“เพื่อไทย” ประกาศความพร้อมอภิปรายถล่มพ.ร.ก.กู้เงิน เน้น ชำแหละความล้มเหลวทุกด้านก่อนโควิด19 เล็ง เสนอร่างกฎหมายแก้ไขพ.ร.ก.
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แถลงผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการดำเนินการเยียวยาประชาชนและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการของรัฐบาลจะต้องเป็นไปอย่างจริงใจโดยไม่มีนัยยะใดๆแอบแฝง โดยเฉพาะการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เพื่อควบคุมการทำกิจกรรมของประชาชน จะต้องไม่มีนัยทางการเมือง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่ในเรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่ในแง่ของวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งจะเห็นได้ว่า รัฐบาลขาดการรับฟังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายด้าน โดยเฉพาะการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาการขยายพระราชกำหนด แทนที่ควรจะนำเรื่องมาหารือกันในสภา จึงเป็นการมีวิสัยทัศน์แบบอำนาจนิยม ในด้านการบริหารและการทำงาน แม้รัฐบาลจะพยายามนำระบบดิจิทัลมาใช้แต่จะเห็นได้ว่า ไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการจะนำระบบดิจิทัลมาบริหารประเทศได้นั้นประเทศต้องมีประชาธิปไตยและขจัดอุปสรรคทางกฎหมายออกไป แต่ความเป็นจริงยังไม่มีการดำเนินการให้เป็นเช่นนั้นจนทำให้คนรากหญ้าและผู้ประกอบการระดับกลางดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก
นายโภคิน กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายของพรรคเพื่อไทยในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค. จะนำเสนอให้เห็นถึงปัญหาของรัฐบาลตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดหนักของโควิด19 จนเกิดการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พรรคเพื่อไทยจึงมีความกังวลต่อการบริหารจัดการเงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาทว่าเงินเหล่านี้จะถึงมือของประชาชนหรือไม่อย่างไร
นายวัฒนา เมืองสุข คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย โดยมีการคาดการณ์จากหลายสำนักว่าประเทศไทยจะติดลบประมาณ 6% การส่งออกจะหดตัว ส่วนการบริโภคภายในอันเป็นกำลังซื้อจะลดลงอย่างรุนแรง เศรษฐกิจไทยเวลายืนอยู่ได้เพราะการลงทุนภาครัฐที่มาจากเงินกู้เป็นหลัก ดังนั้น รัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้ประชาชนคาดการณ์ได้ว่า จะเกิดอะไรกับประชาชนบ้าง อย่างการคงพระราชกำหนดการบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความชัดเจนว่าจะบังคับใช้ไปอีกนานแค่ไหน จะทำให้เศรษฐกิจของประชาชนเดินหน้าต่อไปไม่ได้
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาระสำคัญของพระราชกำหนดกู้เงินมีความบกพร่องหลายประการ เช่น การควบคุมการใช้เงินที่มีความหละหลวม และเงื่อนไขของกฎหมายทำให้เอสเอ็มอีที่เข้าถึงเงินกู้นี้ได้เพียงประมาณแสนราย จากเอสเอ็มอีที่ทั้งหมดประมาณ 3 ล้านราย ด้วยเหตุนี้ภายหลังสภาเห็นชอบกับพระราชกำหนดกู้เงินทั้งสามฉบับเมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยจะเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดทั้งสามฉบับทันที เพื่อให้เนื้อหาสาระสำคัญที่สามารถช่วยเหลือประชาชนและตรวจสอบการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี