เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2563 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Chao Meekhuad" ระบุว่า "จับตาจันทร์นี้ เอ้กบอร์ด เคาะชดเชยส่งออกไข่ไก่ฟองละ 50 สตางค์ อ้างเกษตรกรรายย่อย เปิดทางทุนใหญ่คว้าชิ้นปลามัน"
ผมทราบมาว่าในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมนี้ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ หรือ เอ้กบอร์ด จะพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ตกต่ำ โดยปัจจุบันไข่คละหน้าฟาร์มอยู่ที่ 2.40 บาทต่อฟอง จึงต้องผลักดันให้มีการส่งออก เพื่อขยับราคาในประเทศให้สูงขึ้นบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรรายย่อย สุดท้ายผู้บริโภคคือประชาชนก็ต้องซื้อไข่ไก่แพง เป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำกันต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว
คำถามคือใครได้ประโยชน์สูงสุดจากนโยบายนี้ คำตอบง่าย ๆ คือ ทุนใหญ่ที่เป็นทั้งผู้ส่งออก ผู้นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ขายลูกไก่ ไก่สาว ขายอาหารสัตว์ และขายไข่ไก่ หรือผู้ที่ทำธุรกิจในอุตสาหกรรมไข่ไก่ครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำนั่นเอง เพราะเขาจะได้ประโยชน์ทั้งเงินชดเชยจากการส่งออก และฟันกำไรเพิ่มจากราคาในประเทศที่ขยับขึ้น แต่ถ้าไม่มีการชดเชยการส่งออก ก็ไม่ขาดทุน เพราะต้นทุนต่ำกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว แถมควบคุมราคาได้ตามใจชอบ อยากให้ราคาตกเพื่อบีบให้เกิดนโยบายที่ตัวเองได้ประโยชน์ก็เทไข่ไก่จากห้องเย็นเข้าสู่ระบบเพื่อดั๊มพ์ราคา ส่วนเกษตรกรรายย่อยที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ ทำอะไรไม่ได้ เพราะนโยบายรัฐไม่เคยแก้ปัญหาที่ต้นทาง มีแต่ทำตามน้ำตามใจเจ้าสัวเท่านั้น
"อีกคำถามหนึ่งที่คาใจที่รัฐไม่เคยมีคำตอบว่าเหตุใดเรื่องที่เกี่ยวกับราคาไข่ไก่ รัฐจึงขยับเข้าไปอุ้มอย่างรวดเร็ว แต่พอสินค้าเกษตรชนิดอื่นที่เจ้าสัวไม่ได้เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ทำไมจึงไม่ได้รับการดูแลในแบบเดียวกัน เพราะถ้าคิดว่านโยบายนี้ถูกต้อง ท่านต้องใช้วิธีเดียวกันนี้กับสินค้าเกษตรชนิดอื่นด้วย ไม่ใช่ท่องคาถาไข่ไก่ขาดทุนไม่ได้ต้องเข้าไปอุ้ม แต่สินค้าเกษตรอื่นราคาตกต่ำกลับอ้างกลไกตลาด"
ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ที่ต้นเหตุ นั่นคือต้องลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกร ลดการผูกขาดในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อขจัดปัญหาการตั้งราคาทุ่มตลาด โดยควรดำเนินการ ดังนี้
1. การนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ต้องเปิดเสรีอย่างแท้จริง ตามมติครม.ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่มีการทลายทุนผูกขาดเป็นครั้งแรก ไม่ควรแก้ปัญหาไข่ไก่ราคาตกด้วยการไปจำกัดการนำเข้า เพราะสุดท้ายแล้วเกิดปัญหาเลือกปฏิบัติ บางรายถูกบีบให้นำเข้าน้อย ขณะที่รายใหญ่ยังดำเนินการได้อย่างเสรี ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม วิธีแก้ไขรัฐบาลควรเปิดช่องทางให้มีการกระจายพ่อแม่พันธุ์อย่างทั่วถึง ด้วยการพัฒนาสหกรณ์ให้มีศักยภาพในการนำเข้ามาเพื่อให้บริการขายลูกไก่ให้กับสมาชิก และผลิตอาหารสัตว์ได้เอง ลดต้นทุนให้กับเกษตรกรรายย่อย แทนการไปซื้อจากนายทุน จนถูกบังคับให้ต้องซื้ออาหารสัตว์พ่วงด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้เกษตรกรรายย่อยสามารถยืนหยัดแข่งขันได้ เมื่อเกษตรกรรายย่อยมีความเข้มแข็ง ก็จะทำให้มีส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้น ช่วยให้การแข่งขันมีมากขึ้น ลดการมีอำนาจเหนือตลาดของรายใหญ่ลง ส่งผลดีกับประชาชนที่เป็นผู้บริโภค
2. ปรับปรุง ประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งผลการรวมธุรกิจ พ.ศ.2561
รัฐบาลต้องแก้ปัญหาทุนผูกขาดที่มีอำนาจเหนือตลาดไข่ไก่อย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นตลาดไข่ไก่จะอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มทุน โดยที่เกษตรกรรายย่อยและผู้บริโภคกลายเป็นผู้เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ต้องทำคือบังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 อย่างจริงจัง และต้องปรับปรุงเกณฑ์การพิจารณาผู้มีอำนาจเหนือตลาด ในประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการแจ้งผลการรวมธุรกิจ พ.ศ.2561 ที่กำหนดเกณฑ์ยอดขายขั้นต่ำสำหรับธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดในตลาดใดตลาดหนึ่ง หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป ซึ่งถือว่าสูงเกินไป จนเกิดการซิกแซ็กไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริง
3. ควรมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนไม่ให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งทำธุรกิจไข่ไก่แบบครบวงจร ตั้งแต่นำเข้าพ่อแม่พันธุ์ ขายอาหารสัตว์ ขายลูกไก่ ไปจนถึงเป็นผู้ค้าไข่ไก่ด้วย เนื่องจากการให้ผู้นำเข้าเป็นผู้ผลิตและผู้ค้าไข่ไก่ด้วย จะทำให้เกิดความได้เปรียบ นำไปสู่การกีดกันทางการค้า มีอำนาจเหนือตลาด เหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
"นี่เป็นสามประเด็นหลักที่ผมคิดว่า ถ้ารัฐบาลทำได้จะเป็นการแก้ปัญหาราคาไข่ไก่ที่ต้นทาง นอกจากจะเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรรายย่อยแล้ว ประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ จากการแข่งขันที่เป็นธรรมด้วย และยังช่วยทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลเห็นหัวคนจน ไม่ใช่ถนัดแต่ออกนโยบายเอื้อเจ้าสัว เหมือนที่มีการครหากันอยู่ในขณะนี้"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี