“ก้าวไกล” ชี้เรียนออนไลน์ต้องเป็นทางเลือก ย้ำเปิดโรงเรียนเป็นทางหลัก ชู 12 มาตรการเสริมความปลอดภัยสู้ “โควิด-19” เปิดเทอมได้ 1 มิ.ย.นี้
18 พฤษภาคม 2563 น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกลและคณะทำงานด้านการศึกษาพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกในการเรียนออนไลน์ พบว่า ระบบล่มไม่สามารถเข้าได้ตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งแนวทางการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เหมือนมุ่งเน้นไปที่การเรียนแบบออนไลน์และทางไกลมากกว่าการเตรียมความพร้อมเพื่อให้มีการเรียนการสอนในโรงเรียนอย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ ตนเสนอว่าควรเปิดเทอมให้เด็กกลับเข้าเรียนในโรงเรียนให้เร็วที่สุด ซึ่งที่ผ่านมาคิดอย่างจริงจังตั้งแต่ช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา สร้างสิ่งแวดล้อม กำหนดกติกาสร้างวินัย สร้างระบบการสอบสวนโรคที่ดี คิดให้ครบทั้งระบบเติมคนและงบประมาณลงไปอย่างเหมาะสม เชื่อว่าการเปิดเรียนอยู่ในวิสัยที่ทำได้ ในทางกลับกันหากเกิดแพร่ระบาดในวงกว้าง แสดงว่ารัฐยังทำได้ไม่ดีพอ
“ทางเลือกแรกของโรงเรียน คือการมุ่งทำทุกวิถีทาง ไม่ว่าจัดห้องเรียนให้มีระยะห่างเหมาะสม จัดคาบเรียนใหม่ ปรับรูปแบบของกิจกรรมการเรียนรู้ การกำหนดกติกาในโรงเรียน กำหนดมาตรการคัดกรอง และออกมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ได้มากที่สุด การเรียนออนไลน์ ควรเป็นทางเลือกสำหรับเด็กที่พ่อแม่มีความคล่องตัวสามารถสอนลูกเองได้ และประสงค์ที่จะให้ลูกเรียนที่บ้าน เพราะข้อเท็จจริงจากการลงพื้นที่ เราพบเห็นพ่อแม่จำนวนมากที่มีข้อจำกัด แม้ว่าจะรับรองความปลอดภัยไม่ได้ 100% แต่ถ้าเห็นว่าโรงเรียนเตรียมความพร้อมและวางมาตรการอย่างเต็มความสามารถแล้ว พ่อแม่สามารถอุ่นใจได้และจะช่วยลดภาระให้กับพวกเขา ซึ่งเวลานี้ส่วนใหญ่ยังต้องคิดในแง่เศรษฐกิจหรือการทำมาหากินเพื่อปากท้องควบคู่กันไปด้วย” น.ส.สุทธวรรณ กล่าว
น.ส.สุทธวรรณ กล่าวอีกว่า สำหรับทางออกและข้อเสนอนั้น ควรเปิดโรงเรียนเป็นทางเลือกหลัก และเชื่อว่าในวันที่ 1 มิถุนายน 2563 จะสามารถเปิดเรียนได้ หากตั้งใจจริงและทำตามมาตรการ 12 ข้อ ของพรรคก้าวไกล ดังนี้
1) มาตรการคัดกรองเด็กก่อนเข้าโรงเรียน เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิ การมีจุดล้างมือหน้าโรงเรียน
2) การงดกิจกรรมเข้าแถวหน้าเสาธง หรือกิจกรรมการนำเอาเด็กมารวมกลุ่มกัน เช่น วิชาลูกเสือ เป็นต้น
3) มีการจัดเวรทำความสะอาด เครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น โต๊ะเรียน พื้นที่ที่มือสัมผัสบ่อยๆ เช่น ราวบันได ราวระเบียง ลูกบิดประตู ขอบประตู ขอบหน้าต่าง ฯลฯ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
4) การจัดโต๊ะเรียนให้อยู่ห่างกัน หากยังมีระยะห่างกันไม่มากพอ ก็อาจจะทำอุปกรณ์ฉากกั้นระหว่างโต๊ะเรียน ซึ่งฉากกั้นนี้ นอกจากจะเพื่อความปลอดภัยแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ที่คอยเตือนใจให้นักเรียนเว้นระยะห่างกัน ได้ดีอีกด้วย
5) กำหนดกติกาต่างๆ ให้กับนักเรียนทราบ เช่น การใส่หน้ากากอนามัยในโรงเรียน การเล่นกับเพื่อนในช่วงพักกลางวัน การรณรงค์การเว้นระยะห่างระหว่างกันภายในโรงเรียน การกำหนดจุดยืนเข้าคิวที่มีการมาร์คจุดให้ยืนห่างๆ กัน ภายในโรงเรียน การไม่ใช้อุปกรณ์ร่วมกัน การรับประทานอาหารโดยใช้ช้อนกลาง ฯลฯ ซึ่งถ้ามองในเชิงบวก ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ สร้างนิสัยใหม่ เพื่อสุขอนามัยที่ดี และจะดีมากยิ่งขึ้น ถ้าเด็กได้นำเอาความรู้นี้ไปเผยแพร่ให้กับคนในครอบครัว และประยุกต์ใช้ที่บ้าน
6) ปรับรูปแบบการเรียนการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ในวิชาต่างๆ ให้มีการรักษาระยะห่างระหว่างกัน งดการนำเด็กมารวมกลุ่ม
7) จัดคาบเรียน เพื่อลดการเวียนสอนของครู เพื่อป้องกันไม่ให้ครูมีการเวียนพบปะกับเด็กจำนวนหลายห้อง เพื่อลดความเสี่ยง
8) การจัดทำจุดอ่างล้างมือบริเวณหน้าห้องเรียน ที่มีจำนวนจุดที่มากเพียงพอในระดับหนึ่ง และวางกติกาให้นักเรียนทยอยกันออกมาล้างมือด้วยสบู่ ก่อนเริ่มเรียนคาบต่อไปทุกครั้ง เพื่อให้การล้างมือเป็นนิสัยใหม่ของเด็ก
9) มีมาตรการในการตรวจคัดกรองครูด้วยเช่นกัน มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นระยะๆ ขอความร่วมมือจากครูไม่ให้ไปในที่มีมวลชนหนาแน่น หากพบว่าครูป่วย ให้ตรวจวินิจฉัยทันที และให้กลับมาสอนเมื่อหายดีแล้วเท่านั้น
10) หากพบว่าเด็กคนใดป่วย ควรให้เด็กคนนั้นพักรักษาตัวจนกว่าจะหาย และให้ครูประสานกับผู้ปกครองเพื่อติดตามอาการ และสนับสนุนให้มีการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด หากพบว่ามีอาการต้องสงสัย และจะอนุญาตให้กลับมาเรียนได้ก็ต่อเมื่อหายดี
11) ทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง ว่าพยายามให้เด็กเว้นระยะห่างจากปู่ย่าตายาย หรือผู้สูงอายุภายในบ้าน และงดที่จะใช้อุปกรณ์ต่างๆ ร่วมกัน
12) เด็กทุกคน จะต้องมีรายงานกลับมาส่งครูทุกวัน (เด็กเล็กให้พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นผู้กรอก) เหมือนกับสมุดจดการบ้าน เพื่อรายงานว่าที่บ้านมีผู้ป่วยหรือไม่ หรือมีบุคคลภายนอกมาพักอาศัยรวมกันหรือไม่ หากพบว่าที่บ้านของนักเรียนมีผู้ป่วย ให้ครูประสานแจ้ง อสม. ในเบื้องต้นไว้ก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี