คือตัวอย่างเล็กๆน้อย ที่อยากให้ทอนได้ไตร่ตรอง และเห็นถึงความไม่ธรรมดาของเขา
นอกจากนั้นแล้ว เกลอของทอนยังมีลักษณะโกหกซ้ำๆเหมือนทอน แต่ คนนอกมองทอนโกหก เป็นตัวตน ดูเป็นธรรมชาติ มาจากเบื้องลึกของหัวใจจริงๆ แต่เกลอของทอน เป็นการโกหกแบบหน้าด้าน ที่เขาเรียกเจ้าเล่ห์กว่ามาก ดูการโกหกไม่เป็นธรรมชาติ เช่น
1.ครั้งที่ประชาชนเขาจับได้ว่า ทอนไม่ได้ทำบลายทรัสต์ ตามที่เคยพูดก่อนเลือกตั้ง เกลอของทอนก็ออกมาแก้ต่างให้ โดยให้สัมภาษณ์ว่า ทอนยังไม่ได้ปฏิญาณตนการเป็นส.ส. ถือว่าทอนยังไม่ได้เป็นส.ส. แต่สุดท้ายถูกชาวเน็ตเอาคลิปมาแฉว่า ทอนปฏิญาณตนเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ประธานสภาจะอ่านคำนิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และให้ทอนออกจากห้องประชุม การที่เกลอของทอนออกมาโกหกว่าทอนยังไม่ได้ปฏิญาณตน ทั้งๆที่เขาก็นั่งในห้องประชุมสภาใกล้ทอน รู้ทั้งที่รู้ว่าทอนปฏิญาณตนแล้ว แต่เขาก็ยังกล้าโกหก...คิดดูเอาละกัน
2.ถ้าทอนจำได้ พรรคเคยมีมติขับส.ส.ออกจากพรรค 4 คน มีการให้ข่าวต่อสื่ออย่างชัดเจน ว่าพรรคมีมติขับออก แต่สุดท้ายเกลอของทอนเอง ก็โกหกแบบไม่สนความจริง อ้างว่าองค์ประชุมไม่ครบ แต่ก็ถูกส.ส.คนหนึ่งเอาเทปบันทึกการประชุมมาแฉว่า เกลอของทอนเป็นประธานในที่ประชุม เป็นคนขานและถูกบันทึกเสียงไว้ว่าองค์ประชุมครบแล้ว ให้ลงมติได้ เท่ากับว่าเกลอของทอนก็โกหกแบบหน้าตาเฉยอีก ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าองค์ประชุมครบ
3.การโกหกครั้งนี้ของเกลอของทอน ถือว่าเป็นครั้งที่classic และเป็นครั้งที่เรียกว่า typical เจ้าเล่ห์ เพราะมันฟ้องถึงการแสดงออกของสีหน้าและแววตา นั่นคือการออกมาแถลงเอกสารหลุดของกกต. ต่อคดียุบพรรค การเรียกเอกสารหลุดนั้นดูน่าสนใจอยู่แล้ว และมาเจอคนประเภทเลือกสิ่งที่ตนเองต้องการบิดเบือนนำเสนอ ยิ่งสร้างความสับสนให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ง่าย แต่โชคร้ายที่ตัวผมเอง กลับได้เอกสารหลุดของกกต.ชิ้นนั้นด้วย เมื่อมาอ่านดูแล้ว รู้เลยว่าเขาบิดเบือนประเด็นไหนบ้าง โดยเฉพาะที่อ้างว่าเมื่อมีการยกคำร้องเรื่องต้องยุติ เกลอของทอนก็ตีความกฎหมายผิดมาตรา อย่างที่กล่าวให้ทอนเห็นภาพ เขายังมีตรรกกะแปลกๆที่นึกไม่ถึงว่าเคยเป็นอดีตอาจารย์สอนกฎหมายมหาวิทยาลัยมีชื่อของประเทศ เช่น Lawfare หรือ นิติสงคราม สังเกตดูว่า ทอนและเพื่อนๆชอบทำในสิ่งที่หมิ่นเหม่ต่อการผิดกฎหมาย ก็ในเมื่อบ้านเมืองมีขื่อมีแป เราเป็นนิติรัฐ ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
แต่เมื่อพวกทอนทำผิดกฏหมาย แล้วจนตรอก เกลอของทอนก็จะออกมาสร้างกระแสว่าถูกกฎหมายเล่นงาน ทั้งๆที่กฎหมายนี้มีมาก่อนแล้ว ไม่ว่าเป็นใคร ถ้าทำผิดกฎหมาย ก็ต้องผิด แต่เกลอของทอน กลับมาปั่นกระแสว่า ถูกกฎหมายเล่นงานด้วย คำว่า lawfare หรือนิติสงคราม แทนที่จะยึดมั่นในกฎหมาย ปฏิบัติตามกฎหมาย จะได้ไม่ผิด แต่นี่กลายเป็นทำผิดกฎหมายแล้ว ว่าเขามากลั่นแกล้ง แบบนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าเกลอคนนี้เหรอ ที่เป็นนักกฎหมาย
ที่เขียนจดหมายถึงทอน อยากจะบอกทอนว่า แม้ทอนจะโกหกเป็นนิสัย จมปลักกับความขัดแย้งในอดีต แต่ทอนเป็นคนมีพลัง คนนอกเขาสังเกตพลังของทอนได้ แต่กลายเป็นว่า เกลอของทอนก็จะเล่นเกมส์ของเขาคนเดียว แต่เกมส์ที่ทอนกับช่อเล่นนั้น เป็นเกมส์เสี่ยงที่เกลอไม่มาเสี่ยงด้วย เท่ากับว่าเมื่อทอนกับช่อเจ็บ เกลอไม่เจ็บด้วย และเขาก็เอาตัวรอดได้
ทางที่ดีทอนน่าจะเปลี่ยน mind setใหม่ ถ้ามองโลกบวก หยุดโกหก หยุดจาบจ้วง หยุดสร้างความขัดแย้ง คิดถึงประโยชน์ชาติ และประชาชน โดยเฉพาะความอยู่ดีกินดี และความผาสุขของประชาชน รักษาวัฒนธรรม ประเพณีที่เป็นจุดแข็ง ของประเทศไว้ ทำอะไรทุกครั้งเอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง ทอนน่ายังมีอนาคตที่ดีต่อการเมืองไทยนะ แต่ถ้ายังเป็นเหมือนเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ก็ช่วยไม่ได้ ก็ต้องสู้กันไป หวังว่าทอนน่าจะเปลี่ยน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี